บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1506 คลอดลูกบนยอดเขาหมาป่าหิมะ
เหยี้ยนจือหยูตอบตกลงแล้ว แต่ซูหรูซวงที่เพิ่งอาการดีขึ้นจับมือของเขาไว้ เงยหน้าเผยดวงตาดำดั่งดวงดาว แสดงท่าทีอ่อนโยนบริสุทธิ์ พูดคำพูดที่ชั่วร้ายอย่างที่สุดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “พี่ชาย ตระกูลเทียนซ่วนมีความสามารถในการเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต หากปล่อยพวกเขาแล้ว ต่อไปจะต้องคิดวางแผนแก้แค้น ถึงตอนนั้น ชีวิตข้ากับเจ้าต้องไม่ปลอดภัยแน่”
สุดท้ายนางถอนหายใจเบา พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ได้เป็นภรรยาของเจ้าเพียงหนึ่งวัน ชั่วชีวิตนี้ข้าก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจแล้ว ได้จับมือไปยมโลกพร้อมกับเจ้า ก็นับว่าเป็นบุญของข้า แต่ข้าไม่อยากเห็น…..” นิ้วมือของนางชี้แจงที่เหลิ่งเฟิ่งชิง ชี้ไปตรงท้องโตของนาง ทันใดนั้น ดวงตาก็กลายเป็นเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่อยากเห็นนางคลอดลูกให้กับเจ้า ลูกของเจ้า จะต้องเป็นข้าคลอดเท่านั้น”
เหยี้ยนจือหยูฟังคำพูดของนางแล้ว แทบไม่มีความลังเลเลยสักนิด รีบพูดขึ้นทันทีว่า “ได้ แล้วแต่ความปรารถนาของเจ้า”
เหลิ่งเฟิ่งชิงเงยหัวขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “เหยี้ยนจือหยู เจ้ารับปากข้าแล้ว เจ้ากล้าผิดคำสัญญา ไม่กลัวเวรกรรมตามสนองหรือ?”
เหยี้ยนจือหยูหัวเราะเยาะ พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หากเวรกรรมมีจริง ข้าก็ยอมรับ”
เขาจับมือของซูหรูซวงไว้ จ้องมองดูนาน ตาคิ้วอ่อนโยนอย่างที่สุด สุขใจเหมือนโลกใบนี้อยู่ในกำมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเจ้าอยู่ข้างกายข้า ไม่ว่าเวรกรรมอะไร ข้าล้วนไม่เห็นอยู่ในสายตา”
ซูหรูซวงซบอยู่ข้างกายเขา ใบหน้าที่ขาวซีดก็ค่อยๆมีเลือดฝาด ใบหน้าสวยราวกับนางฟ้า แต่นางมองดูเหลิ่งเฟิ่งชิงอย่างอ่อนโยน กลับพูดจาออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า “ฆ่านาง ฆ่าลูกในท้องของนาง”
เหยี้ยนจือหยู
เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เหลิ่งเฟิ่งชิงกำหมัดแน่น จ้องมองดูนาง หัวเราะเย้ยพร้อมพูดขึ้นว่า “ฆ่านาง? ชีวิตของเจ้าข้าใช้ค่ายกลแลกมา ข้าจะต้องรับกรรมแห่งการย้อนกลับมาทำร้ายอย่างทรมาน ถึงสามารถรักษาชีวิตของเจ้าไว้ได้ หากฆ่าตายอยู่ในมือของพวกเจ้า คนที่ตายก็จะไม่ใช่ค่าเพียงคนเดียว ยังมีเจ้าซูหรูซวง”
เหยี้ยนจือหยูจ้องมองดูนาง แล้วก็หัวเราะเยาะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่หรือ? ข้าไม่เชื่อ”
เป็นประมุขของตระกูลเทียนซ่วนมากว่าครึ่งปี เขาไม่เคยได้ยินคำพูดข้อนี้ จะถูกเหลิ่งเฟิ่งชิงหลอกง่ายๆได้อย่างไร?
ซูหรูซวงกลับห้ามนางไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ชาย ข้ารู้มาว่ากรรมแห่งการย้อนกลับมาทำร้ายก็เป็นเรื่องภายในหนึ่งเดือน ขังนางไว้ก่อน ยังไง นางก็ไม่สามารถมีชีวิตรอด”
เหยี้ยนจือหยูเชื่อฟังนางอยู่แล้ว สั่งคนจับเหลิ่งเฟิ่งชิงไปขังไว้ในคุก จากนั้นก็มีคำสั่งลงไป สังหารคนของตระกูลเทียนซ่วนทั้งหมด
สังหารคนของตระกูลเทียนซ่วน เป็นการกระทำอย่างลับๆ ประชาชนในเมืองต่างก็ไม่รู้เรื่อง เหลิ่งเฟิ่งชิงที่ถูกกักขังไว้ในคุกก็ไม่รู้เรื่อง
นางคิดหาวิธี ว่าจะหนีออกไปจากคุกก่อนการย้อนกลับมาทำร้าย แล้วคลอดลูกออกมาได้อย่างไร
โชคดีในหนึ่งปีที่นางแต่งงานกับเหยี้ยนจือหยู นางปฏิบัติต่อคนในจวนอย่างดีที่สุด หลังจากที่นางถูกขังไว้ในคุกครึ่งเดือน มีองครักษ์คนหนึ่งที่ชื่อพอจี อาศัยโอกาสตอนที่เหยี้ยนจือหยูกับซูหรูซวงแต่งงานกัน แอบเข้ามาในคุกแล้วก็ปล่อยนาง พานางหนีออกมาจากเมืองเฟิงตู
หลังจากพอจีพานางออกจากเมืองแล้ว ค่อยบอกนางเรื่องที่คนของตระกูลเทียนซ่วนถูกสังหารตายหมดแล้ว
เขาเอาม้าให้เหลิ่งเฟิ่งชิงหนึ่งตัว ให้นางไปขอความช่วยเหลือฮ่องเต้เป่ยถัง เพราะด้วยกำลังของนางเพียงคนเดียว ไม่สามารถแก้แค้นได้
เหลิ่งเฟิ่งชิงได้รับรู้ว่าญาติพี่น้องตายหมดแล้ว ร้องไห้อย่างหนักไปหนึ่งรอบ สุดท้ายแล้วก็ทำได้เพียงกัดฟันแล้วควบขี่ม้าไปยังเมืองหลวง
แต่ข่าวที่นางหนีไป ไม่นานเหยี้ยนจือหยูก็รู้เรื่องแล้ว เหยี้ยนจือหยูฆ่าพอจี แล้วสั่งคนไปตามจับเหลิ่งเฟิ่งชิง
เหลิ่งเฟิ่งชิงหลบซ่อนการถูกตามฆ่ามาตลอดทาง มีหลายครั้งที่เกือบตายภายใต้คมกระบี่องครักษ์เหล็ก นางหนีตายทั้งที่ยังบาดเจ็บ ถึงแม้จะมองเห็นเมืองหลวงอยู่ตรงหน้า แต่ก็เข้าไปไม่ได้ องครักษ์เหล็กเฝ้าอยู่ใกล้ๆประตูเมือง รอนางมาติดกับดัก
นางใกล้จะคลอดแล้ว ไม่มีแรงสู้อีกแล้ว แต่จะหาสถานที่ปลอดภัยสักแห่งเพื่อคลอดลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย สุดท้าย นางปีนขึ้นมาบนยอดเขาหมาป่าหิมะ นางรู้ว่าบนยอดเขาหมาป่าหิมะมีวัดศาลเจ้าแห่งหนึ่ง ภายในวัดมีนักพรต นางสามารถฝากลูกไว้ในวัดศาลเจ้า แล้วค่อยมาสู้กับพวกองครักษ์เหล็ก
แต่นางยังไปไม่ถึงวัดศาลเจ้า ตอนที่มาถึงบนทางราบหมาป่า ลูกก็ใกล้จะคลอดแล้ว
ผู้หญิงคนหนึ่ง คลอดลูกกลางหิมะเย็นยะเยือก ร่างกายไร้ผ้าชุดยาว นางแทบใช้แรงทั้งหมดที่มีจนสิ้น ลูกคนนี้ก็ยังไม่สามารถคลอดออกมา ทำให้นางทุกข์ทรมานอย่างที่สุด นางอดกลั้นอดทนไว้ แต่ในใจกลับหมดหวังหรืออย่างที่สุด เพราะการคลอดที่นี่ จะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
แต่ต่อให้มีความหวังเพียงนิด นางก็ยังต้องอดทนต่อไป ในทุกช่วงเวลาที่เจ็บปวดที่สุด นางใช้ความแค้นบัญชีเลือดนั้นมายึดมั่นตนเอง คิดว่าจะต้องสับเหยี้ยนจือหยูเป็นหมื่นชิ้น อดทนอดกลั้นทุกลมหายใจ
ในที่สุด เจ็บปวดทรมานมากว่า 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็สามารถคลอดลูกออกมาได้แล้ว แม้แต่สายรกก็ใช้กระบี่ตัดขาด ถอดเอาเสื้อคลุมของนางห่อไว้ แล้วก็ไม่เหลือแรงอีก ครั้งนี้ รู้สึกว่าชีวิตค่อยๆ หายไปทีละน้อยจริงๆ
นางอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนของนาง มองหน้าลูกอย่างอาลัยอาวรณ์ เจ็บปวดจนหายใจแทบไม่ออก นางไม่มีแรงแล้ว นางยังจะสามารถปกป้องส่งลูกไปถึงวัดศาลเจ้าไหม?
บนภูเขาน้ำแข็งหิมะ แม้แต่เสียงร้องไห้ก็ไม่สามารถร้องออกมา นางลูบใบหน้าของลูกอย่างสั่นเทา พร้อมพึมพำพูดขึ้นอย่างสิ้นหวังว่า “เจ้าเพิ่งคลอดออกมา เพิ่งลืมตาดูโลก ก็จะตายไปเป็นเพื่อนข้าแล้วหรือ?”
ลูกไม่ร้องไห้เลยสักครั้ง หนาวจนใบหน้าเขียว นางร้องไห้อยู่อย่างไร้เสียง หลังจากพักสักพักแล้ว ก็ค่อยๆลุกขึ้นมา อุ้มลูกแล้วเดินต่อไป
ขอเพียงใกล้วัดศาลเจ้าเท่าไหร่ ลูกก็จะมีความหวังที่จะรอดเท่านั้น
บนพื้นหิมะขาวโพน ลากสายเลือดยาว สีแดงสดไปเป็นทาง กลิ่นคาวเลือด พัดโชยไปไกลแสนไกล
สุดท้าย นางก็ทนไม่ไหวแล้ว ล้มลงตรงที่ไม่ไกลจากทางราบหมาป่า นางใช้แรงสุดท้ายทั้งหมดที่มี นางเอาเสื้อผ้าของตนทั้งหมด ยกชุดด้านใน ถอดให้กับลูก ห่อหุ้มเขาไว้ ก่อนที่จะขาดใจ ภายในใจของนางมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือขอให้ลูกสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
แต่ความเกลียดชังอย่างท่วมท้น ทำให้นางตายตาไม่หลับ มองฟ้าด้วยสายตาขุ่นเคือง ไม่สามารถล้างแค้นนี้ได้ นางจะเอาหน้าที่ไหนไปสู้ญาติพี่น้องของตนเองในยมโลก? นางจะทิ้งลูกของตนเองไว้บนภูเขาหิมะที่เยือกเย็นนี้ได้อย่างไร?
ลมพัดเอากลิ่นคาวเลือดโชยไปไกลแสนไกล บนยอดเขาหมาป่าหิมะ หมาป่าหิมะออกมาตามหากลิ่นคาวเลือด ตามมาจนถึงตรงนี้ และในที่สุดเด็กคนนั้นก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมา….
หยวนชิงหลิงค่อยๆลืมตา น้ำตาไหลอาบแก้มแต่แรกแล้ว เจ็บปวดใจจนไม่สามารถพูดอะไรได้
ความโศกเศร้าที่นางพานพบมาในชีวิตนี้ และประสบการณ์ของคนรอบข้าง แทบเหลิ่งเฟิ่งชิงไม่ได้เลยสักนิด
ตื่นขึ้นมา นางยังคงไม่สามารถเอาตัวเองออกมาจากความรู้สึกของเหลิ่งเฟิ่งชิง นางสามารถมั่นใจได้ว่าสิ่งที่นางล่วงรู้คือความทรงจำของเหลิ่งเฟิ่งชิง ความเจ็บปวดและความเกลียดชังของนางไม่ลดลงเลยสักนิด ทั้งหมดล้วนฝังลงไปในความทรงจำของเด็กแรกเกิด ถึงแม้ท่านชายสี่ไม่สามารถล่วงรู้ความทรงจำของนางทั้งหมด แต่ก็เหมือนอย่างที่พระชายาพูด ความเจ็บปวดและความเกลียดชังนั้นฝังลึกอยู่ในวิญญาณแต่แรกแล้ว ท่านชายสี่สามารถรู้สึกได้ สัมผัสได้ ตอนหลับฝัน ก็สามารถเห็นภาพเป็นบางตอน
ตอนนี้นางไม่ไปล่วงรู้ว่าวิญญาณยังอยู่ไหม แต่สามารถมั่นใจได้ว่าหลังจากคนตายไปแล้ว ความทรงจำยังคงอยู่ เพียงแต่พ้นออกมาจากร่างกายเนื้อแล้ว สถิตอยู่ในที่แห่งหนึ่ง หรือได้พบกับร่างที่เหมาะสม แล้วกลับมาบนโลกอีกครั้ง
ท่านชายสี่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ในดวงตาของเขาก็เหมือนดั่งมีน้ำตาไหล แต่เขาดูตกตะลึงงัน นิ่งจ้องมองดูหยวนชิงหลิง แล้วก็หยิบของผ้าเช็ดหน้าออกมาหนึ่งผืนยื่นให้กับนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเจ้า?”
หยวนชิงหลิงรับผ้าเช็ดหน้ามา เช็ดน้ำตาบนใบหน้า ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอื้นว่า “เดี๋ยวข้าค่อยเล่าให้เจ้าฟัง”
“เจ้าปรากฏตัวเป็นครั้งที่สองในขณะที่ข้าหลับกลางวัน ควรที่จะมีคำอธิบายอย่างมีเหตุผลให้กับข้า” ท่านชายสี่เอนพิงอยู่บนเก้าอี้กุ้ยเฟย ราวกับหมดเรี่ยวแรง ในดวงตาที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง ยังคงและดูมึนงง