บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1511 มีความคืบหน้า
หยวนชิงหลิงฟังถึงตอนนี้ แล้วในใจก็คิดอะไรขึ้นมาได้ในทันที กรรมแห่งการย้อนกลับมาทำร้ายของตระกูลเทียนซ่วน คือการถูกถลกหนังจนตาย?
นางพยายามรวบรวมสติ พยายามทำความเข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนที่หนานเปียนเค่อได้เจอกับเหลิ่งเฟิ่งชิง เหลิ่งเฟิ่งชิงกำลังตั้งครรภ์ งั้นหลังจากครึ่งปีแล้วได้รับจดหมายของพอจี พอจีบอกว่าได้เตรียมการแก้แค้นแล้ว นั่นก็แสดงว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงถูกจับตัวแล้ว เขาต้องการช่วยเหลิ่งเฟิ่งชิงหนีออกไปจากเมืองหลวง ต่อมาหนานเปียนเค่อตามหามาถึงเมืองหลวงก็ไม่เจอ จึงได้หาคนในยุทธภพช่วยตามหา สุดท้ายคนของสำนักทงเทียน หาเจอพอจีที่ตายแล้ว ระหว่างนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือน
ตอนที่เจอพอจี พอจีเพิ่งตายไปไม่กี่วัน ก็เท่ากับว่า พอจีตายหลังจากที่ท่านชายสี่เกิดอย่างน้อยหนึ่งถึงสองเดือน
แต่ว่าตอนนั้น คนของตระกูลเทียนซ่วนล้วนตายหมดแล้ว แล้วเขาจะตายเพราะถูกการย้อนกลับมาทำร้ายของตระกูลเทียนซ่วนได้อย่างไร?
มีคำอธิบายเพียงอย่างเดียว ก็คือหลังจากที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดท่านชายสี่แล้วก็ยังไม่ตาย สุดท้ายพอจีตามไปเจอ
แต่ว่าไม่ถูก ตอนนั้นตอนที่พอจีช่วยเหลิ่งเฟิ่งชิงหนีออกมา พอจีถูกเหยี้ยนจือหยูฆ่าตายแล้วไม่ใช่หรือ? อย่างน้อยในความทรงจำของเหลิ่งเฟิ่งชิงคือ พอจีตายด้วยฝีมือของเหยี้ยนจือหยู
แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าพอจีแกล้งตาย จากนั้นก็รีบตามมา เพราะมีเพียงเช่นนี้ถึงจะสามารถปิดบังได้ ให้เหยี้ยนจือหยูคิดว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงไม่มีคนช่วย
จากเรื่องที่หนานเปียนเค่อเล่า หลังจากที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดท่านชายสี่แล้ว บางทีอาจจะยังไม่ตาย
ในใจหยวนชิงหลิงเกิดความรู้สึกมีความหวังขึ้นมา แต่นางไม่กล้าพูดออกมา กลัวจะเป็นการทำให้เจ้าห้ากับเหลิ่งจิ้งเหยียนมีความหวัง หากไม่ใช่ความจริงจะทำให้ต้องผิดหวัง เพราะที่จริงในตอนนี้ ความรู้สึกของทุกคนล้วนเป็นเหมือนกับท่านชายสี่
นางสอบถามหนานเปียนเค่อเกี่ยวกับรายละเอียดบางอย่าง อย่างเช่นหินญาณสวรรค์ของตระกูลเทียนซ่วน มีความวิเศษจริงหรือไม่ หนานเปียนเค่อก็เคยได้ยินเรื่องหินญาณสวรรค์ แต่เขาไม่เคยเห็นด้วยตาตนเอง รู้เพียงว่าหินญาณสวรรค์สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีเพียงประมุขถึงรู้ว่าเปิดกล่องหินญาณสวรรค์ แล้วเชิญหินญาณสวรรค์ออกมาได้ยังไง
หยวนชิงหลิงรีบเรียบเรียงเรื่องราวให้ชัดเจนโดยเร็วที่สุด หลังจากเหลิ่งเฟิ่งชิงถูกกักขัง เหตุเพราะเหลิ่งเฟิ่งหยู่ถูกฆ่า ทำให้พอจีโกรธแค้น อยากแก้แค้นให้กับเหลิ่งเฟิ่งหยู่ แต่เขาไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะกำจัดเหยี้ยนจือหยู จึงต้องฝากความหวังไว้ที่เหลิ่งเฟิ่งชิง หลังจากช่วยเหลิ่งเฟิ่งชิงหนีไปได้แล้ว เรื่องนี้ถูกเปิดเผย รู้ไปถึงเหยี้ยนจือหยู เขาได้รับโทษแกล้งตาย จากนั้นก็ตามเหลิ่งเฟิ่งชิงมาอย่างลับๆ คอยปกป้องนางมาตลอดทาง จนสุดท้ายตามมาถึงบนยอดเขาหมาป่าหิมะ ตอนที่เขาตามมาเจอเหลิ่งเฟิ่งชิง หมาป่าหิมะได้คาบท่านชายสี่ไปแล้ว แต่เวลานี้เหลิ่งเฟิ่งชิงยังไม่ตาย พอจีจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตนาง
พอจีน่าจะสามารถช่วยนางไว้ได้ เพราะว่าตอนนั้นเหลิ่งเฟิ่งชิงยังต้องรับความทุกข์จากกรรมแห่งการย้อนกลับมาทำร้าย ไม่มีการตกเลือดมากหลังคลอด เพียงแค่ตามร่างกายมีบาดแผลและก็เหนื่อยล้า พอจีเป็นคนที่ออกมาจากสำนักเดียวกับหนานเปียนเค่อ บนตัวน่าจะมียารักษาบาดแผล หลังจากช่วยชีวิตเหลิ่งเฟิ่งชิง ไม่นานเหลิ่งเฟิ่งชิงก็จะต้องทนรับการย้อนกลับมาทำร้าย ในเวลานี้ พอจีตาย งั้นความเป็นไปได้ที่สุดก็คือ เขาใช้ความตายของตนเองแลกกับการให้เหลิ่งเฟิ่งชิงมีชีวิตต่อไป?
เพียงแต่ หากตอนนั้นเหลิ่งเฟิ่งชิงไม่ตาย ทำไมนางไม่ไปแก้แค้นหรือไม่ไปตามหาท่านชายสี่? ต่อให้นางคิดว่าท่านชายสี่ถูกหมาป่ากินแล้ว ก็น่าจะมาหาฮ่องเต้ที่เมืองหลวง ทูลความผิดของเหยี้ยนจือหยูไหม?
เกิดความสงสัยขึ้นในใจและกังวลเกี่ยวกับการแก้แค้น ทำให้หยวนชิงหลิงทนรอไม่ไหวแม้เพียงนาทีเดียว รอเมื่อหยู่เหวินเห้า มอบหมายงานราชการในราชสำนักให้กับใต้เท้าเหลิ่งเรียบร้อยแล้ว ก็รีบเก็บข้าวของ เตรียมตัวไปยังยอดเขาหมาป่าหิมะ
ตอนนี้ฟ้ามืดแล้ว ขึ้นไปไม่ทันแล้ว หยู่เหวินเห้ามีพระราชโองการลงไป ให้สวีอีกับใต้เท้าทังตามเสด็จไปด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น ฟ้ายังไม่ทันสว่าง ทั้งสี่คนก็ออกเดินทางไปยังยอดเขาหมาป่าหิมะแล้ว
ท่านชายสี่กับคนของสำนักเหลิ่งหลัง ยังตามหาอยู่บนยอดเขาหมาป่าหิมะ บริเวณแถบทางราบหมาป่า เรียกได้ว่าเป็นการขุดลงไปถึงสามฟุต แต่หาเหลิ่งเฟิ่งชิงไม่เจอ
หลังจากมารวมตัวกันกับท่านชายสี่ หยวนชิงหลิงมองเห็นสภาพของท่านชายสี่ ในใจเจ็บปวดอย่างมาก ท่านชายสี่ดูห่อเหี่ยวไปทั้งหมด หนวดยาวไม่เรียบร้อย ไม่ได้หลับมาหลายวันแล้ว ขอบตาของเขาดำอย่างรุนแรง ดวงตาทั้งคู่ไร้ซึ่งความสดใส ริมฝีปากก็แห้งจนแตก ผอมโทรมไปหมดทั้งตัว ยังเหลือท่าทีสุขุมสง่างาม เหมือนอย่างที่ผ่านมาเสียที่ไหน?
ชุดคลุมสีขาวของเขาแทบจะเป็นอันเดียวกันกับพื้นหิมะ หดหู่อย่างมาก มองเห็นหยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิง ภายในดวงตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย พร้อมรีบถามขึ้นว่า “พบเจออะไรเพิ่มอีกหรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงโศกเศร้าเสียใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าขึ้นมาลองสัมผัสดู ว่าสามารถรู้สึกอะไรได้เพิ่มบ้างไหม”
สายตาท่านชายสี่สลดลง พร้อมพูดขึ้นว่า “อ้อ”
ลมบนภูเขาแรงมาก ส่งเสียงพัดรุนแรง หยวนชิงหลิงมองไปรอบๆ ในสมองปรากฏภาพภาพหนึ่ง เหลิ่งเฟิ่งชิงที่เหนื่อยล้าอย่างมาก ปีนขึ้นมาอย่างทุกข์ยากลำบาก นางปวดท้องอย่างมาก ลูกกำลังจะคลอดออกมาแล้ว นางรีบเร่งฝีเท้า หวังอยากที่จะไปถึงวัดศาลเจ้า แล้วคลอดลูกที่วัดศาลเจ้า
ฝีเท้าของนางเริ่มโซเซ หกล้มคลุกคลานไปหลายก้าว กระบี่ในมือค้ำยันบนพื้น ประคองร่างกายที่หนักอึ้งไว้ นางเจ็บปวดมาก เวียนหัว หิว กระหาย ค่อยๆคุกเข่าลง คว้าหิมะมาใส่ปากอย่างหนาวมาก
หยวนชิงหลิงคุกเข่าลง ยื่นมือที่สั่นเทาออกมาลูบบริเวณนั้น ที่นี่ ที่นี่มีความรู้สึกที่รุนแรงมาก
“เจ้าหยวน เหนื่อยแล้วหรือ?” หยู่เหวินเห้าเดินมา เอื้อมมือประคองนาง
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมามองดูหยู่เหวินเห้า ความโศกเศร้าปรากฏในดวงตา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าห้า เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดท่านชายสี่ที่นี่”
ด้านหลังเจ้าห้าห่างออกไปไม่ไกล ท่านชายสี่ได้ยินคำพูดนี้ หันมามองด้วยสายตาที่สลดมืดมนลง มองดูตรงที่หยวนชิงหลิงคุกเข่า ตรงนั้นไม่ถือว่าราบเรียบ หากขยับไปข้างหน้าอีกนิด เป็นพื้นที่ที่ดีกว่านี้ และตรงนั้นมีเนินกั้นอยู่ อย่างน้อยก็สามารถกั้นลมหนาวได้บ้าง
แต่นางเดินไปไม่ไหวแล้ว
ที่นี่ เป็นสถานที่เกิดของเขา
เมื่อสามสิบหกปีก่อน เขามาถึงบนโลกนี้ สิ่งแรกที่มองเห็นก็คือที่นี่
น้ำตาที่อดกลั้นไว้เนิ่นนาน ความเสียใจที่เป็นเกลียวคลื่นอยู่ภายในหัวใจเนิ่นนาน ณ เวลานี้เหมือนดั่งน้ำท่วมไม่มีเขื่อนกั้นน้ำ ระงับต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว เจ็บปวดใจเหมือนดั่งมีดบาด ท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง เขาเอามือกุมท้องก้มลงนั่งยองๆไว้ ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาอย่างกลั้นไม่ไหว
“ท่านชายสี่ อย่าทำแบบนี้”
หยู่เหวินเห้ามองดูอย่างปวดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่คำพูดปลอบโยนก็ไร้เรี่ยวแรงอย่างที่สุด
หยวนชิงหลิงกลับเหมือนเสียสติ ค่อยๆเดินไปข้างหน้า หนึ่งก้าว สองก้าว ในขณะที่หยู่เหวินเห้ากำลังปลอบโยนท่านชายสี่ นางเดินไปสูงเกินยี่สิบเมตรแล้ว หันกลับมาดูคนที่กำลังตามหา ลมภูเขาพัดผ่านเข้าหู มีบางอย่างในหัวสมองของนาง เริ่มชัดเจนขึ้นมา
จิตเหลิ่งเฟิ่งชิงที่สัมผัสได้ ค่อยๆชัดเจนขึ้น รุนแรงขึ้น จึงหันตัว เดินมุ่งไปข้างหน้าต่อไป
“เจ้าหยวน เจ้าจะไปไหน?” หยู่เหวินเห้าเห็นนางเดินไปข้างบนคนเดียว จึงรีบร้องตะโกนขึ้น
หยวนชิงหลิงหันกลับมาพูดว่า “วัดศาลเจ้า” จากนั้น นางก็เดินหน้าต่อไป ความปรารถนาที่มีต่อวัดศาลเจ้า ยิ่งอยู่ก็ยิ่งชัดเจน นางจะเดินไปยังวัดศาลเจ้า
นี่เป็นจิตใต้สำนึกของเหลิ่งเฟิ่งชิง วัดศาลเจ้าคือชีวิตเดียวของนาง
หยู่เหวินเห้าอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “วัดศาลเจ้า?”
หรือว่าท้ายที่สุดแล้ว เหลิ่งเฟิ่งชิงไปที่วัดศาลเจ้า? แต่ตอนนั้น นางไม่สามารถเดินได้แล้วนี่ จะไปวัดศาลเจ้าได้ยังไง?
หรือว่า ตอนที่คนของวัดศาลเจ้าลงเขามา จึงเจอกับนางพอดี? แต่คนของวัดศาลเจ้าไม่ลงเขา แทบจะอยู่บนเขาไปตลอดชีวิต ทุกอย่างบนเขา สามารถเลี้ยงชีวิตได้ ไม่จำเป็นต้องมาคลุกคลีกับสิ่งในโลก ดังนั้นพวกเขาจะไม่ลงมาจากเขา
เขาไม่วางใจท่านชายสี่ และก็ไม่วางใจเจ้าหยวน ดังนั้นจึงให้ทังหยางคอยดูท่านชายสี่อยู่ที่นี่ เขาพาสวีอีไล่ตามหยวนชิงหลิงไป