บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1517 หยวนชิงหลิงไปแล้ว
ตอนที่เดินทางมาถึงทะเลสาบจิ้ง อ๋องชินเฟิงอันได้รับจดหมายจากนกพิราบ หลังจากดูข้อความในจดหมายนกพิราบ สีหน้าของเขามืดหมนลง
พระชายาเห็นแล้ว ก็เดินไปถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
อ๋องชินเฟิงอันยื่นจดหมายให้นาง สายตาเป็นประกายไฟ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าดูเอง”
พระชายารับมาเปิดอ่านดู ในจดหมายมีอักษรเพียงไม่กี่แถว เขียนเล็กน้อยมาก เป็นการรายงานอย่างกระชับ หลังจากพระชายาอ่านจบแล้ว ก็พูดขึ้นอย่างโกรธแค้นว่า “เหยี้ยนจือหยู เวรกรรมจะต้องตามสนองเจ้า”
ในใจหยวนชิงหลิงหนักอึ้ง รีบขยับเข้ามาดู แล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาในทันที ในจดหมายเขียนไว้ว่า มีปรมาจารย์แนะนำให้เหยี้ยนจือหยูกำจัดสุสานตระกูลเทียนซ่วนที่อยู่บนภูเขาซีซาน โดยใช้ไฟเผา ก็จะสามารถบรรเทาภัยพิบัติน้ำท่วมในเมืองเฟิงตูของปีนี้ได้
ตอนนั้นเมื่อคนของตระกูลเทียนซ่วนถูกฆ่าตายแล้วทั้งหมด เพื่อไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ เหยี้ยนจือหยูใช้สถานะที่เป็นประมุข ทำพิธีฝังศพให้กับพวกเขา สร้างสันติสุขร่มเย็น สร้างชื่อเสียงที่ดีงาม คนถูกสั่งไปตั้งสามสิบหกปีแล้ว ยังจะคิดเผาโครงกระดูกของพวกเขา ถือเป็นการเผาเป็นเถ้าถ่านจริงๆ
คนเลวแบบนี้ ไม่ลงนรกสิบแปดชั้น ระงับโทสะได้ยาก
อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นว่า “วันก่อนองครักษ์ฟ้าผ่าเพิ่งรายงานกลับมาว่า เหยี้ยนจือหยูหาคนมาดูดวง เวรกรรมที่เคยทำไว้จะตามมาสนอง ตระกูลเหยี้ยนจะต้องรับกรรม เขาเผาสุสานตระกูลเทียนซ่วน คงเพราะเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะนี้”
พระชายาหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้ไม่มีความยุติธรรมอีกแค่ไหน ก็ทนรับไม่ได้กับคนเลวร้ายอย่างเขาเช่นนี้ แต่หมอดูดวงคนนั้นก็ถือว่าดูแม่น ปีนี้เป็นปีที่เขาจะต้องชดใช้กรรมที่เคยก่อ”
พระชายาหันมามองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นด้วยสายตาแผดเผาด้วยความโกรธแค้นว่า “รอเมื่อเจ้ากลับมา เหลิ่งซี่จะไปเมืองเฟิงตูด้วยตนเอง เพื่อจบเรื่องของพวกเขา เจ้าจะต้องประสบความสำเร็จ หากไม่สำเร็จ หากต้องฆ่าเขาจริงๆ มันไม่สาสม”
หยวนชิงหลิงโกรธจนอกแทบระเบิดจริงๆ คนๆ หนึ่งจะเลวทรามได้สักเพียงไร? นางคิดว่าอย่างน้อยก็ควรที่จะมีขีดจำกัด แต่นางไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ เหยี้ยนจือหยูหลอกใช้ตระกูลเทียนซ่วนจนถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้คนก็ตายไปนานขนาดนี้แล้ว ยังจะไปขุดเผาสุสาน ไม่มีขีดจำกัดเลย
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ตอนนี้เขายังไม่ได้เผาสุสานใช่ไหม? ขอเพียงเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น ก็สามารถหยุดได้ พระชายา ท่านส่งคนไปที่นั่นแล้วไม่ใช่หรือ?”
“จะขัดขวางไว้อย่างแน่นอน” สายตาพระชายาโหดเหี้ยมขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “รอเมื่อเจ้ากลับมาแล้ว ข้าจะไปเมืองเฟิงตูด้วยตนเอง ไปดูหน้าเขาให้ดีสักครั้ง”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเมื่อก่อน พระชายาเป็นคนที่ใจร้อนอย่างมาก ตอนนี้สุขุมลงมากแล้ว แต่ไม่ลงมือยังดี เมื่อได้ลงมือ กลัวเพียงแต่ว่าจะเป็นภัยพิบัติร้ายแรง
อย่าว่าแต่พระชายาอยากไปเมืองเฟิงตู นางก็อยากไป ไม่ได้เห็นพวกเขาทุกข์ทรมานกับตาตัวเอง ก็ไม่สามารถคลายความแค้นในใจได้
ถึงแม้อ๋องชินเฟิงอันไม่พูดอะไร แต่ดูจากสีหน้าที่มืดมนแล้วจะเห็นได้ว่า เขาก็โกรธจัดจริงๆ
น้ำวนทะเลสาบจิ้งยังมีเยอะมาก ความเร็วในการหมุนใช้สายตาเปล่ามองดูก็ไม่ต่างกันมาก เมื่อก่อนเวลาหยวนชิงหลิงมองน้ำวนพวกนี้ จะไม่เห็นอะไร แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ทุกอย่างในน้ำวนล้วนมีเงาภาพ เพียงแต่จะแยกแยะจากภาพพวกนี้ว่าเป็นช่วงเวลาไหน ยังคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
อีกอย่าง ที่จริงเงาภาพมากมายพวกนี้ล้วนเห็นเพียงประเดี๋ยวเดียว เหมือนดั่งเห็นภาพเมืองหลวง แต่ไม่รู้ว่าเป็นปีไหน เดือนไหน วันอะไร
พวกนี้ต้องมีการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ นอกจากนี้ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับธรณีสัณฐานวิทยาที่สอดคล้องกับช่วงเวลาของประวัติศาสตร์หรือเวลานั้นด้วย
พระชายาเองก็อาจจะไม่รู้ นี่เป็นความชำนาญของอ๋องชินเฟิงอัน
อยู่ในเขาวันแรก ไม่สามารถคำนวณได้ ดังนั้นคืนแรกเลยต้องค้างคืนที่วัด
อ๋องชินเฟิงอันไม่นอน จ้องมองดูอยู่ที่ทะเลสาบจิ้งตลอด ที่สำคัญคือต้องดูกฎการถ่ายโอนกระแสน้ำวน เพราะมีบางครั้งเมื่อมองเห็นน้ำวนอันหนึ่ง ระบุได้ชัดเจนแล้ว กลับไม่สามารถแน่ใจได้ว่าเป็นช่วงเวลาเมื่อสามสิบหกปีก่อน ต่อให้รู้ว่าเป็นช่วงเวลาเมื่อสามสิบหกปีก่อน แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับตอนที่เหลิ่งเฟิ่งชิงขึ้นไปบนยอดเขาหมาป่าหิมะหรือไม่ ไปถึงก่อนยังดี สามารถรอได้ แต่หากไปช้า เท่ากับเสียเวลาเปล่า ต้องกลับมาแล้วย้อนกลับไปอีกครั้ง
ซึ่งไม่เหมือนกับการไปอนาคต เพราะเงาภาพในอนาคต มีบางครั้งที่สามารถมองเห็นเวลา และการดูอนาคตจากที่นี่ การเคลื่อนย้ายของน้ำวนไม่ได้รวดเร็วขนาดนี้ และที่สำคัญการมองอนาคตจากที่นี่ ซึ่งอนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน น้ำวนก็เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ต้องชื่นชมผู้สร้างจริงๆ
หลังจากหยวนชิงหลิงมาพัก ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพระชายา ในใจร้อนรุ่ม อยากย้อนกลับไปโดยเร็ว ทุบหินญาณสวรรค์แตก ไม่ได้ย้อนกลับไปหนึ่งวัน ในใจกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา กลัวว่าจะทำเรื่องนี้ได้ไม่ดี
รอวันรุ่งขึ้นเมื่อฟ้าสว่าง หยวนชิงหลิงก็ไปทะเลสาบจิ้ง ฟุบอยู่ข้างทะเลสาบจิ้งมองดูอยู่กับอ๋องชินเฟิงอัน เขาดูเหมือนจะไม่ได้นอนทั้งคืน ดวงตาค่อนข้างแดง คนเฒ่าชุดดำก็อยู่เป็นเพื่อนเขา ถึงแม้คนเฒ่าชุดดำจะอยู่กับเขามาหลายสิบปี แต่เสียดายที่ผู้พวกเขาไม่สามารถมองเห็นภาพเงาในทะเลสาบจิ้ง จึงช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงช่วยรินน้ำชาให้กับเขาเป็นบางครั้ง
ไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายก็มีคนคอยอยู่เป็นเพื่อน ถึงว่าจนป่านนี้ทั้งสองสามีภรรยาก็ยังปล่อยวางพวกเขาไม่ลง
อ๋องชินเฟิงอันคิดขึ้นมาได้วิธีหนึ่ง โดยเขารับผิดชอบมองดู หยวนชิงหลิงรับผิดชอบคำนวณ เพราะในขณะที่น้ำวนกำลังหมุน เงาภาพเปลี่ยนแปลง บ่อยครั้งที่เห็นชัดเจนแล้ว แต่ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ให้หยวนชิงหลิงคำนวณ ความเร็วในการเปลี่ยนเงาภาพ ตลอดจนมุมในวังน้ำวนที่เปลี่ยนไป
หยวนชิงหลิงเชี่ยวชาญการคำนวณ สังเกตติดต่อกันอยู่สองวัน ในที่สุดก็รู้กฎการเปลี่ยนแปลงของน้ำวน แต่กลับไปถึงวันไหน กลับไม่สามารถกำหนดได้อย่างแน่ชัด ทำได้เพียงอาศัยโชคชะตา
เพราะการเปลี่ยนแปลงของน้ำวน บ่อยครั้งที่เปลี่ยนแปลงเพียงนาทีเดียวหรือหลายสิบวินาที หากต้องการกำหนดวันให้แน่ชัด ต้องคำนวณเป็นมิลลิวินาที นอกจากนี้ยังมีความเฉพาะเจาะจงมากเกี่ยวกับความรวดเร็วในการกระโดดลงไปของหยวนชิงหลิง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ยังไงก็ต้องลอง
วันที่สี่ที่มาถึงทะเลสาบจิ้ง หยวนชิงหลิงกระโดดลงไปแล้ว
นางกระโดดลงไปอย่างรวดเร็ว ควบคุมอยู่ที่ 0.2 วินาที ความเร็วนี้น่าทึ่งมาก เพราะน้ำวนไม่ได้อยู่ใกล้ฝั่งทะเลสาบ แต่อยู่ใกล้บริเวณศูนย์กลาง
อ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยา รอรับนางอยู่ที่นี่ เพราะมีโอกาสพลาดเวลาในตอนนั้น แล้วต้องกลับมาคำนวณใหม่หลายครั้ง
ตอนที่หยวนชิงหลิงกระโดดลงไป ในหัวสมองมีความคิดเพียงอย่างเดียวคือ มันยากกว่าการย้อนเวลากลับไปในยุคปัจจุบันมาก
เพราะที่นี่ก็มีทะเลสาบจิ้ง สถานที่ปรากฏไม่เปลี่ยนแปลง ตอนที่หยวนชิงหลิงปืนขึ้นมาจากทะเลสาบจิ้ง เป็นช่วงเวลากลางดึกค่ำคืนมืดมิด
บนทะเลสาบจิ้งไม่มีคน ภูเขาก็เงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงแมลง อากาศหนาวเย็นมาก เมื่อประมาณสามสิบหกปีที่แล้ว เหลิ่งเฟิ่งชิงมาถึงยอดเขาหมาป่าหิมะวันไหนกันแน่ นางไม่รู้ รู้เพียงว่าเป็นฤดูหนาว ตอนนั้นตอนที่เจ้าอาวาสเจอพวกเขา บอกว่าอากาศหนาวอย่างมาก จนน้ำที่สาดกลายเป็นน้ำแข็ง
นางลงเขาไปทั้งคืน นางคุ้นเคยกับทางลงเขานี้มาก ถึงแม้จะเป็นตอนกลางคืน แต่ภายใต้ความมืด นางก็สามารถมองเห็นวัตถุได้ในระดับหนึ่ง
นางไม่สามารถรู้วันเวลาที่แน่นอน ทำได้เพียงไปหาตรงทางราบหมาป่าของยอดเขาหมาป่าหิมะ เพราะนางเคยคำนวณกับอ๋องชินเฟิงอัน ช่วงเวลานี้ใกล้วันที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดท่านชายสี่มากที่สุด แน่นอนว่าอาจจะเป็นช่วงก่อนหรือหลัง หากมาถึงหลังคลอด ก็จะต้องทิ้งร่องรอยหรือกลิ่นคาวเลือด
หากมาถึงก่อนคลอด งั้นนางก็สามารถรอได้ รอจนถึงวันที่นางมา
จากยอดเขาหมาป่าหิมะมาถึงทะเลสาบจิ้ง ระยะทางว่าไกลก็ไม่ไกล ว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ โชคดีที่หยวนชิงหลิงมาที่นี่คนเดียว สามารถใช้ความสามารถพิเศษของตนเองได้อย่างไม่ต้องกังวล
หากไม่ใช่เพราะความสามารถส่วนใหญ่ถูกระงับไว้ นางน่าจะสามารถรู้ได้ว่าเวลาถูกต้องหรือไม่ และก็ไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่อย่างน้อยก็ยังดี ยังไงในขณะที่ไม่มีม้าให้ขี่ นางสามารถบินเหาะขึ้นไปบนยอดเขาหมาป่าหิมะ