บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1514 แม่
หยวนชิงหลิงอยากเกลี้ยกล่อมนางไว้ก่อน จึงนั่งลงเย็บหมอน
น้ำมันบนหมอนแข็งมาก ปักเข็มร้อยด้ายลงไปค่อนข้างลำบาก สำลีข้างใน มีสีดำเขียวจางๆ อย่างสกปรก
นางนั่งลงบนพื้น มองดูหยวนชิงหลิงช่วยนางเย็บหมอนอย่างมีความสุข ตอนที่มองดูหมอน แววตาของนางเต็มไปด้วยความรักใคร่ของความเป็นแม่ นิ่งอึ้งมองดู มือค้างอยู่กลางอากาศ ตอนที่หยวนชิงหลิงปักเข็มลงไป นางก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา เหมือนกลัวว่าลูกจะเจ็บ
หยวนชิงหลิงเงยหัวมองดูนาง แล้วก็ยิ้มหัวเราะให้กับนางอย่างอ่อนโยน นางก็ยิ้มอย่างเขินๆ เอื้อมมือลูบหมอน พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูก ของข้า”
“อืม ข้ารู้” ในใจหยวนชิงหลิงเจ็บปวดอย่างมาก ค่อยๆเย็บลงไป เย็บจนรอบหมอนไปหนึ่งรอบ กระทำอย่างช้าที่สุด อยากมีโอกาสได้นั่งอยู่กับนางนานหน่อย จะได้พูดคุยกับนางมากขึ้น
นางตื่นเต้นอย่างมาก ภาพจินตนาการที่เคยคิดก่อนหน้านี้ล้วนสามารถเป็นจริงแล้ว
สามารถแก้แค้นให้กับเหลิ่งเฟิ่งชิงกับท่านชายสี่ และพวกเขาสองแม่ลูกก็จะได้อยู่ด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง
เมื่อคิดอยู่เช่นนี้ รอยยิ้มของนางก็ยิ่งอ่อนโยนขึ้นมา อาจเป็นเพราะรอยยิ้มนี้อ่อนโยนอย่างมาก ทำให้ความระแวงอันน้อยนิดของเหลิ่งเฟิ่งชิงก็ไม่มีแล้ว ยังค่อยๆขยับมาใกล้นาง กระทั่งสายตาก็ไม่ได้จ้องมองแต่หมอนอยู่ตลอดเวลา นางยกให้กับหยวนชิงหลิงอย่าวางใจแล้ว
หมอนใบนี้ ในสามสิบกว่าปีที่ผ่านมา นางเห็นเป็นสิ่งล้ำค่ามาตลอด และเป็นสิ่งเดียวที่ค้ำจุนให้นางมีชีวิตมาถึงตอนนี้ แต่นางยอมค่อยๆปล่อยวางแล้ว เห็นได้ชัดว่านางเชื่อใจหยวนชิงหลิง
นี่อาจเป็นเพราะหยวนชิงหลิง มีความทรงจำที่ผ่านมาของนาง กระแสจิตเป็นสิ่งที่ลึกลับจริงๆ
หลังจากหยวนชิงหลิงเย็บหมอนเสร็จยื่นให้กับนาง นางรับมาอย่างดีใจ กอดแนบอกไว้แน่น ยังส่งยิ้มหวานให้กับหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงมองดูผิวหนังที่สกปรกของนาง กับรอยยิ้มไร้เดียงสานั้น รู้สึกปวดใจ กลั้นน้ำตาไม่ได้อีกแล้ว
หยวนชิงหลิงอยากลองหวีผมให้กับนาง แต่นางยังหลบอยู่ หลบไปนั่งตรงเก้าอี้ด้านนอก ยังคงเป็นท่าทีตอนที่หยวนชิงหลิงเพิ่งมาถึงเมื่อกี้
หยวนชิงหลิงจึงไม่กล้าพยายามเข้าใกล้นางอีก นั่งลงบนพื้นเป็นเพื่อนนาง มองดูนางอยู่อย่างเงียบๆ ทั้งดีใจและเสียใจ
เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้น หยวนชิงหลิงยังไม่ทันเงยหัวขึ้น เหลิ่งเฟิ่งชิงก็ลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น กอดหมอนไว้แน่น เงยดวงตาขึ้นอย่างระแวดระวัง
ท่านชายสี่ที่สวมชุดขาวกับหยู่เหวินเห้ามาถึง พวกเขาทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนแคบ ไม่ได้รีบเดินมาทันที
ท่านชายสี่ค่อยๆเงยหน้าขึ้น เส้นผมยุ่งเหยิงปลิวไปตามลม และก็มีอารมณ์บ้าคลั่งอยู่นิด ริมฝีปากสั่นเทา มองดูเหลิ่งเฟิ่งชิงด้วยสายตาแดงก่ำ
น้ำตายิ่งอยู่ก็ยิ่งไหลเยอะ จนมองดูเห็นภาพเลือนราง
เขาเร่งฝีเท้ารีบวิ่งมา ยังหายใจหอบ ไม่รู้ว่าหัวใจเต้นแรงเพราะความเร่งรีบหรือเพราะอารมณ์ตื่นเต้น ปลายเท้าของเขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วก็หยุด
เหลิ่งเฟิ่งชิงก็มองดูเขา เอียงหัว ฉายแววงุนงง
เดิมหยวนชิงหลิงคิดว่าท่านชายสี่จะค่อยๆมาหานางอย่างระมัดระวัง กลับคิดไม่ถึง วินาทีต่อมา ท่านชายสี่ ก้าวเท้ายาวๆมาข้างหน้า เหลิ่งเฟิ่งชิงตกใจจนรีบลุกขึ้นมา จะวิ่งเข้าไปหลบในห้อง ท่านชายสี่ดึงแขนของนางไว้อย่างรวดเร็ว หมอนตกลงบนพื้น ในระหว่างที่นางตื่นตระหนกโกรธจัด ท่านชายสี่กอดนางไว้แน่น ตื่นเต้นจนร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว น้ำตาร่วงไหลลงเป็นทาง ไม่สามมากระงับได้อีกต่อไป
เหลิ่งเฟิ่งชิงกลับหวาดกลัวขึ้นมา สายตามองดูหมอนบนพื้น แล้วนางก็กรีดร้องขึ้นมาในทันที มือทั้งคู่ดิ้นรนออกมาทุบตีเขา ตบลงไปแต่ละที กัดฟันใช้แรงอย่างบ้าคลั่ง หยวนชิงหลิงมองเห็นใบหน้าใบหูของท่านชายสี่เป็นรอยแดง อยากเข้าไปห้าม หยู่เหวินเห้ากลับดึงไว้ ส่ายหัวให้กับนางพร้อมสายตาที่โศกเศร้า หยวนชิงหลิงซบแนบอกหยู่เหวินเห้า แล้วก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดขึ้นมา
เหลิ่งเฟิ่งชิงตีเขายังไงก็ไม่หลุด จึงกัดบนไหล่ของเขา คนเสียสติมักจะมีแรงอย่างมาก เมื่อกัดลงไป ใช้แรงเยอะจนทำให้นางเองก็สั่นเทาไปทั้งตัว ความบ้าคลั่งแผ่ซ่านเข้าตา นางเงยหน้าขึ้น กัดคอของท่านชายสี่ ระหว่างฟัน จู่ๆก็มีเลือดไหลออกมา
ท่านชายสี่กลับไม่รู้สึกเจ็บ ยังคงกอดนางไว้อย่างดื้อรั้นอยู่อย่างนั้น ความเจ็บปวดกลับทำให้เขารู้สึกปลอดภัย นั่นไม่ใช่ภาพจินตนาการที่คิดไปเอง เป็นความจริงทั้งหมด นางยังมีชีวิตอยู่ ฟ้าสวรรค์เมตตา นางยังมีชีวิตอยู่ นางยังมีชีวิตอยู่
อาจเป็นเพราะเลือดบนคอของท่านชายสี่ ทำให้เหลิ่งเฟิ่งชิงมีสติขึ้นมาบ้าง การกระทำที่บ้าคลั่งของนางค่อยๆหยุดลง ดมกลิ่นคาวเลือด สายตาลุกวาวอย่างสงสัย
ท่านชายสี่ค่อยๆปล่อยนาง นิ่งเงียบจ้องมองดูใบหน้าของนาง มองดูความงงงวยในแววตาของนาง ในใจของเขาเจ็บปวด ก้มลงเก็บหมอนขึ้นมา วางในอ้อมกอดของนาง เหลิ่งเฟิ่งชิงคว้ามากอดไว้ แล้วรีบหลบไปนั่งบนเก้าอี้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดว่า “ลูก ลูกของข้า”
ท่านชายสี่ค่อยๆคุกเข่าตรงหน้านาง มองดูท่าทีนางใช้ปลายนิ้วลูบหมอนเบาๆ น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาอีกครั้ง พยายามระงับความโศกเศร้าในใจ พร้อมเรียกขึ้นด้วยเสียงแหบว่า “แม่”
เหลิ่งเฟิ่งชิงนิ่งอึ้ง ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปสักพัก แล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองดูเขา มือทั้งสองข้างยังจับหมอนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ตาเหม่อมองอย่างตะกละตะกลาม ทั้งที่แววตายังสงสัย แต่มีบางอย่างก็ค่อยๆ พังทลายลง
นางยื่นมือสกปรกออกมาอย่างสั่นเทา วางบนใบหน้าท่านชายสี่ น้ำตาร้อนไหลอาบใบหน้าที่เย็นชา และกลิ้งไปที่หลังมือของนาง นางชักมือกลับ จ้องมองหยาดน้ำตาที่หลังมือ
“ลูก?” เสียงดังออกมาปากของนาง รวดเร็วและน่าสงสัย ขนตาดำหม่น ริบหรี่อย่างรวดเร็ว นางปรับเปลี่ยนท่านั่ง แม้แต่หมอนหลุดจากตักอย่างเงียบๆก็ไม่สนใจ มองดูท่านชายสี่อย่างพิจารณา
ท่านชายสี่น้ำตาไหล ยิ้มทั้งน้ำตา จับมือของนางที่สัมผัสใบหน้าของตน พูดเสียงแหบมากจนแทบจะออกเสียงไม่ได้ว่า “ข้าเอง”
เหลิ่งเฟิ่งชิงชักมือกลับ แล้วยกมือขึ้น ค่อยๆกางออก แสดงท่ากอดกัน แล้วก็ชักมือกลับ กอดหน้าอกไว้อย่างระมัดระวัง นางเอียงหัว เหมือนกำลังมองดูท่านชายสี่ แต่สายตาไม่แน่นิ่ง เพียงแค่กระทำตามสัญชาตญาณ
หยวนชิงหลิงมองเห็นนางกระทำเช่นนี้ น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะไหลตกลงมา พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “หลังจากที่นางคลอดเจ้า ก็กอดเจ้าไว้แนบอกเช่นนี้”
ท่านชายสี่ยิ่งเจ็บปวดใจ น้ำตาร่วงไหล
สุดท้าย เหลิ่งเฟิ่งชิงยังคงเก็บหมอนขึ้นมา กอดไว้แนบอก ยังคงเป็นท่าทีเหมือนเมื่อกี้เช่นนั้น
ริมฝีปากท่านชายสี่ขาวซีด มองดูเหลิ่งเฟิ่งชิงด้วยสายตาโศกเศร้า อยากค่อยๆลุกขึ้นมา เหลิ่งเฟิ่งชิงกลับคว้าจับข้อมือของเขาไว้อย่างแรง ยกตาแข็งมองดูท่านชายสี่ ไม่ยอมรับเขา กลับไม่ยอมให้เขาไป
ท่านชายสี่กลับนั่งลงอีกครั้ง
เหลิ่งเฟิ่งชิงค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วแตะรอยแดงบนใบหน้าของเขา นั่นคือรอยแผลเป็นที่นางสร้างขึ้นจากการทุบตีอย่างบ้าคลั่งของนาง นิ้วของนางเย็นและหยาบกร้าน กลับเป็นความอบอุ่นของแม่ที่ท่านชายสี่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ดวงตาท่านชายสี่แดงขึ้นมา
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงยืนอยู่ไม่ไกล มองดูพวกเขาอย่างเงียบๆ น้ำตาก็ซึมไหลลงเหมือนกัน ไม่กล้าเข้าใกล้ กลัวจะทำให้เหลิ่งเฟิ่งชิงตกใจ แล้วนางกระโดดขึ้นไปตบตีท่านชายสี่อีก
ทั้งสองคนจับมือกัน ถอยไปยืนห่างไปไกล ท่านชายสี่เหมือนกำลังคุยกับนาง นางไม่ตอบ จ้องมองดูท่านชายสี่อยู่อย่างนั้น
จากนั้นผ่านไปนาน ท่านชายสี่หยิบหวีที่หยวนชิงหลิงวางไว้เมื่อกี้ อ้อมไปทางด้านหลังนาง ช่วยหวีผมให้กับนาง เส้นผมนั่นแข็งพันกันไปนานแล้ว หวีไม่ได้ แต่เหลิ่งเฟิ่งชิงไม่ขยับ ท่านชายสี่ก็ยังหวีต่อไปอย่างช้าๆ
ในใจหยวนชิงหลิงตื่นเต้นอย่างมาก เพราะเมื่อกี้นางจะหวีผมให้กับเหลิ่งเฟิ่งชิง เหลิ่งเฟิ่งชิงกลับไม่ยอม แต่ตอนนี้นางยอมให้ท่านชายสี่หวีผมให้นาง แสดงว่าในใจของนางหวั่นไหวต่อท่านชายสี่แล้ว
คนของสำนักเหลิ่งหลังก็ตามขึ้นมากันแล้ว ช่วยต้มน้ำร้อนในวัดและนำมาไว้ที่นี่ ท่านชายสี่เช็ดหน้าให้กับเหลิ่งเฟิ่งชิง หลังจากเช็ดมือ เช็ดหน้าสกปรกนั่นแล้ว ก็เผยให้เห็นสีเหลืองอร่าม ดูลักษณะใบหน้าและโครงร่างตอนนี้ เหมือนท่านชายสี่อย่างมาก
เหลิ่งเฟิ่งชิงได้แต่จ้องเขม็งดูท่านชายสี่ตลอดเวลา สายตาแทบไม่กระพริบ
รอหลังจากท่านชายสี่ช่วยนางเช็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว นิ้วมือของนางลูบเบาๆบนคอของท่านชายสี่ เอียงหัวถามขึ้นอย่างคลุมเครือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ็บ?”