บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1508 เป็นไปไม่ได้ที่จะให้อภัยได้อย่างง่ายดาย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1508 เป็นไปไม่ได้ที่จะให้อภัยได้อย่างง่ายดาย
ดวงตาท่านชายสี่ ค่อยๆกลายเป็นสีแดง เกลียวคลื่นเลือดนั้น ค่อยๆแผ่ออกไป
เขาส่ายหัวเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้ข้าลงโทษด้วยวิธีฆ่าหั่นศพเขาเป็นหมื่นชิ้น แต่ยังไงเขาก็มีชีวิตมาแล้วสามสิบหกปี ไม่ยุติธรรม”
พระชายาก็รู้สึกไม่ยุติธรรม หากตอนนี้ไปฆ่าเขาเพื่อแก้แค้น แต่ความแค้นของเหลิ่งเฟิ่งชิงกับตระกูลเทียนซ่วน ถือว่าได้ชดใช้แล้วหรือ?
แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย เหลิ่งเฟิ่งชิงเป็นประมุขของตระกูลเทียนซ่วน สืบทอดพลังพิเศษของตระกูลเทียนซ่วน ถึงแม้นางจะใช้แรงสุดท้ายทั้งหมดที่มี เพื่อคลอดเหลิ่งซี่ เอาความแค้นเคืองฝังเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเหลิ่งซี่ แล้วนางก็พอแค่นี้หรือ?
“เจ้าใจเย็นๆ ตามหาศพของแม่เจ้ากลับมาก่อน ข้าจะลองคุยกับฮองเฮา บางที ก่อนที่แม่ของเจ้าตาย อาจจะทิ้งอะไรไว้”
ท่านชายสี่ไม่พูดอะไร แค่รู้สึกถึงเลือดพลุ่งพล่านในหัวใจ ระงับยังไงก็ไม่ได้
พระชายาตบไหล่ของเขา ให้เขานั่งสมาธิสงบจิตใจ จากนั้นก็ออกไปหาหยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้า
ทั้งสามคนคุยกันอยู่ในห้องด้านข้าง พระชายามีความคิดอย่างเกินคาด พร้อมทั้งถามความเห็นของหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงฟังแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างค่อนข้างตกใจว่า “กลับไปยังเมื่อสามสิบหกปีก่อนผ่านทะเลสาบจิ้ง? แต่พระชายาน่าจะรู้ว่า หากเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จะทำให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก ส่งผลกระทบกว้างไกล โดยเฉพาะ เขาเป็นถึงเจ้าเมืองของเมืองเฟิงตู หากฆ่าเขาตายเมื่อสามสิบหกปีก่อน จะทำให้เรื่องราวชะตากรรมชีวิตของผู้อื่นมากมายเปลี่ยนแปลงไปด้วย อีกอย่าง หากสามารถกลับไปเมื่อสามสิบหกปีก่อนได้ ท่านชายสี่ต้องหวังที่จะช่วยชีวิตเหลิ่งเฟิ่งชิงกับตระกูลเทียนซ่วนไว้ แต่ท่านก็รู้ เรื่องบางอย่าง ไม่สามารถที่จะย้อนกลับมาได้จริงๆ”
“เจ้าพูดถูก แต่ตระกูลเทียนซ่วนมีความสามารถในการเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต จะต้องมีวิธีแก้แค้นได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ข้าเชื่อว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงจะต้องมีวิธี”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “แต่สิ่งที่ข้าล่วงรู้คือ หลังจากที่นางคลอดลูกบนยอดเขาหมาป่าหิมะแล้วก็ตายแล้ว”
“เจ้ามั่นใจว่าหลังจากที่นางคลอดเหลิ่งซี่แล้ว ก็ตายเลยหรือ?”
หยวนชิงหลิงพยายามหวนคิด ภาพตอนที่คลอดลูกบนยอดเขาหมาป่าหิมะนั้นลึกซึ้งมาก นางจำได้ทุกรายละเอียด และภาพสุดท้ายในความทรงจำ หมาป่าหิมะมาตามกลิ่นคาวเลือด ท่านชายสี่ส่งเสียงร้องไห้ขึ้นมา
ส่วนเหลิ่งเฟิ่งชิงตายแล้วจริงหรือไม่ นางไม่รู้ แต่ไม่มีความจำหลังจากนั้น นั่นก็หมายความว่า ความทรงจำที่เหลิ่งเฟิ่งชิงฝังไว้ในจิตใต้สำนึกของท่านชายสี่มีเพียงเท่านี้ งั้นก็น่าจะตายแล้ว
แต่นี่ก็เป็นเพียงสิ่งที่นางคาดเดา
“พระชายา ท่านรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลเทียนซ่วนมากน้อยแค่ไหน? หรือเกี่ยวกับพลังของพวกเขาได้มาจากไหน? มีพลังมากขนาดไหน?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ตระกูลเทียนซ่วนอยู่ที่เมืองเฟิงตู เป็นตระกูลที่ลึกลับมาตลอด ต่อมาก็ถูกฆ่าล้างตระกูล ดังนั้นข้าจึงรู้น้อยมาก….” พระชายาครุ่นคิดดู แล้วก็คิดขึ้นมาได้ในทันใด พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ บางทีอาจจะมีคนคนหนึ่งรู้”
หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “ใครรู้?”
พระชายาลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “องครักษ์เงาดำ ตอนที่เขายังเป็นหนุ่ม มักชอบไปเที่ยวเล่นกับพวกร่างทรง ค่อนข้างเข้าใจพวกอำนาจมืด ต่อให้เขาไม่รู้ เขาก็ต้องมีวิธีสืบรู้ได้ ข้าจะกลับจวนอ๋องซู่ตอนนี้เลย พวกเจ้ากลับวังไปก่อน รอฟังข่าวจากข้า”
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ทางด้านท่านชายสี่ ต้องหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนไหม?”
“ไม่ว่าใครจะมาอยู่เป็นเพื่อน ก็สู้หมาป่าหิมะอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้ พวกเจ้ากลับไปเถอะ ให้เขาค่อยๆสงบจิตใจเอง” พระชายาพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าเองก็มีงานราชการรัดตัว อยู่นานไม่ได้ และท่านชายสี่ก็ค่อนข้างไว้ใจหมาป่าหิมะอย่างมาก มีหมาป่าหิมะอยู่เป็นเพื่อน เขาน่าจะไม่เป็นไร
พระชายากลับไปอย่างรีบร้อน พวกเขาไปดูท่านชายสี่แวบหนึ่ง เขากำลังหลับตาทำสมาธิ หมาป่าหิมะอยู่เป็นเพื่อนข้างกาย ดูแล้วก็น่าจะไม่เป็นไร ดังนั้น ทั้งสองก็กลับวังไปอย่างไม่ได้ทักทาย
รู้เรื่องชาติกำเนิดของท่านชายสี่แล้ว ภายในใจเหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่
อารมณ์หยวนชิงหลิงในหลายปีมานี้ค่อนข้างสงบอย่างมาก แต่ก็เห็นว่าท่านชายสี่กับพระชายาพูดถูก ต่อให้ตอนนี้ไปหั่นสับศพของเหยี้ยนจือหยูกับซูหรูซวงเป็นพันหมื่นชิ้น แต่ยังไงพวกเขาก็ได้ครองรักกันมากว่าสามสิบปี ผ่านสามสิบปีที่ได้ใช้ชีวิตครองรักมาร่วมกัน ต่อให้ตอนนี้ต้องตาย ถือเป็นการง่ายสำหรับพวกเขา
จะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้
หวังเพียงว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงจะเหลือสิ่งของสักอย่างไว้ให้กับพวกเขาได้มีโอกาสจริงๆ โอกาสที่สามารถแก้แค้นได้อย่างแท้จริง
วันรุ่งขึ้น ท่านชายสี่ส่งคนของสำนักเหลิ่งหลังขึ้นไปบนยอดเขาหมาป่าหิมะ ค้นหาศพของเหลิ่งเฟิ่งชิงบริเวณรอบๆทางราบหมาป่า
ตามที่ฮองเฮาหยวนบอก ตอนนั้นเป็นช่วงฤดูหนาวหิมะตก เป็นไปได้ว่าศพของเหลิ่งเฟิ่งชิงถูกน้ำแข็งทับถมไว้ และก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ถูกหมาป่าหิมะกินแล้ว บนยอดเขาหมาป่าหิมะนอกจากหมาป่าหิมะแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ร้ายอย่างอื่น แต่ตอนนั้นหมาป่าหิมะไม่ได้กินท่านชายสี่ บางทีก็อาจจะไม่ได้กินเหลิ่งเฟิ่งชิง
แต่ยังไงก็ผ่านมาตั้งสามสิบหกปีแล้ว ผ่านฤดูร้อนมาสามสิบหกปี เมื่อถึงฤดูร้อน น้ำแข็งบนพื้นผิวจะละลาย
ส่วนจะมีใครคนอื่นขึ้นมาบนยอดเขาหมาป่าหิมะไหม เมื่อเห็นศพของนาง และด้วยความสงสารจึงฝังนางแล้ว นี่ก็ไม่ค่อยเป็นไปได้ เพราะเมื่อห้าสิบปีก่อน ยอดเขาหมาป่าหิมะถูกยกให้เป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ คนธรรมดาจะไม่สามารถเข้าออกได้
แต่ไม่ว่ายังไง ก็ต้องหาก่อนถึงจะรู้
คนของสำนักเหลิ่งหลังแทบจะออกมากันทั้งหมด แม้แต่หรงเยว่ก็มาด้วย
หลังจากพระชายากลับไปทำความแล้ว ก็ส่งคนเข้าวังไปบอกหยวนชิงหลิงว่า องครักษ์เงาดำก็ไม่รู้เรื่อง แต่เขาออกเดินทางไปถามคนที่รู้เรื่องตระกูลเทียนซ่วนแล้ว เหลือว่าอีกไม่กี่วันก็จะรู้ข่าว
คนที่ต้องรอมักจะร้อนรุ่มไม่สบายใจ โดยเฉพาะ ในระหว่างการรอคอย ศัตรูกำลังเตรียมจัดงานอายุยืนอย่างครึกครื้น
หยู่เหวินเห้าก็สืบเรื่องของเหยี้ยนจือหยู
หลายปีที่เหยี้ยนจือหยูปกครองเมืองเฟิงตู เศรษฐกิจเมืองเฟิงตูเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก มีการทำมาค้าขายกับแคว้นต้าเยว่ ผ้าไหมเมืองเฟิงตูมีชื่อเสียงอย่างมาก ส่วนมากล้วนขายให้กับแคว้นต้าเยว่ ความเจริญรุ่งเรืองของเมืองเฟิงตู ไม่ด้อยไปกว่าเมืองหลวงของเป่ยถัง
และนับตั้งแต่ฮ่องเต้หมิงหยวนครองราชย์มาห้าปี เมืองเฟิงตูก็เริ่มแอบสั่งสมกำลังทหาร แต่ก็ไม่ใช่ว่ามีความทะเยอทะยาน เพียงแค่มีความคิดอยากที่จะพ้นออกมาจากภายใต้อำนาจของเป่ยถัง ไม่ต้องส่งเครื่องบรรณาการรายปีให้กับเป่ยถังอีก
ก่อนที่ไท่ซ่างหวงยังไม่ได้สละบัลลังก์ ค่อนข้างที่จะเข้มงวดกับเมืองเฟิงตูอย่างมาก นอกจากส่งเครื่องบรรณาการรายปีแล้ว ยังจะส่งทูตมาทุกปี จุดประสงค์ก็คือเพื่อต้องการที่จะบอกเหยี้ยนจือหยูเจ้าเมืองเมืองเฟิงตูว่า ต่อให้เมืองเฟิงตูมีความสามารถมากแค่ไหน ยังไงก็วาดอยู่ภายใต้แผนที่ของเป่ยถัง ราชสำนักให้เขาปกครองตนเองได้ แต่ก็สามารถเอากลับขึ้นมาได้เหมือนกัน
มาถึงรัชสมัยของฮ่องเต้หมิงหยวน เพราะมีการแย่งชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาท ฮ่องเต้หมิงหยวนเคยส่งองค์ชายใหญ่หยู่เหวินจุนไปยังเมืองเฟิงตู และหยู่เหวินจุนก็ดำเนินการใช้นโยบายที่อ่อนโยน เพราะต้องการหรืออยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากเหยี้ยนจือหยู นี่จึงเป็นการให้เหยี้ยนจือหยูได้มีโอกาส ให้เขามีความคิดที่อยากจะพ้นจากอำนาจภายใต้การปกครองของเป่ยถัง
ดังนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนตัวหรือส่วนรวม หยู่เหวินเห้าล้วนไม่มีทางปล่อยเหยี้ยนจือหยูไปแน่
ไม่เคยมีใครสักคน ทำให้เขารู้สึกว่า ต่อให้ฆ่าเขาแล้วก็เป็นการง่ายสำหรับเขา เขาจะต้องเตรียมการรับมือไว้สองวิธี หากเหลิ่งเฟิ่งชิงไม่ทิ้งอะไรไว้ เขาก็จะเตรียมการทำให้เหยี้ยนจือหยูกับซูหรูซวงพบกับความอัปยศทุกข์ทรมาน ตายทั้งเป็น
ความสิ้นหวัง ความเจ็บปวดทรมานทั้งหมดที่เหลิ่งเฟิ่งชิงได้รับ พวกเขาจะต้องได้รับมากยิ่งกว่านั้น
แม้แต่คนภายนอกยังเกลียดชังได้ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าความชั่วของเหยี้ยนจือหยู ไม่น่าให้อภัยจริงๆ
คนของสำนักเหลิ่งหลัง ค้นหาอยู่บนยอดเขาหมาป่าหิมะแล้วหลายวัน ไม่พบอะไรสักอย่าง หิมะปกคลุมมานานกว่า 30 ปี ตามหาศพเมื่อสามสิบปีก่อน ยากเย็นแสนเข็ญขนาดไหน?
ส่วนทางด้านพระชายา ไปสืบเรื่องตระกูลเทียนซ่วนกลับมาแล้ว นางรีบเข้าวังมาหาหยวนชิงหลิงทันที
“ตระกูลเทียนซ่วนมีพลังที่สามารถเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต และที่มาของพลังนี้ ไม่สามารถล่วงรู้ได้แล้ว ได้ยินว่ามาจากหินญาณสวรรค์ แต่พวกนี้เป็นเพียงคำร่ำลือ ไม่สามารถยืนยันความจริง แต่หากจะช่วยคนคนหนึ่งเปลี่ยนชะตาฟ้าลิขิต ก็จะต้องอาศัยพลังจากหินญาณสวรรค์ก้อนนี้ หินญาณสวรรค์พวกนี้ครอบครองรักษาโดยประมุขเท่านั้น”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างตกใจเล็กน้อยว่า “แต่ ต่อมาเหยี้ยนจือหยูได้เป็นประมุขของตระกูลเทียนซ่วน งั้นหินญาณสวรรค์ตกอยู่ในมือของเขาหรือเปล่า?”