บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1538 กวากวาที่หายไป
หยู่เหวินเห้ายังต้องการเห็นกับตาว่ากวากวาไม่เป็นไรเขาถึงจะวางใจได้ จึงสั่งให้พวกเขาออกไปยืนข้างนอก เขากับหยวนชิงหลิงผลักประตูเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปข้างใน
ภายในห้องมืดมิด หยู่เหวินเห้าเดินเขย่งปลายเท้าเข้ามา แต่กลับนึกแปลกใจ เมื่อก่อนบางครั้งเขาก็จะแวะมาตอนกลางดึก ไฟในห้องนี้มักจะจุดไว้สว่างไสวตลอดเวลา เพื่อจะได้สะดวกเวลาที่กวากวาต้องตื่นขึ้นมากินนมกลางดึก คืนนี้ทำไมถึงไม่จุดไฟล่ะ?
ในใจเขาพลันเต้นระทึก รีบหันหน้ากลับมาคว้าเอาตะเกียงลมเข้ามา ทันทีที่ก้าวพ้นธรณีประตูไป กลับเห็นว่าหยวนชิงหลิงกำลังเหยียบอะไรบางอย่างอยู่ใต้ฝ่าเท้า เขาร้องเรียกเบา ๆ ว่า“เจ้าหยวน ยกเท้าขึ้น!”
หยวนชิงหลิงรีบยกเท้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก้มมองลงมองดู เห็นเพียงที่ใต้เท้าของตัวเองกำลังเหยียบขนนกที่ดูขาดสารอาหารเส้นหนึ่งอยู่ นางหยิบมันขึ้นมา “เป็นขนเทพวิหคของกวากวานี่ เอ๋? เทพวิหคล่ะ?”
เทพวิหคเดิมทีเคยอาศัยอยู่ในกรงภายในตำหนัก ตอนกลางวันช่วงที่กวากวาตื่นถึงจะปล่อยให้ออกไปบินได้ แต่ตอนนี้กรงเปิดออกแล้ว เทพวิหคกลับหายไป มีเพียงขนนกเส้นเดียวที่ร่วงตกอยู่บนพื้น
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าเปลี่ยนไปอย่างมาก รีบเดินถือตะเกียงเข้าไปทันที
ในห้องนอน แม่นมนอนฟุบหน้าอยู่บนโต๊ะผล็อยหลับไป เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยลืมตางัวเงียขึ้นมาดู “ฮ่องเต้ฮองเฮา?”
ฮ่องเต้กับฮองเฮามักจะมาในตอนกลางดึกบ่อย ๆ นางเห็นจนชินแล้ว ดังนั้นจึงไม่รู้สึกแปลกใจ ยืนขึ้นแล้วค้อมกายคำนับ แต่กลับเห็นฝ่าบาทก้าวเท้าเดินเข้าไปแล้ว บนเตียงว่างเปล่า ไม่มีแม้กระทั่งผ้าห่มสักผืน หยู่เหวินเห้าหันหน้าขวับ กวาดสายตาไปจนทั่วตำหนัก ใบหน้าขาวซีดเผือดสีไปทั้งหน้า ตกใจจนแทบคุมสติไม่อยู่ อ้าปากร้องเรียกกวากวาเสียงหนึ่ง แล้วหันหลังวิ่งตะบึงออกไปข้างนอกทันที
“สวรรค์!” แม่นมแข้งขาอ่อนยวบลงไปก่อนแล้ว พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าหญิงล่ะ? เจ้าหญิงล่ะ?”
หลังจากที่หยวนชิงหลิงตรวจสอบกรงนกแล้ว ก็ได้ยินเสียงหยู่เหวินเห้าร้องเรียกกวากวา ยังไม่ทันที่นางจะมีการตอบสนอง ก็เห็นหยู่เหวินเห้าวิ่งออกไป นางสีหน้าเปลี่ยนกะทันหัน รีบวิ่งตามออกไปดูที่ตำหนัก แต่ไม่เห็นกวากวาที่นั่น มีเพียงแม่นมที่กำลังร้องไห้อย่างหวาดหวั่นขวัญเสียคนเดียว
“มันเกิดอะไรขึ้น? เคยมีคนเข้ามาหรือไม่? ” หยวนชิงหลิงถามอย่างร้อนใจ
แม่นมตื่นตระหนกจนไม่ไหวแล้ว พูดจาแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “เจ้าหญิงหายไปแล้ว หม่อมฉัน…..หม่อมฉันไม่เห็นเพคะ หม่อมฉันมีความผิดหม่อมฉันเผลอหลับไป…..”
หยวนชิงหลิงหลับตา พยายามรวบรวมสติเพื่อสื่อจิตถึงกวากวา แต่เพราะนางตื่นตระหนกเกินไป สมองว้าวุ่นสับสน จึงไม่สามารถรับรู้อะไรได้ นางทำได้เพียงรีบวิ่งตามออกไป
กู้ซือสามารถคุมตัวนักฆ่าทั้งหมดได้แล้ว หยู่เหวินเห้าส่งคนให้ออกไปไล่ตามทั่วทุกทิศทุกทาง ค่อยออกไปที่โถงหน้าพร้อมกับหยวนชิงหลิง เมื่อเห็นว่านักฆ่าทั้งหมดถูกจับกุมไว้หมดแล้ว เขาก็พุ่งเข้าไปคว้าตัวหนึ่งในนั้น แล้วร้องถามเสียงดังด้วยแววตาโกรธเคือง สีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารว่า “พูดมา พวกเจ้าลักพาตัวเจ้าหญิงไปไว้ที่ไหน?”
นักฆ่าบาดเจ็บไปทั้งตัว แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะคว้าคอเสื้อของเขาไว้ แต่ก็ยังยืนไม่ไหว แข้งขาอ่อนยวบทรุดลงไปคุกเข่ากับพื้น แล้วอาเจียนเป็นเลือด “เจ้าหญิงอะไร? พวกเราไม่รู้ อยากจะฆ่าก็ฆ่า! ”
สีหน้าของกู้ซือซีดขาวราวหิมะด้วยความตื่นตระหนก “อะไรนะ? องค์หญิงหายไปแล้วรึ?”
หยู่เหวินเห้ามีสภาพที่แทบจะเป็นบ้าให้ได้แล้ว “กู้ซือ ไต่สวนคดีเดี๋ยวนี้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามแต่ ทำให้พวกมันคายที่อยู่ของเจ้าหญิงมาให้ได้ เร็วเข้า!”
กู้ซือกลับตกตะลึงไม่หาย “ฝ่าบาท หมาป่าหิมะกับเจ้าเสือน้อยเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องเจ้าหญิงด้วย อีกทั้งนักฆ่าไม่ได้ไปที่ห้องของเจ้าหญิง ตอนที่พบว่านักฆ่าบุกเข้ามา กระหม่อมก็สั่งให้คนไปคุ้มครองที่หน้าประตูห้องเจ้าหญิงทันที”
“ ไม่ใช่พวกมัน แล้วยังจะมีใครล่ะ?” ดวงตาของหยู่เหวินเห้าแดงก่ำดั่งเลือด เส้นเลือดสีเขียวผุดขึ้นบนหน้าผาก พยายามจะสงบสติอารมณ์ แต่ก็ไม่อาจสงบลงได้
หยวนชิงหลิงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลง ดึกดื่นค่อนคืน มีแม่นมเฝ้าดูแลอยู่ หมาป่าหิมะกับเจ้าเสือเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู แต่จู่ ๆ กวากวากลับหายไป กระทั่งเทพวิหคก็ยังหายไปด้วย….ถ้าหากเป็นนักฆ่า ก็ไม่น่าจะเข้าไปถึงข้างใน อันดับแรกไม่มีทางผ่านด่านของหมาป่าหิมะกับเจ้าเสือไปได้ จากนั้นก็ยังมีเทพวิหค แม้ว่าเทพวิหคจะยังไม่ได้แสดงความสามารถพิเศษอะไรในขณะนี้ แต่เสียงร้องของมันก็น่ากลัวใช่ย่อย ถ้ากวากวาถูกลักพาตัวไป มันจะต้องร้องแน่
จุดที่สำคัญที่สุดคือ นางไม่ได้รู้สึกว่ากวากวากำลังตกอยู่ในอันตราย
นางกับลูก ๆ มีความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งที่เชื่อมโยงหากัน ระหว่างพวกเขาจะสามารถรับรู้ถึงอันตรายของกันและกันได้ อีกทั้งการรับรู้ของพวกเขาก็ยอดเยี่ยมมากด้วย เทียบได้กับเมื่อตอนที่แฝดสองรับรู้ได้ว่าเจ้าห้าตกอยู่ในอันตราย จึงส่งเจ้าเสือให้ตามไปช่วยเขา
แต่กวากวาก็หายตัวไปจริง ๆ และนางก็ไม่สามารถรับรู้ถึงตำแหน่งของกวากวาได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่แปลกมาก
กู้ซือลากตัวคนร้ายไปทรมานเพื่อเค้นสอบปากคำ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ได้คำตอบเรื่องการหายตัวของเจ้าหญิง แต่พวกเขาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีกันสิบสองคน นอกจากสามในสิบสองคนที่ตายไป ที่เหลือต่างก็ถูกจับหมดแล้ว
นั่นก็หมายความว่า ไม่มีใครมาลักพาตัวองค์หญิงไป
ปกติเมื่อหยู่เหวินเห้าได้พบเจอรื่องกับเรื่องอะไรก็ตาม เขามักจะสงบสติอารมณ์ลงได้ แต่เพราะเจ้าหยวนกับลูก ๆ เป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเขา เขาไม่อาจสงบสติอารมณ์ลงได้ หลังจากจัดให้คนไปค้นหาจนทั่ววังแล้ว ก็นำกู้ซือกับทหารรักษาพระองค์ออกไปไล่ตามอีก
ในเวลากลางคืนประตูเมืองจะปิดสนิท คนเฝ้าประตูเมืองก็ยังบอกด้วยว่าไม่มีใครออกจากเมืองไป อีกทั้งไม่พบผู้ต้องสงสัยที่ไหนอีกด้วย
พระราชโองการถูกส่งไปที่กรมการพระนครอย่างรวดเร็ว อ๋องฉีที่กำลังนอนหลับอยู่ถูกขุดขึ้นมาจากที่นอน เมื่อเขารู้ว่าเจ้าหญิงหายตัวไป เขาก็ตื่นตระหนกตกใจ รีบพาคนออกไปค้นหาทันที
สำนักเหลิ่งหลัง กลุ่มชายชราชุดดำแห่งจวนอ๋องซู่ บรรดาอ๋องและราชวงศ์ต่างก็ตื่นตระหนก ต่างจัดกลุ่มออกค้นหาปูพรมกันทั่วเมืองหลวง
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นยังคงไร้ผล ถึงขั้นที่ว่าไม่พบแม้แต่กระทั่งร่องรอยของบุคคลที่น่าสงสัย
หยู่เหวินเห้าไม่ได้ไปประชุมราชการเช้า ได้แต่ออกค้นหาอย่างสิ้นหวัง ข่าวการหายตัวไปของเจ้าหญิงแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ทั้งยังรู้เรื่องที่ว่ามีนักฆ่าลอบเข้าไปในวังเมื่อคืนนี้แล้วเช่นกัน ทุกคนแอบคาดเดากันว่า น่าจะเป็นพวกที่หลงเหลือของเหยี้ยนจือหยูเป็นคนลงมือแน่
หยู่เหวินเห้าลากสองเท้าที่หนักอึ้งอ่อนล้า กลับไปที่ตำหนักก่อน
เขาทั้งทรมานใจทั้งวิตกกังวลมาก แต่เขารู้ว่าเจ้าหยวนจะต้องยิ่งวิตกกังวลกว่าเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงต้องกลับมาที่นี่ก่อนเพื่อไปปลอบใจเจ้าหยวน ไม่ให้นางคิดมากจนเตลิด
ย้อนกลับไปที่ตำหนักเสี้ยวเยว่ลู่หยาบอกว่าเจ้าหยวนอยู่ในห้องของกวากวา ในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้น เมื่อเดินไปที่ห้องของกวากวา ก็เห็นว่าเจ้าหยวนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง หลับตาพลางทำหน้าสงบนิ่งจริงจังอย่างมาก
เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เดินเข้าไปกอดเจ้าหยวน ร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดและอัดอั้นตันใจ “ขอโทษนะ ข้าหานางไม่พบ”
หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้น ผลักเขาออกไปเบา ๆ มองดูใบหน้าที่อ่อนล้าอิดโรยของเขา “ค้นหาจนทั่วแล้วรึ?”
“ค้นหาจนทั่วแล้ว ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างค้นจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้วจริง ๆ ตอนนี้ก็ส่งคนออกไปค้นหานอกเมืองแล้วด้วย เจ้าวางใจเถอะ นางจะต้องกลับมาอย่างปลอดภัยแน่”
หยู่เหวินเห้านั่งลง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นถูใบหน้า รู้สึกอับจนหมดหนทาง เมื่อคิดว่าตอนนี้กวากวาจะได้รับการปฏิบัติอย่างไร เขาก็กังวลจนหัวใจแทบจะมอดไหม้จนแห้งเกรียมอยู่แล้ว
หยวนชิงหลิงจับมือของเขา ลูบไล้ปลอบประโลมเบา ๆ ในใจยังคงรู้สึกสับสนเล็กน้อย “แม้ข้าจะไม่รู้ว่ากวากวายู่ที่ไหน แต่ข้ารู้สึกได้ว่ากวากวาไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย”
หยู่เหวินเห้าเงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความปีติยินดีขึ้นมาโดยพลัน “เจ้ารู้สึกได้อย่างนั้นรึ? เจ้ารับรู้ได้ว่านางไม่ได้ตกอยู่ในอันตราย แล้วนางอยู่ที่ตำแหน่งไหนล่ะ? ออกตกเหนือใต้? ทางด้านไหนรึ?”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ข้าไม่อาจรับรู้ตำแหน่งได้ แต่แน่ใจได้ว่าไม่รู้สึกถึงอันตรายใด ๆ ตรงกันข้าม….. ข้ากลับรู้สึกว่าตอนนี้นางมีความสุขมากเลยล่ะ”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่ายากจะเชื่อได้ลง “มีความสุข? นางถูกคนลักพาตัวไป จะมีความสุขได้อย่างไรล่ะ?”
หยวนชิงหลิงเองก็พูดไม่ถูก “ข้าไม่รู้ แค่มีความรู้สึกแบบนี้ ทั้งยังเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย ข้าคิดว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนี้ก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเทพวิหคก็หายไปด้วย เทพวิหคจะต้องปกป้องนางได้แน่ ”
“ไม่ได้ เจ้าหยวน ข้าไม่อาจพูดกล่อมตัวเองว่านกตัวหนึ่งจะสามารถปกป้องลูกสาวของเราได้” หยู่เหวินเห้ายื่นมือไปแตะหน้าผากของหยวนชิงหลิง “ไม่ใช่ว่าเจ้าร้อนใจจนเป็นไข้ไปแล้วหรอกนะ? ถึงได้พูดเรื่องเหลวไหลแบบนี้ออกมา”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร!” หยวนชิงหลิงดึงมือของเขาลง พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกเหมือนกันว่า ความรู้สึกแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อถือนัก จึงพูดว่า “ ถ้าอย่างนั้นก็ค้นหากันต่อเถอะ ลองหาดูอีกสักหน่อย”