บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1516 ที่ผ่านมา ตอนนี้ อนาคต
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าลงจากเขาไปก่อน มีวิธีแก้ปัญหาแล้ว นางก็อยากแก้ไขโดยเร็ว อีกอย่าง กลับไปแล้วนางยังจะต้องไปปรึกษากับพระชายา การเดินทางข้ามเวลา พระชายามีประสบการณ์
ถึงแม้นางจะพูดกับท่านชายสี่เช่นนี้ แต่เรื่องนี้มีอันตรายหรือไม่ นางยังคงเล่าความจริงให้เจ้าห้าให้ฟัง แต่นางก็รับปาก ตนเองสามารถรับมือได้
หยู่เหวินเห้าลังเลสักพัก หากเขาต้องไปเสี่ยงอันตรายด้วยตนเอง เขาจะไม่ลังเลเลยสักนิด
แต่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาชำนาญ เขาช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงมองดูเจ้าหยวนไปเสี่ยงอันตราย ในใจของเขาจึงค่อนข้างมีปัญหา
หยวนชิงหลิงจับมือของเขาไว้ พร้อมพูดปลอบว่า “เราผ่านกันมาหลายปี เรื่องใหญ่กว่านี้ก็ล้วนผ่านมาได้ไม่ใช่หรือ? นี่ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ และยังมีพระชายาคอยช่วยเหลือ เจ้าดูอ๋องชินเฟิงอันกับนางไปมาที่นี่กับปัจจุบันบ่อยครั้งแค่ไหน พวกเขาจะต้องรู้เคล็ดลับ ดังนั้น เจ้าวางใจได้”
หยู่เหวินเห้าคิดไปคิดมา หากไม่ให้นางไป เรื่องนี้ก็จะอยู่ในใจนาง ไม่สามารถปล่อยวางได้อย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่นาง คนที่รู้เรื่องนี้ต่างก็ไม่สามารถปล่อยวางได้ ตัวเขาเองเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ก็เร่าร้อนไปด้วยความโกรธ อยากที่จะหั่นศพเหยี้ยนจือหยูเป็นพันหมื่นชิ้น?
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว งั้นก็ไปเถอะ แต่ยังไงความปลอดภัยของตนเองก็ต้องมาก่อน หากมีอันตรายจริงๆ ไปไม่ได้ ก็ไม่ต้องฝืน”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารับปากเจ้า หากไปไม่ได้ ข้าจะไม่ฝืนเด็ดขาด จะไม่ฝ่าฝืนไปแน่นอน”
หยู่เหวินเห้าจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้ารอเจ้ากลับมาอย่างประสบความสำเร็จ”
ลมกระโชกแรงมาตลอดทาง พัดผ่านเสื้อผ้าของทั้งสองคน ยอดเขาหมาป่าหิมะค่อยๆถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง
หลังจากกลับไป หยวนชิงหลิงก็รีบไปหาพระชายาที่จวนอ๋องซู่ทันที เล่าเรื่องที่เหลิ่งเฟิ่งชิงยังไม่ตายให้พวกเขาฟัง และก็เล่าวิธีที่เจ้าอาวาสพูดให้นางฟัง พร้อมขอร้องให้หน่อยช่วย
พระชายาได้ยินว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงยังไม่ตาย ก็เผยท่าทีอย่างไม่คาดคิด แต่ความดีใจก็มีมากกว่าความเจ็บ พร้อมพูดขึ้นว่า “สำหรับชีวิตของเหลิ่งซี่ ในที่สุดก็ลดเรื่องที่เสียใจไปหนึ่งอย่าง เขาก็มีแม่เป็นของตัวเองแล้ว ข้าดีใจอย่างมากจริงๆ”
“ใช่ พลิกผันเหมือนดั่งฝัน แต่ข้าคิดว่าท่านชายสี่คู่ควรกับการพลิกผันนี้ เขาสมควรได้รับความเมตตาจากสวรรค์” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“เจ้าพูดถูก ถ้าบอกว่าหลายๆ อย่างในชีวิตคือความเสียใจที่แก้ไขไม่ได้ ส่วนเหลิ่งซี่คู่ควรกับการที่สวรรค์เมตตาเขาสักครั้ง” พระชายาพูดพึมพำขึ้น นางมองข้ามรั้วออกไป คิดถึงตอนที่เพิ่งเก็บเหลิ่งซี่กลับมา เด็กคนนี้นางเลี้ยงจนเติบโต เหลิ่งซี่เองก็เห็นนางเป็นเหมือนแม่ ทั้งสองคนเหมือนแม่ลูกกันมากกว่าลูกศิษย์กับอาจารย์ แต่ไม่ว่านางจะดีกับเหลิ่งซี่แค่ไหน ความหมายก็ไม่เหมือนกับแม่ที่แท้จริง
โดยเฉพาะพระชายาได้ยินว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงเสียสติมาตลอดสามสิบหกปี และยังอุ้มหมอนแทนลูกของตนเอง แสดงว่าในใจของนาง เหลิ่งซี่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด
หยวนชิงหลิงถามเรื่องย้อนเวลากลับไปเมื่อสามสิบหกปีที่แล้วผ่านทะเลสาบจิ้ง พระชายารีบเห็นด้วยทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “เดิมข้าก็ยังทำเช่นนี้อยู่แล้ว แต่เดิมข้าคิดเพียงว่ากลับไปฆ่าพวกเขา แต่ถือว่าไม่ใช่ความคิดที่รอบคอบสักเท่าไหร่ เพราะการฆ่าพวกเขาถือเป็นการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ หาทุบหินญาณสวรรค์แตกแล้วไม่ทำให้อย่างอื่นเปลี่ยนแปลง เป็นการลงโทษซูหรูซวงเท่านั้น งั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก หากซูหรูซวงทุกข์ทรมานมาตลอดสามสิบหกปี ในสามสิบหกปีนี้เหยี้ยนจือหยูก็ไม่ได้อยู่อย่างเป็นสุข”
“ใช่ ดังนั้นข้าจึงจะปรึกษากับท่าน ดูว่าท่านสามารถช่วยข้าได้อย่างไร” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
พระชายาอยากพูดขึ้นทันทีว่า “พรุ่งนี้ข้าไปทะเลสาบจิ้งพร้อมกับเจ้า เรียกเสด็จปู่ใหญ่ของเจ้าไปด้วย ข้าดูไม่ค่อยแม่น แต่เขาชำนาญเรื่องนี้”
หยวนชิงหลิงคิดถึงความสามารถของพวกหยางหรูไห่ ก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ท่านกับเสด็จปู่ใหญ่ ยังไม่สามารถไปมาผ่านห้วงเวลาได้อย่างตามใจหรือ?”
พระชายาเอนพิงไปข้างหลัง มองดูเงาของดวงอาทิตย์ข้างนอก พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่ไม่หวังให้เกิดขึ้นเร็วเกินไป”
“ทำไมหรือ?” หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจ หากสามารถไปมาได้ตามอำเภอใจ ไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งดีหรือ?
พระชายาหันกลับมามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ฮองเฮา ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน เจ้าดูเจ้าสิ สมองใช้ได้ดีกว่าเมื่อก่อนแล้ว แล้วต้องแลกกับอะไรบ้าง? เกือบตายจนกลับมาไม่ได้แล้ว ส่วนเราสองสามีภรรยา หากจะมีความสามารถเหนือกว่าคนธรรมดา ก็จะต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่าง เท่ากับจะต้องปล่อยวางอะไรบางอย่างจริงๆ ปล่อยวางคนบางส่วน หรือรอเมื่อพวกเขาจากไปหมดแล้ว ถึงจะได้”
“อ๋า?” หยวนชิงหลิงได้ยินเช่นนี้ อย่างค่อนข้างตกตะลึง
พระชายายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ใช้ พวกเขาจากไปหมดแล้ว งั้นพวกเราก็สามารถจากไปได้อย่างสมบูรณ์ สิ่งต้องห้ามบางอย่างก็ไม่มีอีกต่อไป เดินทางผ่านห้วงเวลาได้อย่างตามใจ แม้กระทั่ง สามารถกลับไปเมื่อสามสิบหกปีก่อน กลับไปเยี่ยมพวกเขาที่หอจัยซิงเมื่อห้าสิบปีก่อน และก็สามารถกลับไปยังเมื่อปีที่แล้ว ปีก่อน แม้กระทั่งตอนนี้ที่กำลังคุยกับเจ้า ตอนนี้เจ้าตั้งสติมองดูรอบๆ บางทีอาจจะสามารถมองเห็นข้าในอนาคต ที่ซ่อนแอบมองอยู่ที่ใดสักแห่ง”
หยวนชิงหลิงคิดทบทวนแล้วก็พูดขึ้นอย่างตกใจว่า “งั้นเจ้า…..”
พระชายาหัวเราะ สายตาจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ากำลังคิดว่า ข้าเคยผ่านความตายของพวกเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วตอนนี้ก็ย้อนกลับมาตอนที่พวกเขายังไม่ตาย?”
“ก่อนหน้านี้พวกท่านหายสาบสูญไปนานขนาดนั้น จู่ๆก็กลับมา…” หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะไม่คิดมาก
พระชายายกถ้วยชาขึ้นมา มองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ แต่สถานการณ์แบบนี้ ต่อไปจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน ข้าทอดทิ้งพวกเขาไม่ได้ ตลอดชีวิตนี้ก็ไม่สามารถทอดทิ้งได้”
คนเราทุกคน ที่จริงต่างก็ล้วนมีพันธนาการในใจของตนเอง ไม่ว่าใครก็ไม่ยกเว้น
พระชายาพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ต่อไป รอเมื่อพวกเสด็จปู่จากไปแล้ว เจ้าก็จะเป็นเช่นนี้ ย้อนกลับไปดูพวกเขาผ่านทะเลสาบจิ้งอยู่บ่อยๆ ต่อให้เป็นแค่การหลบอยู่ที่ไหนสักแห่ง แอบมองดูแวบหนึ่ง การปล่อยวาง เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆหรือ?”
ดวงตาหยวนชิงหลิงแดงขึ้นมาทันที
คำถามนี้ ยังไม่เคยกล้าคิดมาก่อน แต่ยังไงก็จะต้องเกิดขึ้น เวลาเลื่อนไปข้างหน้าทีละนิด ทุกคนล้วนต้องมีวันนั้น
พระชายาพูดถูก การปล่อยวาง เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายๆหรือ?
“ผู้คนมากมาย ไม่สามารถย้อนกลับไปดูคนที่จากไปแล้ว เจ้ามีความสามารถนี้ ควรสำนึกในพระคุณ” พระชายาลุกขึ้นมา ตบบ่าของนางเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “กลับไปเถอะ เกรียมตัวให้ดี พรุ่งนี้ไปทะเลสาบจิ้ง ย้อนกลับไปเมื่อสามสิบหกปีก่อน ไปดูเหลิ่งเฟิ่งชิงในตอนนั้น”
หยวนชิงหลิงกลับไปด้วยสภาพจิตใจที่ค่อนข้างหนักอึ้ง
คำพูดของพระชายา ที่จริงนี่อาจจะเป็นชีวิตของนางในอนาคต
นางไม่มีทางปล่อยวาง มีพลังที่สามารถกลับไปได้ นางก็จะไม่เลือกที่จะอยู่ที่ไหนสักแห่งอย่างสงบแล้วคิดถึงพวกเขา แต่จะเลือกที่จะกลับไปดูพวกเขา
บางที ในจวนอ๋องซู่ตอนนี้ก็มีนางอีกคน กำลังหลบอยู่ที่ไหนสักแห่งมองดูอู๋ซ่างหวง อย่างห่วงหาอาลัย
ย้อนกลับไปอีก บางที รอนางกับเจ้าห้าตายแล้ว พวกลูกๆก็จะกลับมา มองดูพวกเขาในอดีต
และสิ่งเดียวที่นางสามารถทำได้ในตอนนี้ คือให้ตัวเองไม่เสียใจกับการมารวมตัวเจอกันทุกอย่าง อย่างเช่นตอนนี้ที่ทำเพื่อท่านชายสี่
วันรุ่งขึ้น หลังจากคุยกับหยู่เหวินเห้าแล้ว ก็ควบขี่ม้าออกจากวังไปรวมตัวกับพระชายา ครั้งนี้อ๋องชินเฟิงอันไปทะเลสาบจิ้งพร้อมกับพวกเขา เดิมเจ้าห้าก็อยากไปด้วย แต่หยวนชิงหลิงคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้เขาไปลำบากด้วย ตอนนี้เขาไม่เป็นอิสระเหมือนอย่างตอนที่เป็นองค์ชายรัชทายาท
พวกเขาต่างก็ควรที่จะมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง พวกเขาเคยพูดไว้ จะต้องช่วงบ่าเคียงไหล่ ไม่ใช่ใครอีกคนกลายเป็นภาระของอีกคน
ออกเดินทางไปพร้อมกับอ๋องชินเฟิงอัน เป็นสิ่งที่น่าเบื่ออย่างหนึ่ง เขาสามารถไม่พูดอะไรสักคำได้ทั้งวัน
พวกคนเฒ่าชุดดำติดตามมาอย่างห่างๆ ได้ยินว่าจะไปทะเลสาบจิ้ง พวกเขาต่างตื่นตระหนกขึ้นมา คิดว่าอ๋องชินเฟิงอันจะทิ้งพวกเขาแล้วนี่ไปอีก ดังนั้นจึงคอยตามมาอยู่ห่างๆ
คนพวกนี้ คงจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทั้งสองสามีภรรยาไม่อาจปล่อยวางได้