บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1542 ส่งไปก่อนเวลา
วันแรกของการขึ้นปีใหม่ที่เดิมควรจะได้เงิน กลับต้องชดใช้เงินไปจำนวนหนึ่งเสียอย่างนั้น หยู่เหวินเห้าปวดใจเหลือเกิน ตำหนิพวกซาลาเปาที่ไม่ดูแลน้องให้ดี
ซาลาเปาน้อยใจมาก ไหนเลยจะรู้ว่าจู่ๆ น้องจะจุดไฟกะทันหัน? ดวงตาโผล่ดาวอัคนีแวบๆ ห้ามก็ห้ามไม่อยู่
แต่พวกเขาก็ยอมให้พ่อด่าน้องสาวไม่ได้ ท่าทางสำนึกผิดของน้อง น่าสงสารจัง
หยู่เหวินเห้าอุ้มบุตรี บุตรีหดศีรษะอยู่ในอ้อมอกเขา ราวกับรู้ความผิดแล้ว แต่จุดไฟสองครั้งติดกัน แม้เขาจะรักกวากวามากหน่อย แต่ก็ปล่อยปละไปแบบนี้ไม่ได้ ครั้นตำหนิกวากวาด้วยโทสะไปนิดเดียว กวากวาก็แบะปากร้องไห้ขึ้นมา
เขาทำใจแข็งไม่ปลอบ ให้นางร้องไห้ เมื่อกวากวาเห็นเสด็จพ่อไม่เอาใจเหมือนครั้งก่อน ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงฉุดแขนเสื้อของหยู่เหวินเห้า เอ่ยเสียงเบา “กวากวาสำนึกผิดแล้วเพคะ”
ทว่าหยู่เหวินเห้ากลับยังไม่แยแสนาง
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างสงสัย “ฉีฮั่วไม่ได้บอกว่าสามขวบถึงจะสะกดไม่ได้หรือ? อย่างไรกัน ตอนนี้ยังไม่สองขวบก็สะกดไม่อยู่แล้ว? ก่อนหน้านี้ไปยุคปัจจุบัน ไม่มีการหน่วงเหนี่ยวของมิติเวลาถึงได้วางเพลิงไป ตอนนี้กลับมาที่นี่แล้วก็ยังวางเพลิงอีก นี่มันอย่างไรกันแน่?”
“ไม่รู้สิ” หยู่เหวินเห้ามองนาง “เจ้ายังไม่รู้ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไร?”
หยวนชิงหลิงถอนใจ “คงต้องส่งไปก่อนกำหนดแล้ว”
หยู่เหวินเห้านิ่งงันไปพักหนึ่ง เอ่ย “หรืออาจเป็นความบังเอิญ?”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ข้าชื่นชมในการมองโลกแง่ดีของเจ้านัก แต่…ดูจากสถานการณ์แล้วเจ้าน่าจะเดาผิด”
นางกุมมือเขา เกลี้ยกล่อม “ที่จริง เจ้าคิดแบบนี้ก็ได้นี่ ไปเร็วหน่อยก็กลับมาเร็วหน่อย ใช่ไหม?”
“ถึงจะอย่างนั้น แต่เด็กเล็กขนาดนี้ก็ต้องจากพ่อแม่แล้ว น่าสงสารเกินไป” หยู่เหวินเห้ารู้ว่ายากจะหลีกเลี่ยง แต่…ปากก็ยังอดว่าไปแบบนั้นไม่ได้
หยวนชิงหลิงมองกวาจื่อ รู้สึกได้ถึงอารมณ์นาง ไม่รู้สึกว่านางคิดว่าตนเองน่าสงสารสักนิด ในทางกลับกัน กวาจื่อยังอยากอยู่กับพี่ชายมากกว่าอยู่กับพ่ออีก
เรื่องนี้ย่อมพูดไม่ได้อยู่แล้ว จะทำร้ายจิตใจเจ้าห้ามากเกินไป เขารับไม่ได้
เพียงแต่เขาก็ต้องค่อยๆ ยอมรับ เด็กหกคนนี้ไม่ว่าจะเป็น นิสัย จิตใจ สติปัญญาหรืออารมณ์ล้วนมีมากกว่าเด็กคนอื่นๆ มาก นี่จึงลิขิตให้พวกเขาต้องแยกจากพ่อแม่แต่เด็ก เข้าสู่อาณาจักรที่พวกเขาต้องการพเนจร
ไม่ว่าจะอาลัยอาวรณ์อย่างไรก็ต้องปล่อยมือ
กลางคืน เตียงใหญ่หลังหนึ่ง หนึ่งครอบครัวแปดชีวิตนอนอยู่ด้วยกัน เด็กๆ นอนหันไปคนละทิศละทาง เนื่องจากเลยเวลานอนมานานแล้ว กอปรกับเล่นสนุก เมื่อเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันก็มีเสียงกรนเล็กน้อย
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงไม่ได้นอน นั่งอยู่ที่หัวเตียง จับมือแอบอิง มองใบหน้ายามหลับใหลของเด็กๆ อีกไม่นานพวกเขาก็ต้องกลับไปร่ำเรียนวิชา ช่วงเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันสั้นนัก เด็กๆ ไม่รู้คุณค่า แต่พวกเขารู้ จึงไม่ยอมเสียเปล่าสักวินาที
วันถัดมา สองสามีภรรยามอบเงินอั่งเปาให้เด็กๆ ด้วยตาหมีแพนด้า เด็กๆ กระจองอแงจะไปคารวะเอาอั่งเปาที่จวนอ๋องซู่ หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงไม่กล้าไป เมื่อคืนเพิ่งจะเผาลานบ้านเขา วันนี้ยังมีหน้าพาเด็กๆ ไปคารวะอีกหรือ?
ทังหยวนหน้าเงินเอ่ยอย่างมุ่งมั่น “เสด็จพ่อ ก็เพราะชดใช้ไปก้อนโตไป วันนี้เราถึงยิ่งควรไปอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ พยายามเคาะเอาเงินกลับมา”
หยู่เหวินเห้าจะร้องไห้ก็ไม่ใช่ หัวเราะก็ไม่ใช่
ต้องพูดเลยว่าวิธีนี้ดีมาก
ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวหน้าไม่อายจึงไปจวนอ๋องซู่อีก
จวนอ๋องซู่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว อ๋องชินทั้งหลายก็พาเด็กๆ มาคารวะด้วย กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงหลัก เด็กๆ ต่อแถว เข้าไปอย่างคล่องแคล่ว เด็กที่พูดเก่งมักได้เปรียบ หยอกจนคนแก่แจ่มใสอารมณ์ดี
บ้านอ๋องชางและชายามีทรัพย์มาก ใช้เข่งบรรจุเม็ดแตงทองคำและใบไม้ทองคำ หลังจากคารวะก็ให้เด็กๆ ไปหยิบเอาเอง สองมือกอบได้เท่าไรก็เท่านั้น เด็กทั้งห้าแทบอยากงอกมือออกมาอีกเยอะๆ แล้วกอบเอาไปมากหน่อย
อ๋องผิงหนานก็เตรียมหมูทองคำตัวใหญ่หลายตัว แขวนไว้ที่คอเด็กคนละตัว หนักอึ้ง ถ่วงจนเด็กๆ ยืดตัวตรงไม่ไหว
หยู่เหวินเห้าเห็นแล้วก็อิจฉามาก แทบอยากยื่นศีรษะไปให้อ๋องผิงหนานแขวนหมูทองคำให้สักตัว
เมื่อถึงวันที่สิบเดือนหนึ่ง ก็ต้องส่งเด็กๆ กลับไปเรียนหนังสือ
ครั้งนี้ หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงไปด้วย เรื่องในราชสำนักมอบให้โสวฝู่เหลิ่งจัดการก่อนชั่วคราว
หยู่เหวินเห้าไปครั้งนี้ก็เพื่อพบฉีฮั่วกับเยว่เอ๋อเป็นสำคัญ อยากถามเรื่องของกวาจื่อ ไม่ใช่ว่าสะกดไว้แล้วหรือ?
สวีอีตามไปด้วย โดยอ้างว่าต้องคุ้มกัน
เมื่อก่อนเคยกลัวยุคนั้น แต่หลังจากกลับมาคิดดูแล้ว ก็อยากจะไปสักครั้งหนึ่ง
เมื่อถึงยุคปัจจุบัน ได้พบกับครอบครัวหยวนชิงหลิงแล้ว ก็เชิญฉีฮั่วและภรรยามาพูดคุย
ครั้นได้รู้ว่ากวาจื่อวางเพลิง เผาลานจวนอ๋องซู่ ฉีฮั่วก็ดูตกใจมาก อุ้มเสี่ยวกวาจื่อไปดูละเอียด เอ่ย “สงสัยต้องส่งเสี่ยวกวาจื่อมาก่อนกำหนดแล้วล่ะ”
แม้นหยู่เหวินเห้าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนี้ก็ยังเสียใจ อาลัยอาวรณ์มาก จึงถาม “ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ? เจ้าจะสะกดอีกครั้งไม่ได้แล้วหรือ?”
“ไม่ได้ พลังของเสี่ยวกวาเพิ่มเป็นเท่าตัว สะกดเอาไว้ช้าเร็วก็ต้องเกิดเรื่อง”
หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิงแบบทำอะไรไม่ถูก “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”
หยวนชิงหลิงก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน มองกวากวานอนอยู่ในอ้อมกอดของฉีฮั่วอย่างสงบ ท่าทางเรียบร้อยบริสุทธิ์ ในใจก็ให้รู้สึกเจ็บ
นางกุมมือหยู่เหวินเห้า “อย่าเพิ่งใจร้อน”
เยว่เอ๋อภรรยาของฉีฮั่วกล่าว “มอบเด็กให้เราสองผัวเมียดูแล พวกคุณวางใจได้ เสี่ยวกวาอยู่กับพวกคุณได้รับการปฏิบัติยังไง อยู่กับเราก็เหมือนกัน จะไม่ทำให้เสี่ยวกวาลำบากหรอกค่ะ”
คำพูดอ่อนโยนของเยว่เอ๋อ ทำให้รู้สึกเชื่ออย่างไม่มีเหตุผล หยู่เหวินเห้าเอ่ยเสียงค่อย “ข้ามิได้ห่วงว่านางจะลำบาก เพียงแต่…ตัดใจไม่ได้เท่านั้น”
“ใครใช้ให้พวกคุณมีลูกสาวที่ไม่ธรรมดาล่ะคะ?” เยว่เอ๋อยื่นมือมาลูบแก้มของกวาจื่อ นัยน์ตามีแววเอาใจ ตั้งแต่รู้ว่าเด็กคนนี้จะได้อยู่กับพวกเขา เยว่เอ๋อก็เฝ้ารอคอย รอคอยให้เสี่ยวกวามาไวหน่อย “แถมพลังของเธอก็ประมาณไม่ได้ด้วย เหนือกว่าจินตนาการพวกเราทุกคน”
หยู่เหวินเห้าอุ้มลูกสาวกลับมา กอดไว้ในอกแน่น “เราจะกลับไปปรึกษากันก่อน”
“ได้” ฉีฮั่วไม่ทำให้ลำบากใจ เห็นเขาเสียใจแล้วก็กล่าวปลอบ “ที่จริงไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนี้ เราจะพาเสี่ยวกวากลับปีละสองครั้ง อยู่กับพวกคุณครั้งละเดือนสองเดือน ถ้าพวกคุณมีเวลาก็มาเยี่ยมเสี่ยวกวาได้”
หยู่เหวินเห้ารู้ว่าฉีฮั่วยอมมากแล้ว แต่เวลานี้เขาไม่สามารถมอบลูกให้เขาทันทีได้จริงๆ
หลังจากบอกลาก็กลับบ้าน ปรึกษาเรื่องนี้กับทุกคน
ศาสตราจารย์หยวนรู้ว่าลูกเขยทำใจไม่ได้ จึงให้สัญญาว่าจะไปเยี่ยมกวากวาอาทิตย์ละครั้ง ถ้าฉีฮั่วอนุญาต ก็จะรับพวกเขามาอยู่ที่นี่ เด็กๆ จะได้อยู่กับญาติตลอด
พี่ชายทั้งห้าก็รับปากว่าจะดูแลน้อง แถมน้องอยู่ที่นี่พวกเขาจะยิ่งมีความสุข น้องก็มีความสุขด้วย
ทังหยวนถึงกับกอดหยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้าให้น้องเลือก น้องก็อยากอยู่กับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ นางชอบพวกเรามากกว่าเสด็จพ่ออีก”
หยู่เหวินเห้าตีเพี๊ยะที่ก้นทังหยวนทันที โมโห “ใครบอก?”
“ไม่เชื่อทรงถามน้องดูสิพ่ะย่ะค่ะ!” ทังหยวนพูดอย่างไม่ยอมแพ้
กวากวาหลบอยู่ในอกหยู่เหวินเห้า กะพริบตาปริบ พี่ทังหยวนนี่โง่จริง!
หยู่เหวินเห้าไม่กล้าถาม เกรงว่ากวากวาจะพูดว่าชอบพี่ชายไม่ชอบพ่อ
แต่กวากวากลับรู้ความมาก ยื่นมือกอดคอหยู่เหวินเห้า พูดเสียงอ้อแอ้ “ชอบเสด็จพ่อเพคะ!”
หยู่เหวินเห้าดีใจลิงโลด หอมหน้าผากกวากวาเต็มแรงหลายครั้ง อย่างไรเสียลูกสาวก็เป็นแก้วตาที่รู้ใจ