บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1545 องค์หญิงเจิ่นกั๋ว
ปีนี้กวากวาแปดขวบ กลับมาจัดงานเลี้ยงวันเกิด
อาจารย์ฉีฮั่วกับอาจารย์แม่เยว่เอ๋อก็กลับมาเป็นเพื่อนนางด้วย พี่ชายทั้งห้าก็กลับมา เดือนเจ็ดซาลาเปาต้องเข้าร่วมการสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่พวกเขาไม่ตื่นตระหนกสักนิด
มหาวิทยาลัยดังอะไร ก็มิใช่แค่เรื่องแน่แช่แป้งหรือ? เร็วสองปีก็ได้แล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องไว้หน้าเสด็จแม่หน่อย จะเด่นกว่าเสด็จแม่ในตอนนั้นมากไม่ได้
งานเลี้ยงวันเกิดจัดแบบค่อนข้างเรียบง่าย เชิญบรรดามิตรสหายให้พาลูกๆ มา แม้ว่ากวากวาไปยุคปัจจุบัน แต่ก็มีสัมพันธ์กับเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกันดีมาก เพราะนางกลับมาปีละสองหน กลับมาก็เล่นกับทุกคน
อะซี่คลอดลูกคนที่สอง เป็นลูกชาย เพิ่งคลอดได้สองเดือน ลูกสาวคนโตถังกั่วเอ๋อรับผิดชอบดูแลน้องชาย อวดกวากวาว่าตนมีน้องชายแล้ว
พี่หญิงซิ่วของกู้ซือก็มีน้องชายเช่นกัน ก่อนปีใหม่หยวนหย่งอี้ตั้งครรภ์ บัดนี้ท้องโตมากแล้ว พี่หญิงเป่าบอกกับกวากวา ว่านางก็จะมีน้องชายแล้ว
กวากวาหัวเราะ แสดงออกว่าไม่อิจฉาสักนิด แต่…นางก็อยากมีน้องชายเหมือนกันนี่นา
กวากวาที่อายุแปดขวบ นิสัยสุขุมยิ่งนัก เหมือนหยวนชิงหลิงสมัยก่อนมาก และเหมือนอาจารย์แม่เยว่เอ๋อของนางด้วย
แต่ภายนอกที่สุขุมนิ่งเช่นนี้ จะมีหัวใจอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้
กวากวาเห็นเหลิ่งหมิงหยู่เป็นครั้งแรก เขาตามอยู่หลังหงเย่ มืออุ้มลิงอยู่ ถึงยังขี้กลัวจัด แต่ฝึกยุทธ์มาครึ่งปีแล้วก็ดีกว่าตอนที่เพิ่งมามาก
แต่เขาไม่เข้าพวกกับคนอื่น เล่นกับลิงอย่างเดียว
กวากวายืนอยู่ตรงหน้าเขา “ลิงของท่านอาหงเย่ เหตุใดจึงให้เจ้าเล่า?”
เขามองกวากวา ไม่พูด ระแวงเล็กน้อย
“เจ้าชื่ออะไร?” กวากวาเอ่ยถาม
“เหลิ่งหมิงหยู่ ฝ่าบาททรงประทานชื่อให้ข้า” เขาตอบ
กวากวาหัวเราะ “พ่อข้าตั้งหรือ?”
เหลิ่งหมิงหยู่มองนาง “พ่อเจ้า? พ่อเจ้าคือฮ่องเต้หรือ?”
“อือ!” กวากวามองคางเรียวผอมของเขา “เจ้าเป็นน้องชายของผู้ใด?”
“ข้าน้อยไม่มีพี่สาว ไม่มีพี่ชายด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” เหลิ่งหมิงหยู่ถอยหลังก้าวหนึ่ง ตอนนี้เขารู้แล้วว่าฮ่องเต้คืออะไร เขาหกขวบแล้ว
ดวงตากวากวาเผยความยินดี “เช่นนั้นก็ดีมาก จำไว้ ข้าเป็นพี่สาวเจ้า”
มือของนางวางอยู่บนบ่าเขา เอ่ยอย่างจริงจัง “ต่อไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!”
ทว่าเหลิ่งหมิงหยู่กลับส่ายหน้า
กวากวาทำหน้าเครียด “เจ้าไม่ยอมหรือ?”
สีหน้าเหลิ่งหมิงหยู่ดื้อดึงเล็กน้อย “ท่านพ่อบอกว่า ข้าน้อยฝึกยุทธ์แล้ว ต้องปกป้องคนอื่น ข้าน้อยไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นปกป้องข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นต่อไปเจ้าก็ปกป้องข้า ข้าเป็นพี่สาวเจ้า!” กวากวาเอ่ย
เหลิ่งหมิงหยู่มองนาง
“เรียกพี่สาว!” กวากวาก็มองเขาด้วย
เหลิ่งหมิงหยู่ไม่ได้เรียก ถอยหลังก้าวหนึ่ง แล้วหันไปหาพ่อบุญธรรมหงเย่
กวากวาหมุนตัวเข้าไป กอบขนมมามากมาย แล้ววิ่งออกไปยัดให้เหลิ่งหมิงหยู่ “กินสิ!”
ปกติเหลิ่งหมิงหยู่ไม่กินขนม เพราะโดยมากในจวนไม่มี แต่ถึงกระนั้นเขาก็ชอบกิน เขาหยิบลูกอมวางไว้ในปากช้าๆ ดวงตาค่อยๆ มีประกายผ่อนคลาย มองกวากวา
“จะเรียกข้าว่าพี่สาวหรือไม่?” กวากวาเอ่ยถาม
เหลิ่งหมิงหยู่มองรอบๆ ครั้นไม่มีคน ก็พูดเสียงหนึ่งด้วยเสียงที่ราวกับยุง “พี่สาว!”
กวากวาหัวเราะ จูงมือเขา “ไป เราไปบอกคนอื่นๆ กัน ว่าเจ้าคือน้องชายข้า!”
ด้วยการโอ้อวดเช่นนี้ ทุกคนจึงรู้ว่ากวากวามีน้องชายแล้ว ต่างพากันหัวเราะ เหลิ่งจิ้งเหยียนก็หัวเราะเอ่ยกับเหลิ่งหมิงหยู่ด้วยว่า “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องตั้งใจฝึกยุทธ์แล้ว โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่สาว!”
เหลิ่งหมิงหยู่ผงกศีรษะแรง “รับทราบ ท่านพ่อ!”
เหลิ่งจิ้งเหยียนเพียงพูดเล่นคำเดียว ทว่าเหลิ่งหมิงหยู่กลับจดจำอยู่ในใจ ต่อไปภารกิจของเขาก็คือต้องปกป้องพี่สาวให้ดี
ในวันเกิดแปดขวบของกวากวานั้นเอง จู่ๆ หยู่เหวินเห้าก็มีราชโองการ แต่งตั้งให้กวากวาเป็นองค์หญิงเจิ่นกั๋วเฉาหยาง
กวากวาอุ้มเทพวิหค สวมชุดหงส์สีแดงยาว ยืนยิ้มบางอยู่ที่ด้านล่างระเบียง เด็กอายุแปดขวบ มีสิริโฉมงดงามชวนหลงใหล บุคลิกก็เปลี่ยนจากซุกซนเป็นสุขุมสง่า
เป็นองค์หญิงเจิ่นกั๋วสมภาคภูมิ!
หลังจากงานเลี้ยงวันเกิด หยู่เหวินเห้าก็เดินเล่นย่อยอาหารกับลูกสาวอยู่ในอุทยานอวี้ฮัว ส่วนหยวนชิงหลิงก็คุยเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยกับพวกซาลาเปา ถ่ายทอดประสบการณ์ตรง
กวากวาที่กลับมาเพียงปีละสองหน ชั่วแพล็บเดียวก็เติบใหญ่เป็นสาวน้อยแปดขวบแล้ว หยู่เหวินเห้าจูงมือลูกสาว มองใบหน้าด้านข้างที่สงบนิ่งน่ายลของนาง มักรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็ว แต่ก็รู้สึกว่าผ่านไปช้ามากด้วย
นางเติบโตแล้ว แต่กลับไม่สามารถกลับมาอยู่ข้างกายเขาจริงๆ ได้
“อาจารย์บอกว่าอีกนานเท่าไรจึงจะกลับมาได้?” หยู่เหวินเห้าถามอย่างอ่อนโยน
“อีกสองปีเพคะ!” กวากวาชิดอยู่ข้างการบิดา กระโปรงยาวลากพื้น ดิ้นทองขยับพลิ้วไหว
เสียงของนางอ่อนโยนมาก เป็นมิตรมาก ไม่เหมือนท่าทางขณะที่พูดกับเหลิ่งหมิงหยู่เช่นนั้นเลย และไม่เหมือนท่าทางที่นางอยู่กับพี่สาวน้องสาวคนอื่นเช่นกัน
นางมักสวมหน้ากากชั้นหนึ่งกับบิดามารดาอย่างไม่รู้ตัว เสด็จพ่อชอบให้นางเป็นเด็กดีเชื่อฟัง เช่นนั้นนางก็จะทำท่าทางให้เป็นเด็กดีเชื่อฟัง หนักแน่นเป็นผู้ใหญ่
แบบนี้ เสด็จพ่อถึงจะไม่เป็นห่วงนาง
“อีกสองปี อีกสองปีเจ้าก็จะสิบขวบแล้ว!” เวลานี้หยู่เหวินเห้าแทบอยากให้เวลาผ่านไปเร็วอีกนิด อยากให้ลูกสาวโตเสียตอนนี้จะได้อยู่ข้างกายเขา
แต่เมื่อนึกถึงว่าลูกสาวกลับมาก็สิบขวบ อีกแค่เจ็ดแปดปีก็ต้องพูดเรื่องแต่งงาน เมื่อนั้นก็ทรมานใจนัก
แก้วตาดวงใจที่ได้มาอย่างลำบากยากเย็น อยู่กับเขาไม่นานเท่าไรก็เติบใหญ่เสียแล้ว
“การเรียนเป็นอย่างไรบ้าง!” หยู่เหวินเห้าเอ่ยถาม
“เต็มทุกวิชาเพคะ!” กวากวาอดไม่ได้ที่จะยกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย
หยู่เหวินเห้าก็หัวเราะด้วย ภูมิใจอย่างปลาบปลื้ม “ดีจริง!”
“เช่นนี้ไว้เจ้ากลับมา ก็จะไม่ได้ร่ำเรียนแล้ว” ครั้นหยู่เหวินเห้านึกถึงจุดนี้อีก ก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
กวากวาเอ่ย “มิเป็นไรเพคะ ที่ควรเรียน หม่อมฉันก็เรียนมาหมดแล้ว อีกอย่างต่อไปหากอยากเรียนอีกก็มีวิธีเพคะ ไปปีละสองเดือนก็พอ มิจำเป็นต้องเข้าโรงเรียน เรียนเองก็ได้เพคะ!”
“ดูสิ เหตุใดพวกเจ้าจึงฉลาดเช่นนี้นะ?”
จูงมือลูกสาวเข้าศาลา สัมผัสการพัดพาของสายลมยามราตรีที่สดชื่น หยู่เหวินเห้ามองนางแล้วอ้าแขนทั้งสองออก “มา ให้ข้ากอดเจ้าหน่อย!”
ครั้นกวากวาโถมตัวเข้าสู่อ้องกอดของบิดา ก็มีความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวนิดหน่อย เอ่ยอย่างออดอ้อน “เสด็จพ่อ หม่อมฉันคิดถึงท่านมากเลยเพคะ”
“ข้าก็คิดถึงเจ้า แต่ดีที่อีกสองปี อีกสองปีเจ้าก็จะกลับมาอยู่ข้างกายข้าได้แล้ว!” หยู่เหวินเห้าหายใจออกเบาๆ ตบแผ่นหลังของลูกสาว ความคิดอยู่ในภวังค์เล็กน้อย ราวอีกก่อนหน้านี้ไม่นาน ลูกสาวยังอยู่ในเปล แพล็บเดียวก็โตขนาดนี้แล้ว
นัยน์ตากวากวามีแผนการซ่อนเร้น ครู่หนึ่งแล้วก็เงยหน้ามองหยู่เหวินเห้า “เสด็จพ่อ หม่อมฉันได้ยินเสด็จปู่ทวดบอกว่าเมืองโร่ตูเป็นเมืองของหม่อมฉันหรือเพคะ?”
“ใช่ แต่เจ้าวางใจเถอะ เอาไว้พี่ชายเจ้าเรียนจบกลับมา เขาจะดูแลแทนเจ้าเอง เจ้าแค่นับเงินก็พอ!” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
กวากวายิ้มหวาน “เพคะ!”
ผ่านไปอีกพักหนึ่ง “เช่นนั้นหม่อมฉันไปสักครั้งได้ไหมเพคะ? อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าเมืองนั้นเป็นอย่างไร”
“ที่นั่นวุ่นวายมาก เจ้าจะไปทำอะไร?” หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว
ห้าหัวเมืองนั้น แม้บอกว่ามีแม่ทัพใหญ่ฮู่และพี่สามดูแลอยู่ แต่อย่างไรก็ได้มาจากมือของเป่ยโม่ ต้องใช้เวลามากกว่าหลายสิบปีจึงจะมีใจสวามิภักดิ์
กวากวาเอ่ย “ก็แค่ไปดูเท่านั้น เสด็จพ่อวางพระทัยเถอะ หม่อมฉันไม่ไปประเดี๋ยวนี้หรอก เอาไว้หม่อมฉันกลับมาจริงๆ แล้วถึงจะไป”
หยู่เหวินเห้าราวกับต้องรับปากทุกคำขอของลูกสาว ครั้นได้ยินว่านางอยากไปจริงๆ ก็คิดหนึ่งพักหนึ่ง เอ่ย “ก็ได้ ถึงตอนนั้นข้าจะไปตรวจตราทางเหนือ ไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย!”
“…เพคะ!” ทว่าในใจกวากวากลับมีแผนการของตนเองแล้ว