บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1504 เห็นใจ
หลังจากหยวนชิงหลิงสงบลงแล้ว ก็ไม่สามารถปิดบังเจ้าห้าได้ ยังไงก็ร้องไห้ถึงปานนี้ หากไม่บอกเขา เขาก็ไม่ต้องนอนแล้ว
รอหลังจากหยวนชิงหลิงเล่าเรื่องที่เหยี้ยนจือหยูกระทำกับเหลิ่งเฟิ่งชิงสองแม่ลูก เจ้าห้าพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน ดวงตาแดงก่ำ สักพักค่อยกัดฟันพูดขึ้นว่า “บนโลกนี้ ทำไมถึงมีคนโหดเหี้ยมขนาดนี้? ไม่ต่างกับหมูกับหมา”
“เหยี้ยนจือหยูเจ้าเมืองเมืองเฟิงตู เจ้าเคยเจอไหม?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
เจ้าห้าพูดว่า “เมื่อก่อนเคยมาที่เมืองหลวง เคยเจอหน้าครั้งหนึ่ง แต่แทบไม่ได้คุยอะไรกัน แต่เหมือนจะจำเขาได้บ้าง พวกเขาสองสามีภรรยาเข้าเมืองหลวงมาด้วยกัน สองสามีภรรยารักใคร่กันอย่างมาก ข้ายังจำได้ว่าตอนนั้น มีคนมากมายพูดว่ายากนักที่จะเห็นผู้ชายอย่างเจ้าเมืองเหยี้ยน ที่รักใคร่ภรรยาขนาดนี้ ยังมีผู้หญิงมากมายต่างก็พูดว่าภรรยาของเจ้าเมืองโชคดีมีความสุขอย่างมาก”
เขาหัวเราะอย่างเย็นชา สายตาคมเฉียบ พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับไม่รู้ถึงเบื้องหลังความรักใคร่นี้ ซ่อนความโหดเหี้ยมขนาดนี้ไว้ ใช้ชีวิตเลือดน้ำตาของคนอื่น แลกกับความรักของทั้งสองสามีภรรยาให้สมหวัง จะไม่ทำให้คนอื่นเกลียดชังได้อย่างไร?”
เขาพรวดลุกขึ้นมา ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ข้าจะร่างพระราชโองการ ให้เหยี้ยนจือหยูเข้าวังมา จะสอบสวนลงโทษความผิดของเขา แก้แค้นแทนท่านชายสี่”
หยวนชิงหลิงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา พร้อมรีบพูดห้ามขึ้นว่า “ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด พวกเรายังไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ต่อให้รู้แล้ว ต้องแก้แค้นก็ควรที่จะให้ท่านชายสี่ไปแก้แค้น ถึงจะถูก”
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าหยวนพูดถูก แต่ยังไงก็โกรธจนยากที่จะระงับได้
ค่อยๆนั่งลงสักพัก แล้วก็มองดูหยวนชิงหลิงพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหยวน ข้าจะทนเห็นท่านชายสี่ถูกคนอื่นรังแกไม่ได้ ยังรังแกถึงขนาดนี้ ความแค้นบัญชีเลือดนี้หากเขาไม่สามารถแก้แค้น ข้าจะช่วยให้ถึงที่สุด จากต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพวกเขาสองคนแม่ลูก”
หยวนชิงหลิงจับมือของเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้ ข้าก็จะไม่นิ่งดูดาย เขาไม่เพียงเป็นอาจารย์ของข้า ยังเป็นญาติของพวกเรา พรุ่งนี้ข้าจะไปอีกครั้ง จะต้องล่วงรู้เรื่องทั้งหมด”
หยู่เหวินเห้าเงยใบหน้ารูปงามขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นด้วยแววตาโศกเศร้าว่า “คิดถึงเรื่องที่เจ้าพูดพวกนั้น ใจของข้าก็รุ่มร้อนเหมือนดั่งไฟขึ้นมา หลายปีมานี้ เขาเสียสละทำเพื่อพวกเราอย่างมาก ส่วนพวกเราช่วยเหลือเขาน้อยอย่างที่สุด….. ข้าคิดมาตลอดว่าเขาเติบโตมาในตระกูลร่ำรวย กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีชีวิตความเป็นมาเช่นนี้… ข้าเห็นใจเขาอย่างมาก”
หยวนชิงหลิงน้ำตาไหลลงอีกครั้ง ใครจะไม่เห็นใจท่านชายสี่?
ตอนนี้แผ่นดินสงบสุขแล้ว จะช่วยแก้แค้นให้กับท่านชายสี่ ถึงจะไม่สามารถพูดได้ว่าไม่ต้องลงแรงเยอะ แต่สิ่งที่ต้องแลกก็ไม่ได้มากมาย
ต่อให้ต้องแลกกับอะไรมากมาย พวกเขาก็จะกระทำอย่างไม่ลังเล ท่านชายสี่เป็นคนในครอบครัวของพวกเขา
“พรุ่งนี้ข้าไปจวนเหลิ่งเป็นเพื่อนเจ้า” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น
“เจ้ามีเวลาหรือ? เจ้าไม่ต้องจัดการงานราชการหรือ?”
“หลังเที่ยงสามารถไปได้ พรุ่งนี้ว่าราชการเช้า ประมาณเที่ยงก็สามารถไปได้แล้ว” เขาเงียบสักพัก พร้อมพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มขมขื่นว่า “อีกอย่าง ข้าก็สามารถใช้ข้ออ้างว่าไปหาหลานชาย ยังไงหลานชายคลอดมาจนถึงตอนนี้ ข้าเคยเจอเพียงแค่ครั้งเดียว เห็นแปบเดียวในวันล้างสาม (พิธีอาบน้ำทารกหลังคลอดได้สามวัน) แล้วก็รีบกลับแล้ว”
เขาค่อยๆเปลี่ยนมาจับมือหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเพียงแค่คิดว่า ตอนที่เขามีเรื่อง ยังมีข้าอยู่”
หยวนชิงหลิงค่อนข้างตื้นตัน พนักหัวเล็กน้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ เราไปด้วยกัน”
เจ้าห้ามักจะพูดว่าท่านชายสี่เป็นคนเหลวไหล แต่เขาใส่ใจท่านชายสี่ ใส่ใจน้องเขยคนนี้ ใส่ใจญาติคนนี้
คืนนี้ทั้งสองสามีภรรยาแทบจะไม่ได้นอน นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมา คิดว่าหลังจากท่านชายสี่รู้เรื่องพวกนี้แล้ว จะเป็นยังไง
หลังจากเป่ยถังสงบสุข พวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เปรียบเหมือนดั่งเมฆมืดมนปกคลุม บีบหัวใจจนหายใจไม่ออก
กลางดึก หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นมาว่า “ต่อให้เป็นการทำร้ายข้า ข้าก็ไม่ได้โกรธเจ็บปวดขนาดนี้”
หยวนชิงหลิงเอื้อมมือไปกอดเขา สิ่งที่เจ้าห้าพูด หมายถึงเขาก็เคยถูกแม่ของเขาทำร้าย แต่สิ่งที่เสียนเฟยกระทำ เทียบได้กับสิ่งที่เหยี้ยนจือหยูกระทำหรือ?
ตอนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ทั้งสองสามีภรรยาออกจากวังมาด้วยกัน เพื่อไปยังจวนเหลิ่ง
ตอนที่เข้าประตูมา ได้เข้ามาพร้อมกับท่านชายสี่ เขาเพิ่งกลับมาจากกรมคลัง
มองเห็นหยู่เหวินเห้า เขาค่อนข้างแปลกใจ พร้อมเราพูดขึ้นว่า “มาในเวลานี้ได้อย่างไร? ไม่มีงานราชการต้องทำหรือ?”
หยู่เหวินเห้ามองดูใบหน้าที่เหนื่อยล้ากับขอบตาดำคล้ำของเขา ด้วยใจที่เจ็บปวด กลับทำเป็นพูดขึ้นอย่างสบายใจว่า “งานราชการทำยังไงก็ไม่หมด ข้ามาดูเทียนสิง ถือเป็นการออกมาพักด้วย”
“ทำงานร่วมกันการพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่าหักโหมจนเสียสุขภาพ” ยากนักกว่าที่ท่านชายสี่ จะพูดประโยคที่อ่อนโยนออกมา
หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปพร้อมกับเขา ด้วยดวงตาแดง
ทั้งสามคนเดินมาถึงห้องโถง พระชายากำลังชงชาพอดี เห็นพวกเขามา พระชายาเงยหน้าขึ้น พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “บังเอิญจัง ข้ากำลังชงชาเกาซันหยุนอู้พอดี พวกเจ้ามีบุญยิ่งนัก”
ท่านชายสี่ค่อนข้างแปลกใจ จึงถามขึ้นว่า “ท่านชงชา?”
“ข้าชงชาไม่ได้หรือ?” พระชายาถามกลับอย่างหมั่นไส้
ท่านชายสี่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านดื่มแต่น้ำในบ่อไม่ใช่หรือ? วันนี้มานั่งชงชาอยู่ที่นี่คนเดียว ไม่น่าเชื่อจริงๆ”
พระชายาเหลือบมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าบอกว่าเป็นคนต้องรู้จักเพลิดเพลิน ไม่ควรที่จะละเลยตนเองไม่ใช่หรือ? ข้าทำตามที่เจ้าพูด เจ้ายังไม่พอใจ?”
ท่านชายสี่นั่งลงด้านข้างนาง เอนพิงบนไหล่ของนาง ท่าทีแลดูสบายใจไปแปบหนึ่ง แล้วก็พูดขึ้นว่า “ท่านรู้จักดีต่อตนเองบ้าง ข้าต้องดีใจอยู่แล้ว”
พระชายาหัวเราะอย่างรักใคร่ เรียกหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงมา พร้อมพูดขึ้นว่า “มา ฮ่องเต้ ฮองเฮา พวกเจ้าก็มาดื่มสักแก้ว ดูว่าฝีมือการชงชาของข้า พัฒนาขึ้นไหม?”
ที่ผ่านมาหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ก็ไม่เคยดื่มชาที่นางชง ฝีมือพัฒนาขึ้นหรือไม่ จึงไม่รู้แน่นอน แต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่า พระชายาใส่อะไรบางอย่างลงไปในน้ำชา เพื่อให้ท่านชายสี่นอนหลับ
หลังจากทั้งสองคนนั่งลง แล้วก็เห็นพระชายารินน้ำชาจากเหยือกใบงามอันหนึ่งให้กับท่านชายสี่ จากนั้นก็รินน้ำชาจากเหยือกหม้อดินสีม่วงให้กับพวกเขาทั้งสองสามีภรรยา นางรินน้ำชาไปด้วยพูดคุยไปด้วย เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของท่านชายสี่ ดังนั้นจึงไม่มีท่าทีสงสัยเลยสักนิด
ท่านชายสี่ดื่มเข้าไปหนึ่งคำ แล้วก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นทันทีว่า “อาจารย์ ใส่ใบชายเยอะไปแล้ว ขมฝาดมาก”
“ใช่หรือ?” พระชายาอึ้ง ตนเองยกขึ้นมาดื่มหนึ่งคำ แล้วก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “ใส่ใบชาเยอะเกินไปจริงด้วย แต่ไม่ควรสิ้นเปลือง ช่วยกันดื่ม เดี๋ยวค่อยชงอีก รสชาก็จะจางลง”
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงก็ดื่มหนึ่งคำ มีรสฝาดจริงๆ อีกอย่าง ชาหยุนอู้ไม่ควรชงด้วยน้ำร้อน เห็นได้ชัดว่าพระชายาชงชาผิดวิธี
แต่รสฝาดของชานี้ สามารถช่วยปกปิดได้อย่างดี หากใส่ยาอะไรลงไปในชา
ท่านชายสี่ดูเหม่อลอย หยู่เหวินเห้าสามีภรรยาก็ต่างมีความคิดเป็นของตนเอง พูดคุยกับพระชายาเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค
หยู่เหวินเห้าเหลือบมองดูท่านชายสี่อยู่หลายครั้ง กลับก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ทำให้ท่านชายสี่ค่อนข้างสงสัย จึงถามขึ้นว่า “ทำไมเจ้าจะต้องจ้องมองดูข้าตลอดเวลา?”
หยู่เหวินเห้าตบไหล่ของเขา พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “เพียงแค่รู้สึกว่า หลังจากที่เจ้าได้เป็นพ่อคน เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน”
มุมปากท่านชายสี่ยกขึ้นมายิ้มจางๆ กลับรู้สึกว่ารอยยิ้มค่อนข้างพอเป็นพิธี เขาขึ้นมาพร้อมพูดขึ้นว่า “พวกเจ้านั่งกันไปก่อน ข้าไปหาหมาป่าหิมะ”
พระชายาลุกขึ้นมา พร้อมพูดกับเขาว่า “ไปหาหมาป่าหิมะอีกทำไม? นั่งดื่มชาเป็นเพื่อนฮ่องเต้ก่อนสิ”
ท่านชายสี่มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ข้าแค่ไปเล่นกับหมาป่าหิมะสักพัก ข้ารู้ว่าท่านอยากให้ข้านอน เมื่อกี้ดื่มไปสองแก้วก็เพียงพอแล้ว ไม่เกินครึ่งชั่วโมง ข้าก็นอนหลับแล้ว”
พระชายาโบกมือ พร้อมพูดขึ้นอย่างจนใจว่า “รู้ว่าปิดบังเจ้าไม่ได้ เจ้ามักจะนอนไม่หลับ ข้าเป็นห่วงเจ้า จึงวางยาให้เจ้าพักผ่อน”
ท่านชายสี่ยิ้มส่ายหัว แล้วก็ยื่นมือไปตบบ่าหยู่เหวินเห้า กรามล่างยกขึ้นเล็กน้อย พูดขึ้นอย่างจริงใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามาเพื่ออะไร แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ช้าก็จะไม่เป็นไร”