บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1518 เหลิ่งเฟิ่งชิงมาแล้ว
นางยังจงใจชะลอฝีเท้า ไม่อย่างนั้น ก่อนฟ้าสว่างก็จะไปถึงทางราบหมาป่าของยอดเขาหมาป่าหิมะ
แต่ยังไงก็ต้องเป็นตอนกลางวันถึงจะสามารถมองเห็นชัดเจน ดังนั้นนางจึงไม่เร่งรีบเดินทาง รอหลังจากฟ้าสว่างแล้ว ซื้ออาหารแห้งกับเสื้อผ้าตัวหนา แล้วค่อยขึ้นไปบนทางราบหมาป่า เพราะหากมาถึงก่อนเวลา นางก็จะต้องอยู่เฝ้าบนทางราบหมาป่าหลายวัน ยังไงก็ต้องเตรียมอาหารแห้งไว้
มาถึงทางราบหมาป่า อากาศหนาวเย็นอย่างมาก ประสาทการดมของนางนั้นไวมาก ดังนั้นหากมีกลิ่นคาวเลือด นางสามารถได้กลิ่น
นางนั่งตรงบริเวณที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดลูก ที่นี่หิมะขาวโพลน ไม่มีกลิ่นคาวเลือด เพื่อความมั่นใจ นางขุดลงไปด้านล่างหนึ่งชั้น พื้นหิมะไม่มีรอยเปื้อนเลือด แสดงว่าเหลิ่งเฟิ่งชิงยังไม่มา
ตามกำหนดการเดิม นางต้องเฝ้ารออยู่ที่นี่
นางไม่รู้ว่าจะต้องอยู่เฝ้ากี่วัน แต่จะไม่กลับไปแล้วค่อยมาใหม่แน่นอน เพราะการย้อนกลับมาอีกครั้ง ไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมกว่าตอนนี้
นางเคยคิดที่จะไปรอตรงเชิงเขา แต่มีทหารรักษาการณ์อยู่ที่เชิงเขา เหลิ่งเฟิ่งชิงน่าจะไม่ขึ้นมาทางถนนหลัก นางเองก็เพราะอาศัยความรวดเร็ว แอบขึ้นมาได้ตอนที่ทหารรักษาการณ์ไม่ทันระวัง ในเมื่อไม่สามารถรู้ได้ว่านางจะขึ้นมาทางเส้นทางไหน จึงทำได้เพียงเฝ้ารออยู่ที่นี่ รับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด
อากาศหนาวอย่างมากจริงๆ หยวนชิงหลิงมาอยู่เป่ยถังแล้วหลายปี ยังไม่เจอฤดูหนาวที่หนาวเย็นขนาดนี้ บวกกับอุณหภูมิบนเขายิ่งต่ำ เสื้อตัวหนาที่ซื้อมา ที่จริงไม่เพียงพอที่จะใช้กันหนาวได้ ทำได้เพียงหาสถานที่สักแห่งที่สามารถพอกั้นลมหนาวได้ หลบไว้โดยสามารถมองเห็นเส้นทางมา
นางหันมองไป ขาวไปทั่วทุกที่ มองอยู่นานสักพัก ในใจก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
ปกตินางไม่ใช่คนที่ใจร้อนขนาดนั้น แต่เพราะเรื่องนี้ทำให้อดหลับอดนอนมาสองสามคืนแล้ว นอนไม่หลับจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางอยู่ในปีที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรม นางไม่รู้ว่าเมืองเฟิงตูในวันนี้เกิดอะไรขึ้น ใช่วันที่ตระกูลเทียนซ่วนถูกฆ่าไหม หรือจะเป็นวันที่เหลิ่งเฟิ่งหยู่ถูกแขวนไว้บนกำแพงเมือง
เมื่อทุกความทรงจำทั้งหมดที่ล่วงรู้ กลายเป็นความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น นางรู้สึกค่อนข้างรับไม่ได้แล้ว
รอไปรอมา นางเริ่มคิดไปเรื่อยเปื่อย หรือว่าตอนนี้ยังไม่เกิดโศกนาฏกรรม? หากยังไม่เกิด ที่จริงนางสามารถไปเมืองเฟิงตูสักครั้ง หยุดสิ่งเหล่านี้ ที่จะนำไปสู่ในทิศทางที่น่าเศร้า นางยังสามารถฆ่าหยี้ยนจือหยูหรือซูหรูซวง
นางสามารถหลีกเลี่ยงความสูญเสียชีวิตมากมายของคนตระกูลเทียนซ่วน
ความคิดพวกนี้ทรมานนางอยู่ตลอด ก่อนมา ตนเองได้กำหนดเส้นตายไว้ให้กับตนเอง ว่าไม่คิดเกี่ยวกับเรื่องทางด้านนี้ แต่มาถึงที่นี่แล้ว ค่อยรู้ว่าความหนักแน่นในตอนนั้น สู้ไม่ได้กับความกระสับกระส่ายเมื่อนางสามารถควบคุมชีวิตและความตายของคนเหล่านี้ได้จริงๆ
นางรู้ว่าไม่ควรที่จะมีความคิดเช่นนี้ นางพยายามที่จะยับยั้ง แต่นางไม่รู้ว่ากว่าจะถึงวันที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดนั้น ยังเหลืออีกกี่วัน ตอนนี้ยังสามารถยับยั้งความคิดของตนเองได้ แต่อีกสองวันสามวันหรือสิบวันครึ่งเดือน นางไม่รู้ว่านางยังจะอดใจไหวไหม
สำหรับหยวนชิงหลิง นี่ถือเป็นการทดสอบที่ยากมาก
นางอยู่บนเขาหนึ่งวันเต็มๆ ตอนกลางคืนหาที่นอนตรงที่มีกำบัง แต่ก็ยังคงหนาวมาก นางจึงต้องใช้พลังจิตหยิบสิ่งของ เอาผ้าห่มผืนหนึ่งกับเตาอุ่นมือมาจากในวัง เพื่อคลายความหนาวเย็น
หลังจากฟ้าสว่าง มีพระอาทิตย์ขึ้น บนเขาเริ่มอุ่นขึ้นมา
แต่นี่ก็ทำให้หยวนชิงหลิงค่อนข้างทรมาน เพราะในความทรงจำ วันที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอด เป็นวันที่ไม่มีแดด
จากนั้นตลอดทั้งวัน นางหวังแต่เพียงว่าพระอาทิตย์จะถูกบดบัง ขอเพียงไม่มีพระอาทิตย์ ก็จะเหมือนวันที่เหลิ่งเฟิ่งชิงคลอดวันนั้น
ไม่เมฆมืดปกคลุม และเหลิ่งเฟิ่งชิงก็ไม่มา
ในค่ำคืนที่เงียบเหงา นางอยู่กับความกังวลและความขมขื่นอยู่คนเดียว ครุ่นคิดไปมา ความอยากที่จะไปเมืองเฟิงตูยิ่งอยู่ก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
วันที่สาม ท้องฟ้ายังคงสดใส ตอนเที่ยงวัน นางลงเขาไปแล้ว
เมื่อคิดขึ้นมาแล้ว นางก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ก้าวเท้ายาวเดินลงเขาไป
เดินไปได้สักพัก ลมเย็นๆพัดมา สติค่อยๆ ฟื้นคืนมา นางนั่งลงเหม่อเป็นเวลานาน แล้วก็ลากฝีเท้าที่หนักอึ้งกลับมายังทางราบหมาป่า
นางมีความคิดที่รบกวนสมาธิมาก แต่ก็รู้ว่าสิ่งนี้จะกระทำไม่ได้ ผลที่ตามมาบางอย่างนางไม่สามารถรับผิดชอบได้
วันที่สี่ วันที่ห้า นางกลับไม่ค่อยกระวนกระวายแล้ว ตั้งหน้าตั้งตารอเหลิ่งเฟิ่งชิงมาอย่างเดียว
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ยากที่สุดคือช่วงหลายวันแรก ทนผ่านไปได้ จิตใจก็สงบลงได้แล้ว
ตรงนี้ คล้าย ๆ กับหลายสิ่งในโลก
วันที่หก อากาศอึมครึม ลมกระโชกแรงตั้งแต่เช้า ตอนเช้าบนทางราบหมาป่าเริ่มมีหิมะตก
ตอนที่ท้องฟ้าอึมครึม ในใจหยวนชิงหลิงรู้สึกตื่นเต้น แต่เมื่อเห็นหิมะตก ก็รู้แล้วว่าวันนี้ต้องรอเก้ออีกแล้ว
เพราะวันนั้นถึงแม้จะเหน็บหนาว แต่หิมะไม่ตก
วันที่เจ็ดหิมะยังตกอย่างกระหน่ำ เมื่อวานนางก็นอนไม่หลับแล้ว ต้องหาสถานที่หลบ เพื่อเอาตัวรอดจากหิมะที่ตกลงมากระหน่ำ
เช้าวันที่แปด หิมะหยุดแล้ว
นางอยู่บนทางราบหมาป่าแปดวัน ราวกับผ่านไปแปดวันแล้ว
วันที่แปด อากาศอึมครึม ลมหนาวพัดกระหน่ำ หิมะลึกมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อนางเดินไปอยู่ตรงที่เดิม หิมะสูงเกือบเท่าเข่าแล้ว
ตอนที่ดึงขาออกมาจากหิมะ หัวใจนางเต้นเร็ว ในหัวสมองมีเงาภาพบางอย่าง ตอนที่เหลิ่งเฟิ่งชิงขึ้นมาบนเขา ก็ยากเย็นขนาดนี้
ในใจมีมีลางสังหรณ์ เหลิ่งเฟิ่งชิงจะขึ้นมาแล้ว
นางทานอาหารแห้ง คว้าหิมะหนึ่งกำมาใส่ปาก แล้วก็นั่งลงรอต่อไปทางทิศทางลมเหนือ
และแล้ว หลบอยู่ไม่นาน ก็เห็นหญิงตั้งครรภ์ ร่างกายเปื้อนไปด้วยเลือดเดินท่ามกลางหิมะมาอย่างยากลำบาก อยู่ไกลๆ ทุกอย่างก้าวของนางก้าวเดินอย่างยากลำบาก หายใจหอบ มือข้างหนึ่งกุมท้อง มือข้างหนึ่งถือกระบี่ค้ำยันบนพื้น ฝักกระบี่ไม่เห็นแล้ว ตัวกระบี่เรืองแสงอย่างเย็นชาภายใต้เงาหิมะ
แต่กระบี่ไม่ได้ปักอยู่ในหิมะ นางดึงเท้ากับชักกระบี่ล้วนต้องใช้แรง แต่นางไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ได้ เพราะนางเหนื่อยล้าอย่างมากแล้ว มองดูไกลๆ ราวกับว่าเมฆสีแดงกำลังเคลื่อนตัว
เหลิ่งเฟิ่งชิงในเวลานี้ ท่วมท้นไปด้วยความสิ้นหวัง ความทรงจำที่หยวนชิงหลิงเห็นในความทรงจำกับที่เห็นด้วยตาตนเองในตอนนี้ แตกต่างกันอย่างมาก หัวใจของนางบีบอัดแน่นตามฝีเท้าที่ยากลำบากของเหลิ่งเฟิ่งชิง
เหลิ่งเฟิ่งชิงเซล้มไปหลายก้าว มาถึงทางราบหมาป่า ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนเริ่มแรกนางคุกเข่าทั้งสองข้างลง โยนกระบี่ทิ้ง มือกุมท้อง นางยังพยายามลุกขึ้นมาเดินทางต่อ แต่ก็ไม่มีแรงแล้วจริงๆ อาจเป็นเพราะปวดท้องอย่างมาก นางค่อยๆนอนลง
หยวนชิงหลิงหันหน้าไปทางอื่น ไม่อาจทนเห็นภาพนี้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ นางรู้ดีอย่างที่สุด และในหลายวันคืนที่ผ่านมานี้ นางหวนคิดเห็นภาพวนเวียนอยู่ในสมองนับครั้งไม่ถ้วน
นางไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะดูอีกแล้ว
ข้างหูได้ยินเสียงเหลิ่งเฟิ่งชิงหายใจร้องเรียกอย่างเจ็บปวด สถานการณ์ในระหว่างคลอดของนาง หยวนชิงหลิงรู้ดี เจ็บปวดทรมาน ในฐานะที่หยวนชิงหลิงเป็นหมอคนหนึ่ง ให้นิ่งดูดาย เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
เสียงร้องที่เจ็บปวด แผดเผาอยู่ภายในใจหยวนชิงหลิง ลุกไหม้จนนางเจ็บปวดไปทั้งร่าง ปวดแสบปวดร้อน จนเมื่อนางหันไปมองดูก็เห็นเหลิ่งเฟิ่งชิงเจ็บปวดจนอ้าปากหายใจอยู่ท่ามกลางหิมะ เห็นนางเจ็บปวดรวดร้าวแต่ก็ต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด นางอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เดินออกไปอย่างไม่สนใจอะไรแล้ว
วินาทีที่เดินออกไปนั้น นางคิดเพียงว่าจะช่วยนางบรรเทาความเจ็บปวดบ้างเท่านั้น จะไม่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ใดๆ ยังไงในประวัติศาสตร์เดิม เหลิ่งเฟิ่งชิงไม่ได้ตายเพราะการคลอดยาก
นางแค่อยากอยู่เคียงข้างนาง ยามเมื่อนางหมดหวังเพียงนั้น