บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1502 ท่านแม่ของท่านชายสี่
เหยี้ยนจือหยูผู้อ่อนโยนก็กลายเป็นคนเยือกเย็นอย่างที่สุด แล้วก็ยื่นหนึ่งข้อเสนอกับเหลิ่งเฟิ่งชิง ให้นางเปลี่ยนโชคชะตาฟ้าลิขิตให้กับคนคนหนึ่ง
การเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต เป็นการทำลายอายุชัยของเหลิ่งเฟิ่งชิง ยิ่งเป็นการทำให้นางต้องทนทุกข์ เหยี้ยนจือหยูไม่สนใจ และยังให้คำแนะนำนางว่า หากนางไม่อยากตาย ให้ชะตากรรมที่ย้อนกลับมาทำลาย ตกอยู่ที่ลูกที่กำลังจะเกิดมา
สิ่งที่เหยี้ยนจือหยูทำกับสิ่งที่พูด ทำให้เหลิ่งเฟิ่งชิงตกจากสวรรค์ลงสู่นรก ภายใต้ความโกรธโมโห หนังยังคงอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วถามเหยี้ยนจือหยูว่า ทำไมถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ลูกในท้องของนาง ก็เป็นลูกของเขาเหมือนกัน
เหยี้ยนจือหยูนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือในห้องโถง มือทั้งคู่จับที่วางมือไว้ บนใบหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ใช่ เพราะเป็นลูกของข้าเหมือนกัน ดังนั้นข้าจึงมีอำนาจในการตัดสินชีวิตของเขา ข้าใช้ลูกของข้ามารับชะตากรรมนี้ ถือว่าข้าไม่ติดค้างเจ้า”
คำพูดประโยคนี้ กระทบจิตใจหยวนชิงหลิงโดยตรง นี่น่าจะเป็นความที่ท่านชายสี่ได้ยินมาจากปากคนอื่น แบบประโยคนี้ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเขา แล้วก็ทำให้หยวนชิงหลิงจำประโยคนี้ได้อย่างฝังใจ
สามารถนึกภาพได้ ประโยคนี้สำหรับเหลิ่งเฟิ่งชิง ถือเป็นการทำร้ายอย่างที่สุด
เหลิ่งเฟิ่งชิงแทบไม่ทันได้เสียใจ ก็ต้องทำการเลือก ที่จริง ใช่ว่าเป็นการเลือก นางมีเพียงตัวเลือกเดียว หากไม่ทำตามความต้องการของเหยี้ยนจือหยู คนของตระกูลเทียนซ่วนก็ต้องตายทั้งหมด
เขตพื้นที่ห่างไกลฮ่องเต้ เหยี้ยนจือหยูเปรียบเหมือนฮ่องเต้ในเมืองเฟิงตู เขาต้องการให้ใครตาย คนคนนั้นก็ต้องตาย และตระกูลเทียนซ่วน ถือเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในท้องถิ่น ตามหลักเหยี้ยนจือหยูไม่กล้าแตะต้องพวกเขา แต่เพื่อคนคนหนึ่ง เขายอมเป็นคนร้ายในใจผู้คน ยอมให้คนบนโลกตราหน้าว่าเป็นคนเลว ก็จะกระทำการเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต
คนคนนั้นชื่อซูหรูซวงเป็นลูกพี่ลูกน้องของเหยี้ยนจือหยู เป็นคู่รักที่เติบโตมากับเขาตั้งแต่เด็ก ป่วยเป็นโรคอย่างหนึ่ง หาหมอแล้วมากมายก็ไม่สามารถรักษาได้ มีชีวิตเหลืออยู่ไม่มากแล้ว หมอผีสวรรค์ของเมืองเฟิงตูพูดว่า มีทางรอดเพียงทางเดียว ก็คือให้ตระกูลเทียนซ่วนเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต
ที่เหยี้ยนจือหยูแต่งงานกับเหลิ่งเฟิ่งชิงก็เพื่อสิ่งนี้ ตอนเจอกัน เหมือนรักแรกพบ จะต้องแต่งงานด้วยให้ได้ คำพูดอ่อนหวาน ลึกซึ้งมากมาย ล้วนจอมปลอบ ผู้หญิงที่เขารักคือซูหรูซวง
เมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยแล้ว เขาอยู่ภายในห้องโถงนั่น เล่าเรื่องความรักระหว่างเขากับลูกพี่ลูกน้อง ให้เหลิ่งเฟิ่งชิงที่ผิดหวังเสียใจและโกรธแค้นอย่างที่สุดฟัง เขาพูดกับเหลิ่งเฟิ่งชิงว่า เขายอมแลกทุกอย่างเพื่อแลกกับชีวิตของหรูซวง
เหลิ่งเฟิ่งชิงฟังเขาพูดจนจบอย่างแทบมึนชา แล้วก็ถามเขาเพียงประโยคเดียวว่า “ข้าช่วยนางแล้ว เจ้าจะปล่อยคนของตระกูลเทียนซ่วนจริงๆไหม?”
เหยี้ยนจือหยูสาบาน ขอเพียงนางยอมช่วยหรูซวง เขาจะปล่อยคนของตระกูลเทียนซ่วน และจะแบ่งแผ่นดินเมืองเฟิงตูครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลเทียนซ่วน
เหลิ่งเฟิ่งชิงตอบตกลง แต่นางมีข้อแม้หนึ่งข้อ คือให้นางเจอซูหรูซวงเป็นการส่วนตัวสักครั้ง
เริ่มแรกเหยี้ยนจือหยูไม่ยอม พูดกับเหลิ่งเฟิ่งชิงอย่างเย็นชาว่า “ทุกอย่างไม่เกี่ยวกับนาง ข้าเป็นคนตัดสินใจเอง เจ้าเจอนางก็ไม่มีประโยชน์”
เหลิ่งเฟิ่งชิงก็ตอบกลับอย่างเย็นชาว่า “เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกี่ยวข้องกับนาง ในเมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะนาง ไม่ว่าเจ้าจะปกป้องนางอย่างไร นางก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ หากเจ้าไม่ตกลง ข้าก็จะไม่ตกลง เจ้าฆ่าข้า ฆ่าคนของตระกูลเทียนซ่วนเถอะ”
สุดท้ายเหยี้ยนจือหยูตอบตกลง แต่เขาพูดขู่เหลิ่งเฟิ่งชิง หากนางพูดอะไรที่เป็นการทำร้ายซูหรูซวงเพียงนิด เขาจะฉีกร่างคนของตระกูลเทียนซ่วน
สามีที่เคยอ่อนโยน กลับเผยให้เห็นถึงใบหน้าที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ ความรักที่ลึกซึ้งของเขา มีไว้สำหรับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เหลิ่งเฟิ่งชิงเจ็บปวดใจอย่างมาก เสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว
ภายใต้การจัดเตรียมของเหยี้ยนจือหยู นางได้เจอกับซูหรูซวงจวนหลังหนึ่งในเมืองเฟิงตู ก้าวแรกที่เดินเข้าไปในจวน หัวใจที่ชาของนางเจ็บปวดขึ้นมา ต้นไม้ต้นหญ้า โต๊ะเก้าอี้ สิ่งก่อสร้าง การจัดวางทุกอย่างของที่นี่ ล้วนเต็มไปด้วยความตั้งใจอย่างหรูหราที่สุด
เหยี้ยนจือหยูเลือกสรรแต่สิ่งดีที่สุดในโลกให้กับนาง และยังควักหัวใจของเขา มอบไว้ตรงหน้าของซูหรูซวง
คนที่รักใคร่อย่างที่สุดมาทั้งชีวิตคือซูหรูซวง
ซูหรูซวงนอนติดเตียงอยู่ตลอด แต่เหยี้ยนจือหยูจัดเตรียมให้เหลิ่งเฟิ่งชิงเจอกับนางในอีกห้องหนึ่ง เพราะเหยี้ยนจือหยูพูดว่า ห้องนอนของซูหรูซวงคนอื่นเข้าไม่ได้ กลัวปนเปื้อน
ไม่มีใครรู้ เมื่อเหลิ่งเฟิ่งชิงได้ยินประโยคนี้มาแล้วจะรู้สึกยังไง ใบหน้าของนางเย็นชา พยายามสงบสติอารมณ์แล้วไปเจอซูหรูซวงในห้อง
สวมด้วยชุดสีขาว ใบหน้าบ่งบอกถึงอาการป่วย อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบมิได้ ภายในสายตา กลับมีความสุภาพ สง่างาม
นางเอนพิงอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย ตอนที่เหลิ่งเฟิ่งชิงเข้ามา นางไออยู่หลายที สีหน้าขาวเหมือนดั่งเครื่องเคลือบสีขาว ประกายแดงก่ำ มองดูเหลิ่งเฟิ่งชิงอย่างอ่อนช้อย
เหลิ่งเฟิ่งชิงระงับความเจ็บปวดในใจ พร้อมถามนางว่ารู้เรื่องที่เหยี้ยนจือหยูทำกับนางไหม
ซูหรูซวงบอกว่ารู้ นางพูดกับเหลิ่งเฟิ่งชิงว่า เหยี้ยนจือหยูไม่ได้ปฏิบัติไม่ดีต่อนาง ในหนึ่งปีที่แต่งงานกัน เหยี้ยนจือหยูดีกับนางมาก และการเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตของนาง แต่ใช้ชีวิตลูกของนางที่อยู่ในท้อง
คำพูดของนาง เหมือนกับเหยี้ยนจือหยู ลูกคนนั้นเป็นลูกของเหยี้ยนจือหยู เหยี้ยนจือหยูสามารถตัดสินใจว่าจะใช้ลูกคนนี้ทำอย่างไร ไม่ถือเป็นการปฏิบัติไม่ดีต่อนาง
เหลิ่งเฟิ่งชิงพูดขึ้นอย่างเจ็บปวดว่า นั่นก็คือลูกของนางเหมือนกัน ซูหรูซวงฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย หัวเราะขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า หากเจ้าไม่ยอมใช้ชีวิตของลูกคนนี้ งั้นก็ใช้ชีวิตของเจ้า นี่เป็นสิ่งที่เจ้าเลือก ไม่ใช่สิ่งที่เหยี้ยนจือหยูเลือก เขายังคงไม่ติดค้างอะไรเจ้า เป็นเด็กคนนี้ที่ติดค้างเจ้า
ในที่สุดเหลิ่งเฟิ่งชิงก็อดทนไม่ไหว ตบลงไปบนใบหน้าของซูหรูซวงหนึ่งที
เหยี้ยนจือหยูโกรธจัด สั่งฆ่าเหลิ่งเฟิ่งหยู่น้องสาวของเหลิ่งเฟิ่งชิง แล้วก็เอาศพของนางแขวนไว้บนประตูเมือง เพื่อเป็นการลงโทษเหลิ่งเฟิ่งชิง
หยวนชิงหลิงล่วงรู้ได้ถึงเพียงตรงนี้
ท่านชายสี่ตื่นขึ้นมาแล้ว
วินาทีที่เขาลืมตาขึ้น สายตาเหมือนแฝงไปด้วยเลือดสีแดง หยวนชิงหลิงรู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นและเกลียดชังของเขา เหมือนอย่างที่หยู่เหวินเย่พูดว่า เกลียวคลื่นเลือด
แต่แปบเดียว ก็ค่อยๆสงบลง พร้อมถึงมึนงง ถามขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
สายตาหยวนชิงหลิงยังฉายแววเจ็บปวด เรื่องที่ได้รับรู้จากในความทรงจำของเขา ต่อให้นางที่เป็นคนนอก ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดและหมดหวังนั่น เหลิ่งเฟิ่งชิงผ่านมาได้อย่างไร?
“ข้าเป็นคนตามนางมาตรวจชีพจรให้กับเจ้า ช่วงนี้เจ้านอนไม่หลับ” พระชายาผลักประตูเข้ามา พร้อมพูดขึ้น
ท่านชายสี่นวดขมับ ท่าทียังคงมึนงง พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ข้านอนหลับไป แล้วก็ฝัน….”
เขาไม่ได้พูดต่อ เพียงลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ มองดูพระชายา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เป็นไร อาจเป็นเพราะเทียนสิงคลอดออกมาแล้ว ข้าดีใจ จึงนอนไม่หลับ”
“งั้นเจ้านอนต่ออีกเถอะ” พระชายาเดินมาพูดขึ้นอย่างรักใคร่
“ไม่ล่ะ ข้าไปดู” ท่านชายสี่พูดเสร็จ สวมชุดคลุม แล้วก็เดินออกไป
หยวนชิงหลิงยกมือทั้งคู่ปิดหน้า ปล่อยให้ความเศร้าโศกเจ็บปวดในหัวใจ ถูกระบายออกมา ความเจ็บปวดนี้เป็นของเหลิ่งเฟิ่งชิง และก็เป็นของท่านชายสี่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ผ่านประสบการณ์ด้วยตนเอง แต่ไม่รู้ว่ารู้มาจากปากใคร แค่ได้ยินก็จำฝังลึกได้ขนาดนี้ จำฝังไว้ภายในสมอง
“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” พระชายาเดินมา เอามือวางบนบ่าของนางเบาๆ พร้อมถามขึ้น
หยวนชิงหลิงปล่อยมือทั้งคู่ มองดูพระชายา พร้อมถามขึ้นว่า “สุดท้ายเหยี้ยนจือหยู มีชีวิตอย่างเลวร้ายใช่ไหม?”
พระชายาเงียบไปหลายวิ แล้วพูดขึ้นว่า “ถึงตอนนี้พวกเขายังมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขมาสามสิบห้าปีแล้ว มีลูกมีหลานเต็มตระกูล เดือนหน้าเป็นวันเกิดปีที่ห้าสิบหกของเหยี้ยนจือหยู”
หยวนชิงหลิงลุกพรวดขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ไม่ยุติธรรม เขาเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิต จะให้เขามีความสุขไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?”