บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1536 ผ่านมาตั้งนานไม่เคยบ้าคลั่งขนาดนั้น
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1536 ผ่านมาตั้งนานไม่เคยบ้าคลั่งขนาดนั้น
หลังจากบรรดาพี่น้องสะใภ้เดินเล่นกันในสวนได้ครู่หนึ่ง ก็เข้าไปนั่งคุยกันในศาลา ทั้งยังสั่งให้คนไปเชิญองค์หญิงมาร่วมวงด้วย
องค์หญิงเป็นห่วงแม่สามี คืนนี้แม่สามีมีความสุขมากจนดื่มไปหลายจอก นางจึงยุ่งอยู่กับการดูแลรวมถึงรอให้แม่สามีหลับไปก่อน นางถึงค่อยตามมาได้
“เสียงหัวเราะดังลั่นเชียว คุยอะไรกันอยู่หรือ? ทำไมถึงสนุกสนานกันได้ขนาดนี้ล่ะ?” องค์หญิงเดินเข้ามา ได้เห็นทุกคนหัวเราะจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ นางจึงอดถามไม่ได้
หยวนหย่งอี้หัวเราะพลางพูดว่า “พี่สะใภ้รองของเจ้าน่ะสิ เสพติดพูดจาสัปดนเสียแล้ว พวกเราจะเปลี่ยนเรื่องก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน นางเอาแต่รั้นจะพูดไม่เลิก”
“โอ๋?” องค์หญิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “หลายวันนี้ฮูหยินใหญ่มาตรวจชีพจรให้แม่สามีของข้า กับช่วยปรับสมดุลร่างกาย ยังได้ยินนางสั่งยาอีกขนานหนึ่งให้ส่งไปที่จวนอ๋องเพื่อเปลี่ยนยาเดิมที่กิน บอกว่าพี่รองกินยาได้ระยะหนึ่งแล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยนยาอีกขนาน ข้ายังคิดอยู่เลยว่าพี่รองสุขภาพไม่ดี จึงถามฮูหยินใหญ่ ฮูหยินใหญ่บอกว่าพี่รองต้องบำรุงร่างกายด้านนั้นขึ้นอีกหน่อย ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะยังมีลูกได้อีกคน”
ทุกคนหันไปมองพระชายาซุนด้วยความประหลาดใจ เห็นท่าทางของนางเขินอายขึ้นมา ต่างก็อดหัวเราะไม่ได้ หรงเยว่หัวเราะร่าพลางหยอกนางไปประโยคหนึ่ง “มิน่าล่ะ ถึงได้เอาแต่พูดถึงเรื่องนี้ไม่เลิก ที่แท้ก็เหมือนได้เป็นเจ้าสาวมือใหม่ทุกคืนนี่เอง”
“พี่สะใภ้รอง เจ้าอยากคลอดอีกสักคนหรือไม่?” หยวนหย่งอี้ถาม
พระชายาซุนหน้าแดง กลอกตามองบนใส่ทุกคน “คลอดอะไรล่ะ? ยังจะคลอดอะไรได้อีก? จนอายุขนาดนี้แล้ว ขืนคลอดอีกไม่กลัวถูกคนเขาหัวเราะเยาะเอาหรือ? มีลูกเมื่อแก่แท้ ๆ พวกเจ้าไม่ลองถามฮูหยินเหยาดูล่ะ นางเพิ่งจะแต่งงานกับฮุ่ยเทียนไม่นาน ฮุ่ยเทียนไม่มีลูก อยากจะมีสักคนหรือไม่ล่ะ?”
ฮูหยินเหยาพูดอย่างสงบนิ่ง “ฮุ่ยเทียนมองว่า เมิ่งถงกับเมิ่งเยว่เป็นลูกสาวของตัวเองมาตั้งนานแล้ว ข้าจะคลอดอีกหรือไม่ เขาไม่สนใจนักหรอก”
“เจ้าก็ยังไม่แก่หรอกนะ ยังคลอดได้อีก!” หยวนหย่งอี้พูด
“แล้วแต่วาสนาเถอะ แต่เราคุยกันแล้วว่าจะไม่คลอด!” ฮูหยินเหยาพูด
ทุกคนหัวเราะ แล้วหันไปมองหยวนชิงหลิง
หนังศีรษะของหยวนชิงหลิงถึงกับชาหนึบ “ยังจะให้ข้าคลอดอีกรึ? ฆ่าข้าให้ตายเถอะ!”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องคลอดอีกแล้วจริง ๆ นั่นล่ะ ในด้านการคลอดลูกน่ะ เจ้าถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของเป่ยถังได้เลยเชียวล่ะ” หรงเยว่พูดติดตลก
เมื่อเห็นว่าหัวข้อนี้ถูกเบี่ยงไปหาหยวนชิงหลิงอีกครั้ง พระชายาซุนก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว ต่อให้เจ้าอยากคลอดอีกก็คลอดไม่ได้แล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าห้ายุ่งมาก น่ากลัวว่าคงจะไม่มีเวลาสนใจเรื่องนั้นสักเท่าไหร่ อย่างไรก็อายุมากแล้ว คงเทียบกับตอนหนุ่มแน่นปึ๋งปั๋งไม่ได้หรอก”
“เอาอีกแล้วรึ? ช่วยด้วยเถอะ ทำไมเจ้าห้าถึงเปลี่ยนเป็นแก่จนหมดน้ำยาไปเสียแล้วล่ะ? นี่ข้าแทบจะถูกเจ้าทำให้โกรธจนอกแตกตายแล้วจริง ๆ” หยวนชิงหลิงหัวเราะอย่างหนักจนแข้งขาอ่อนไปหมด ใครก็ได้ ช่วยมาปิดปากที่เอาแต่พูดเรื่องสัปดนของพระชายาซุนให้หน่อยเถอะ
ทุกคนรวมหัวกันต่อต้านพระชายาซุน ฝ่ายพระชายาซุนก็ไม่ยอมรับมุก คอยจ้องแต่จะเปลี่ยนหัวข้อกลับไปเรื่องเดิมให้จงได้
หยวนชิงหลิงหัวเราะไปพลาง ก็นึกขึ้นมาได้ว่า นับตั้งแต่ที่เด็ก ๆ ไปยุคปัจจุบัน นางกับเจ้าห้าก็มีเรื่องนั้นกันน้อยลงมาก ยกเว้นแค่คืนนั้นที่นางกลับมาถึง
นางเอียงหน้าไปข้าง ๆ เมื่อก่อนไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน เจ้าห้าก็ยังไม่เคยลืมเรื่องนี้ หรือจะเป็นไปได้จริง ๆ ว่า เวลานี้เจ้าห้าแม้จะมีใจแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงแล้ว ? หรือเจ้าห้าจะแก่แล้วจริง ๆ?
เดิมเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องล้อเล่นขำ ๆ แต่หยวนชิงหลิงกลับให้ความสำคัญอย่างจริงจังขึ้นมาแล้ว
หลังจากพวกผู้ชายคุยเรื่องงานจบ พวกเขาก็ส่งคนไปแจ้งว่าพวกเขากำลังจะกลับแล้ว บรรดาพี่น้องสะใภ้ทุกคนก็ออกไป ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่ข้าง ๆ สามีของตน หลังจากกล่าวลา ทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับไป
บนรถม้าระหว่างขากลับ บนรถม้าจุดตะเกียงดวงหนึ่ง แสงไฟสาดส่องใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง กุมมือของหยวนชิงหลิงไว้ ราวกับว่าเขากำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่าง หยวนชิงหลิงก็ไม่ได้รบกวนเขา ได้แต่จ้องมองเขาอย่างเงียบ ๆ
เจ้าห้าผอมลงเล็กน้อย ทั้งยังดูซีดเซียวไปบ้าง แต่ยังไม่มีวี่แววของความชรา คิ้วตาเชิดยกสูง เมื่อยกยิ้มมุมปาก มองไม่เห็นรอยเหี่ยวย่น ใบหน้าหล่อเหลาไม่เปลี่ยน ท่าทางฮึกเหิมดังเดิม ดูแก่ตรงไหนกัน?
หยวนชิงหลิงไม่พอใจอย่างยิ่งที่พระชายาซุนมาว่าเจ้าห้าแก่ ผู้หญิงปากร้ายคนนี้นี่นะ นับวันก็ยิ่งไม่น่าคบขึ้นทุกที ๆ แล้ว
เจ้าห้าลืมตาขึ้น ดวงตาดำขลับสะท้อนใบหน้าอันงดงามของนาง ลึกซึ้งและชวนเสน่หา
“ทำไมเอาแต่มองหน้าข้าไม่ยอมพูดยอมจา?”
เขากุมมือของหยวนชิงหลิงแน่นมาก ปลายนิ้วสัมผัสกระชับกับฝ่ามือของนาง ดวงตาไหววูบ โน้มตัวลงมา โฉบลงที่ริมฝีปากของนางเบา ๆ “แววตาของเจ้าเหมือนมีเรื่องบางอย่างที่อยากจะพูด หรือพี่สะใภ้รองพูดอะไรให้ไม่สบายใจ?”
หยวนชิงหลิงเบิกตากว้าง “หา?”
หูทิพย์เสียจริง
หยู่เหวินเห้ายกยิ้ม มุมปากยกโค้งขึ้น “พวกเราเพิ่งจะเริ่มใส่ใจพี่รอง ให้เขาเริ่มกินยา เขายังบอกเองเลยว่าจะบ่มเพาะไข่ไว้เยอะ ๆ ส่วนพี่สะใภ้รองก็เป็นคนที่ชอบพูดเรื่องอะไรแบบนั้นเป็นนิสัยอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้เสียเมื่อไหร่”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “นิสัยชอบพูดจาสัปดนของพี่สะใภ้รอง ช่างเป็นที่รู้กันดีเสียจริง”
เขายื่นมือออกไปกอดหยวนชิงหลิง เคล้าคลึงที่ใบหูเบา ๆ “ที่จริงช่วงนี้ข้าก็เป็นห่วงเรื่องของลูก ๆ มาก ข้าคิดถึงพวกเขา ไม่ได้ตั้งใจจะละเลยเจ้าหรอกนะ”
“ข้าก็ไม่ได้…..”
ริมฝีปากที่ร้อนระอุปิดกั้นคำพูดของนาง สองมือโอบกอดเข้าที่รอบเอวบาง กอดทั้งตัวเข้าไปในอ้อมแขน จูบที่เร่าร้อนนั้นทำให้ภายในรถม้าร้อนรุ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่สุดท้ายก็ยังนับว่าไม่ถึงกับเตลิด ยังจำได้ว่านี่คือรถม้าที่กำลังวิ่งห้ออยู่ หยู่เหวินเห้าค่อย ๆ จัดเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยลงมาเกือบครึ่งให้นางอย่างอ่อนโยน กดมวยผมที่นางเกล้าไว้ให้เรียบร้อย จูบแก้มสีชมพูระเรื่อของนางอีกครั้ง เปลวไฟในดวงตาไม่ได้จางหายไป จ้องมองนางอย่างลึกซึ้ง “ใกล้จะถึงบ้านแล้วล่ะ”
หยวนชิงหลิงซบตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา สองแก้มร้อนผ่าว
กลับไปถึงวัง กวากวานอนหลับไปแล้ว สองคนสามีภรรยาแอบย่อง ๆ เข้าไปดูนาง เด็กที่นอนหลับอยู่ช่างเหมือนนางฟ้าตัวน้อย ๆ เสียจริง ทั้งดูมองลูกอย่างรักใคร่เอ็นดู ยากจะตัดใจจากไป อยากจะโน้มตัวเข้าไปจูบนางสักครั้ง แต่ก็กลัวจะทำให้นางตกใจตื่น
สุดท้ายทั้งสองก็จูงมือกันจากมา แล้วเดินกลับไปที่ตำหนัก
หลังจากที่ดื่มเหล้า กับมีเหงื่อออก ทั้งคู่ก็ไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนอาบน้ำ
ในวังมีบ่อน้ำพุร้อน อยู่ใกล้กับตำหนักเสี้ยวเยว่มาก ทั้งคู่ไม่ต้องการให้ฉี่หลอกับลู่หยาตามมาดูแล จูงมือกันเดินไปลำพัง
มีไอหมอกหนาทึบในบ่อน้ำพุร้อน หลังจากถอดเสื้อผ้าแล้วไถลตัวลงไปในน้ำ หยู่เหวินเห้าใช้สองแขนโอบรอบเอวบอบบางของนาง ดึงนางเข้ามาใกล้ ๆ กดแนบชิดเข้ากับร่างกายของเขา
นับตั้งแต่ขึ้นครองราชย์ มีช่วงเวลาอันแสนหวานเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้ง เปลวไฟไม่รู้ดับยังคงลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา หยู่เหวินเห้าจูบริมฝีปากอวบอิ่มของนาง จุดไฟเร่าร้อนจากริมฝีปาก มาจนถึงคาง จากนั้นก็ไปถึง……
หยวนชิงหลิงหลับตาลง สัมผัสได้ถึงเปลวไฟที่ร้อนระอุเสียยิ่งกว่าน้ำพุร้อน จุดไฟในตัวนางให้รุ่มร้อน นางใช้มือทั้งสองข้างเกี่ยวกระหวัดรอบคอของเขา รู้สึกถึงแขนที่แข็งแรงทรงพลังโอบกอดรัดรึงตัวนางไว้จนแน่น
ทั่วทั้งบ่อน้ำพุร้อน เต็มไปด้วยกลิ่นอายความรักหวานละมุน ไม่อาจหลอมละลายลงโดยง่าย ซัดสาดถาโถมดุจดั่งคลื่นอันรุนแรงระลอกแล้วระลอกเล่า
สุดท้าย เป็นหยู่เหวินเห้าที่อุ้มหยวนชิงหลิงกลับไปที่ตำหนัก ฉี่หลอทิ้งโคมไฟไว้ให้ในตำหนัก เขาสั่งให้ทุกคนออกไป แล้ววางหยวนชิงหลิงลงบนเตียง
หลังจากแช่น้ำพุร้อน ผิวของหยวนชิงหลิงก็เปล่งปลั่งเป็นสีชมพูอ่อน สวยสะกดจนหยู่เหวินเห้าไม่อาจละสายตาได้ โน้มตัวเข้าหา เกิดเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความรักใคร่หวานซึ้ง
ผ่านไปเนิ่นนาน ทั้งสองถึงค่อยแยกกัน ลมหายใจยังกระชั้นถี่เล็กน้อย หยู่เหวินเห้ายังคงกุมมือของนาง พลางเอียงหน้ามองด้วยสายตาลึกซึ้ง “ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังทำให้ข้าหลงใหลได้มากขนาดนี้นะ ?”
หยวนชิงหลิงนอนตะแคง ซบกายแอบอิงเข้าไปในอ้อมแขนของเขา อุณหภูมิร่างกายยังไม่เย็นลง อ้อมกอดหลังบทรักของทั้งคู่อบอุ่นเป็นพิเศษเสมอ ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจ้าห้า ทำให้นางรู้สึกมีความสุขมากจริง ๆ
อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้า แม้ว่าทั้งสองจะเหน็ดเหนื่อยอยู่บ้าง แต่กลับยังไม่อยากนอนหลับ ทั้งสองคุยกันนานมาก คุยตั้งแต่เรื่องเมื่อสมัยก่อนมาจนถึงตอนนี้ ไม่ยกเรื่องที่ไม่สบายใจมาพูด ยกมาคุยแต่เรื่องดี ๆ เรื่องที่น่าสนใจที่ทั้งสองได้เคยประสบพบมา
เมื่อล่วงเข้าสู่ช่วงเวลาเกือบ ๆ ยามสาม ทั้งคู่ก็ผล็อยหลับไปทั้งที่ยังกอดกัน
วันรุ่งขึ้นไม่ใช่วันที่ต้องเข้าประชุมราชการเช้า หยู่เหวินเห้าสามารถตื่นสายหน่อยได้ แต่จะสายอย่างไรก็ไม่ควรเกินยามเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงคำพร่ำบ่นจนหูชาของพวกขุนนางเก่าแก่พวกนั้น
หยวนชิงหลิงนอนหลับยาวจนถึงยามสายตะวันโด่ง หวนนึกถึงความดุเดือดบ้าคลั่งเมื่อคืน มุมปากก็ยกโค้งขึ้นอย่างอดไม่ได้
หลังจากลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้ว วันนี้นางไม่คิดจะไปสำนักแพทย์ ตั้งใจว่าจะอยู่ในวังกับลูกสาวให้เต็มที่ รอเจ้าห้ากลับมา