บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1503 ท่านชายสี่ก็ไม่รู้
พระชายาถามขึ้นด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “เจ้ามองเห็นอะไร?”
หยวนชิงหลิงเล่าเรื่องทั้งหมดที่รับรู้มาจากในความทรงจำให้พระชายาฟัง พูดอย่างกัดฟัน เหมือนเป็นคนถูกทำร้ายเอง เพราะรับรู้อย่างลึกซึ้ง หยวนชิงหลิงรู้สึกเจ็บปวดเหมือนตนเองถูกตนเอง
หลังจากพระชายาฟังแล้วก็อึ้ง เหมือนคาดไม่ถึง ถามขึ้นด้วยเสียงเศร้าเหมือนถูกหลอกว่า “เป็นเช่นนี้หรือ?”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านไม่รู้หรือ?”
แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างสาดส่องใบหน้าพระชายา แลดูมองเห็นใบหน้าพระชายาไม่ชัดเจน นางพูดขึ้นว่า “เดิมคิดว่าพอรู้บ้าง แต่เมื่อฟังเจ้าพูดแล้ว ข้าพูดได้เพียงว่าไม่รู้ เขาก็ไม่รู้”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่รู้? แต่หากไม่รู้ ความเกลียดแค้นกับความกระหายเลือดมาจากไหน?”
พระชายาถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาเริ่มฝันร้ายมาตลอดตั้งแต่เด็ก ฝันเห็นภาพบางส่วน สงสัยว่าน่าจะเป็นตอนที่แม่ของเขาคลอดเขา ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไร ได้ทิ้งความทรงจำส่วนหนึ่งไว้ในสมองของเขา ข้าไปสืบความตามสถานการณ์ในความฝันของเขา สืบไปถึงเมืองเฟิงตู รู้ว่าพ่อของเขาเป็นใคร แต่เพราะคนของตระกูลเทียนซ่วนล้วนตายหมดแล้ว ประชาชนในเมืองเฟิงตูไม่รู้เรื่องนี้เลย เคยได้ยินเพียงว่า เพราะประมุขตระกูลเทียนซ่วนคนก่อนช่วยคนเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต จึงทำให้ทุกคนในตระกูลพบกับโศกนาฏกรรม และเหลิ่งเฟิ่งชิงแม่ของเขาก็เสียชีวิต เพราะตอนที่คลอดเขาเกิดภาวะคลอดยาก แต่หลายปีมานี้ ความเกลียดแค้นในใจของเขายิ่งอยู่ก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ดังนั้นข้าจึงตามเจ้ามา ให้เจ้าช่วยดู ที่จริงความทรงจำที่ซ่อนอยู่ในสมองของเขานั้นเป็นความทรงจำของแม่ของเขา มีเพียงแก้ไขเรื่องนี้แล้ว ข้าถึงจะสามารถวางใจได้อย่างแท้จริง”
นางค่อยๆนั่งลง สีหน้าเยือกเย็นขึ้นมาอย่างกะทันหัน พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่จริงก่อนหน้านี้ข้าก็เดารู้แล้วว่าเหยี้ยนจือหยูมีปัญหา แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้ชีวิตของเหลิ่งซี่ แลกกับชีวิตของผู้หญิงที่เขารัก เดิมข้าคิดว่า ในฝันของเขามักจะปรากฏภาพ เรื่องที่แม่ของเขาคลอดยาก ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขา ให้เจ้าช่วยปลูกฝังความทรงจำใหม่เข้าไปแทน แต่ตอนนี้เรื่องที่เจ้าพูด ทำให้ข้าตื่นตระหนกอย่างมากจริงๆ นี่ถือเป็นความแค้นบัญชีเลือด ไม่แก้แค้นไม่ได้”
“จะบอกท่านชายสี่ไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
นางรู้สึกว่า ที่จริงใช่ว่าท่านชายสี่จะไม่รู้เรื่องเลย บางทีบางอย่างที่เขาฝันถึง ก็ไม่ได้เล่าให้พระชายาฟังทั้งหมด ไม่เช่นนั้น ความเกลียดแค้นของเขาจะไม่มีมากขนาดนี้
แต่ไม่รู้ว่า เพื่อเป็นการปกป้องท่านชายสี่ พระชายาจะอยากปิดบังเรื่องนี้ไว้ แล้วนางไปช่วยแก้แค้นให้กับท่านชายสี่ ดังนั้นนางจึงถามก่อน
พระชายาขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “จะต้องบอกเขา นี่เป็นความแค้นบัญชีเลือดของเขา ความแค้นบัญชีเลือดของเขากับแม่ของเขา เขาจะต้องไปแก้แค้นด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้น เขาจะปล่อยวางไม่ได้ไปตลอดชีวิต ความทรงจำพวกนี้ ต่อให้พวกเราไม่พูด สักวันหนึ่ง เขาก็จะต้องรู้”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พระชายาเฟิงอันเป็นคนแยกแยะความรักกับความแค้นมาตลอด หากตอนนั้นเป็นเพียงความโศกเศร้าอย่างหนึ่ง เช่นนั้น นางก็จะเลือกที่จะปกป้องท่านชายสี่ ให้หยวนชิงหลิงฝังความทรงจำส่วนหนึ่งเข้าไป แต่นั่นไม่ใช่ความโศกเศร้า แต่เป็นความแค้นบัญชีเลือด เป็นการกระทำที่ชั่วร้าย ยังไงก็ไม่อาจยอมได้
“พระชายาเคยเห็นเหยี้ยนจือหยูไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“เคยเห็น ข้ากับเสด็จปู่ใหญ่ของเจ้าเคยไปหาเขา เขาเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมตระกูลเทียนซ่วนในตอนนั้นให้เราฟัง แม้แต่ภรรยาของเขาก็เสียชีวิตเพราะคลอดยาก ชีวิตลูกก็รักษาไว้ไม่ได้ ข้ากลับมาแล้วอยากพาเหลิ่งซี่ไปหาเขา แต่พูดยังไงเหลิ่งซี่ก็ไม่ยอมไป อีกอย่างเมื่อพูดถึงว่าไปเมืองเฟิงตู เขาจะต่อต้านมาก ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบอกสาเหตุได้ บอกเพียงว่าไม่อยากไป ไม่อยากไปรู้จักเขา ตอนนี้ดูแล้ว น่าจะเป็นความทรงจำที่หลงเหลือของเหลิ่งเฟิ่งชิงนั้นแข็งแกร่ง ครอบงำความปรารถนาถึงพ่อของเขา ตอนนั้นข้าเห็นว่าตอนที่เหยี้ยนจือหยูพูดถึงเหลิ่งเฟิ่งชิงก็เหมือนไม่มีความรู้สึกอะไร คงเป็นการแต่งงานระหว่างสองตระกูล จึงไม่มีความรู้สึกอะไรกับภรรยาที่ตายไปแล้ว งั้นกับลูกชายที่ไม่เคยเห็นหน้าก็คงไม่มีความรู้สึกอะไรแน่ จึงตามใจเหลิ่งซี่ ไม่ไปหาเขาอีก เรื่องนี้ก็ไม่พูดขึ้นมาอีก”
หลังจากที่นางพูดเสร็จแล้ว ก็มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา พวกเรายังไม่รู้ เจ้ายังต้องไปล่วงรู้อีก หากเหลิ่งซี่จะแก้แค้น ก็ต้องรู้เรื่องความเป็นมาทั้งหมด และทำไมสุดท้ายคนของตระกูลเทียนซ่วนถึงตายทั้งหมด ส่วนเหลิ่งซี่มาปรากฏตัวที่ยอดเขาหมาป่าหิมะได้ยังไง”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ยังต้องสืบต่อจริงๆ เหลิ่งเฟิ่งชิงตายแล้วจริงไหม พวกเราก็ไม่แน่ใจ ท่านดูว่าจะมีโอกาสได้อีกเมื่อไหร่?”
“พรุ่งนี้ล่ะกัน ให้เขาสงบสักพัก เมื่อกี้ข้าคิดว่าเขาน่าจะระแวงแล้ว ไม่รู้ว่าฝันเห็นเรื่องพวกนั้นด้วยหรือเปล่า” ท่าทีพระชายาเต็มไปด้วยความเสียดาย และเต็มไปด้วยความโกรธ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าสัมผัสได้ถึงความเกลียดแค้นของเขามาตลอด ข้ายังเป็นห่วงว่าความเกลียดแค้นนี้จะทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำเรื่องที่จะทำให้เป่ยถังเดือดร้อน ตอนนั้นข้าน่าจะสืบต่อไป พวกเขาจะได้ไม่ได้อยู่อย่างมีความสุขมานานขนาดนี้”
หยวนชิงหลิงพยักหัวอย่างเงียบๆ
ตอนที่ออกมาจากจวนเหลิ่ง ท่านชายสี่กำลังจะไปประชุมกับคนของกรมคลังพอดี จึงออกไปพร้อมกับหยวนชิงหลิง
ท่าทีท่านชายสี่แลดูค่อนข้างสับสน ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นบนใบหน้าท่านชายสี่ ไม่ว่าเวลาไหนเขาก็จะดูอิสระไม่แยแส ต่างจากคนบนโลกนี้อย่างแท้จริง
“อาจารย์ หากเหนื่อยก็ไม่ต้องไปประชุมแล้ว พักผ่อนอยู่ที่จวนดีไหม”
ท่านชายสี่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “นอนไม่หลับ”
“นอนไม่หลับ? ให้ข้าจัดยาให้เจ้าไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ไม่ต้อง ข้าเองก็ไม่อยากนอน”
หยวนชิงหลิงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมหรือ?”
ท่านชายสี่เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว แล้วก็หยุด จากนั้นก็หันมาถามหยวนชิงหลิงว่า “เจ้าเคยฝันเห็นอะไรที่เหมือนเรื่องจริงไหม?”
หยวนชิงหลิงมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เคย”
“ที่ข้าพูดคือความจริง…..ความทุกข์สุขในความฝัน หลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังคงอยู่ อาจจะจำเรื่องที่ฝันไม่ได้ แต่ความรู้สึกยังอยู่ เจ้าเคยเป็นไหม?”
ลมเย็นๆพัดผ่าน ชายเสื้อสีขาวของท่านชายสี่ปลิวไสว ยังคงเป็นท่านชายสี่ที่รูปงามเหมือนดั่งหยก แต่มักทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกค่อนข้างไม่เหมือนเดิม
นางพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เคยเป็น”
ท่านชายสี่พูดขึ้นด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ตั้งแต่หลังจากหลิงเอ๋อร์คลอด ข้าก็จะฝันทุกครั้งที่นอนหลับ ฝันพวกนั้น….รู้สึกไม่ค่อยดี ไม่อยากฝันถึงเรื่องพวกนั้น จึงไม่อยากนอน”
นางไม่รู้ว่าตนเองสามารถพูดอะไรได้บ้าง ตอนนี้ยังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด จะบอกท่านชายสี่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น จะล่วงต่อไปคงเป็นไปไม่ได้แล้ว เขาจะรีบไปยังเมืองเฟิงตูเพื่อแก้แค้นเหยี้ยนจือหยู
กลับมาถึงในวัง นางไม่พูดอะไร กอดหยู่เหวินเห้าแล้วก็ร้องไห้
นางเองก็พูดไม่ออกว่าทำไมถึงได้ทุกข์ทรมานขนาดนี้ ราวกับนางเป็นเหลิ่งเฟิ่งชิง ความทรยศ ความโกรธ ความเจ็บปวดพวกนั้น วนเวียนอยู่ในใจของนาง ก้นบึ้งหัวใจเหมือนจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ความรู้สึกของนางรุนแรงขนาดนี้ นึกภาพออกเลยว่า ตอนที่ท่านชายสี่ฝันเห็นภาพพวกนั้น ความรู้สึกของเขาจะต้องรุนแรงยิ่งกว่านาง เมื่อเวลาผ่านไปนาน สิ่งที่ฝังอยู่ในใจของเขากลับกลายเป็นความเกลียดชังและความขุ่นเคือง ทั้งที่ในหัวใจเดือดดาล แต่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเลย
นี่คือความโศกเศร้าที่สุด
คิดถึงตรงนี้ นางก็ยิ่งเห็นใจท่านชายสี่ ร้องไห้หนักกว่าเดิม
หยู่เหวินเห้าเห็นนางกลับมาแล้วก็กอดตนร้องไห้ และร้องไห้อย่างหนักไม่มีท่าทีจะหยุดได้ง่ายๆ ก็ตกใจอย่างมาก มือเท้าเย็นเฉียบ ไม่เคยเห็นนางเป็นแบบนี้มาก่อน รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น รีบเรียกลู่หยามาถามว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น
มู่หรูกงกงพูดเตือนอยู่ด้านข้างว่า “วันนี้ลู่หยาไม่ได้ตามออกจากวังไปด้วย หยู่เหวินเห้าไม่รู้จะทำยังไง ทำได้เพียงกอดหยวนชิงหลิงไว้ พูดปลอบอยู่สักพัก นางถึงค่อยหยุดร้องไห้”