บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1546 เมืองโร่ตูของกวากวา
หลังจากผ่านงานเลี้ยงวันเกิดกวากวาไปสามวัน เจ้าสามอ๋องเว่ยจึงจะถึงเมืองหลวง
เขาเข้าวังเข้าเฝ้า หลังจากทำการคารวะระหว่างราชาขุนนางเสร็จสิ้นแล้ว ก็เริ่มบ่นหยู่เหวินเห้า บอกว่าเขาส่งจดหมายไปช้าจนพลอยทำให้เขากลับเมืองหลวงช้าไปด้วย แล้วยังพลาดงานเลี้ยงวันเกิดของกวากวาอีก
ครั้นหยู่เหวินเห้าเห็นเขาวางมาดพี่ชายแล้ว ก็ได้แต่หัวเราะขออภัย บอกว่าไม่คิดจะจัดงานใหญ่แต่แรก จึงส่งจดหมายไปบอกกล่าวเท่านั้น ไม่ได้ให้เขารีบกลับเมืองหลวง
อ๋องเว่ยเอ่ยอย่างเคืองๆ “ข้าไม่เจอหลานสาวมานานแค่ไหนแล้ว? ยังว่าไม่ให้ข้ากลับเมืองหลวงอีก ข้าแทบอยากเอาเรื่องเจ้าแล้วนะ”
ลมทรายกัดกร่อนแรมปี มุมคิ้วของอ๋องเว่ยปรากฏให้เห็นริ้วรอยแล้ว ใบหน้าดำแดง องคาพยพแข็งกร้าวดุดันขึ้นทุกที แต่เนื่องจากค่อนข้างผอมบาง ดวงตาโต เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนจึงทำให้ดวงตามีเส้นเลือดอยู่เต็มไปหมด
ชุดคลุมสีเลือดหมูและหมวก ล้วนมีแต่ฝุ่นจับ นั่งเก้าอี้อย่างไม่คำนึงถึงพิธีการ ทั้งยังชันขาข้างหนึ่ง เห็นได้ว่าอยู่ชายแดนเคยชินกับการปล่อยเนื้อปล่อยตัวแล้ว
หยู่เหวินเห้าสั่งมู่หรูกงกง “เชิญเจ้าหญิงมา บอกนางว่าเสด็จลุงสามกลับถึงเมืองหลวงแล้ว”
มู่หรูกงกงคำนับแล้วออกไป ไม่นานกวากวาก็จูงมือมู่หรูกงกงเดินเข้ามา
นางดีกับมู่หรูกงกงมาก ชอบชายชราที่หน้าตามีเมตตา ทุกครั้งที่กลับมา มักมีของขวัญของมู่หรูกงกงเสมอ กงกงก็เอ็นดูนางจับใจ
เมื่อเห็นอ๋องเว่ย กวากวาก็ดีใจมากเป็นพิเศษ รีบเข้าไปย่อตัวคำนับ รอจนอ๋องเว่ยจับมือนาง มองนางอย่างปลาบปลื้มใจแล้ว นางถึงได้เอ่ยขึ้นอย่างซุกซน “เสด็จลุงสาม ทรงกลับมาได้เสียทีนะเพคะ”
“กวาจื่อของข้าโตแล้ว แถมงามขนาดนี้ด้วย!” อ๋องเว่ยมองนางอย่างพึงพอใจ ครั้นได้เห็นรอยยิ้มนาง ความลำบากตลอดทางก็มลายหายสิ้น
“เสด็จลุงเพคะ!” กวากวาล้วงกล่องหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ยื่นให้อ๋องเว่ย “นี่เป็นของขวัญที่หม่อมฉันให้เสด็จลุงเพคะ ทรงลองดูสิว่าชอบหรือไม่!”
อ๋องเว่ยหัวเราะ “โอ้โห ข้ายังมีของขวัญด้วยหรือ? ดูสิว่าเป็นอะไร”
เขาเปิดกล่องออก ข้างในกล่องมีแว่นตาดำอยู่คู่หนึ่ง เขาหยิบไว้ในมือ แต่กลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงถาม “นี่คืออะไรหรือ?”
“พี่สาม นี่คือแว่นตาดำ อย่าทำเป็นไม่รู้เช่นนั้นสิ!” หยู่เหวินเห้าอิจฉาจะแย่ ครั้งนี้กวากวากลับมามอบแค่ไฟแช็กให้เขาอันหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะให้แว่นตาดำกับพี่สาม นั่นของดีเชียวนะ
“แว่นตาดำ?” อ๋องเว่ยไม่เคยพบเห็นมาก่อนจริงๆ หยิบแว่นตาดำออกมากางดู แต่กลับไม่รู้ว่าวางไว้ตรงไหนจึงจะเหมาะสม
กวากวาหัวเราะแล้วใส่ให้เขา “ใส่ไว้ที่ตาเพคะ ทรงอยู่ชายแดนระยะเวลานาน แดดแรง ลมทรายก็แรง พัดจนตาแดงไปหมดแล้ว ใส่แว่นตาดำ ดวงตาจะได้สบายหน่อยเพคะ”
นางจูงมืออ๋องเว่ยเดินออกนอกห้องทรงอักษร ดวงตะวันเจิดจ้าส่องลงมา อ๋องเว่ยแหงนหน้าขึ้นแล้วกลับไม่รู้สึกแสบตา เขาดีใจยกใหญ่ “โอ้ นี่มันของดีนี่ ของดี!”
กวากวาเป่าลมไปทางใบหน้าเขา “ท่านดูสิเพคะ ลมทรายก็พัดเข้าตาไม่ได้แล้วใช่ไหมเพคะ?”
“ใช่ ใช่ ดีจริง ของดี!” อ๋องเว่ยเดินวนอยู่ในลาน มองไปรอบๆ ชอบใจใหญ่ จากนั้นก็วิ่งกลัวมาอุ้มกวากวา “ยังเป็นกวาจื่อของข้าที่รู้จักรักข้าแน่ะ”
หยู่เหวินเห้าหน้าขมึง รีบเดินออกมา “พี่สาม นางโตแล้ว จะเอาแต่อุ้มนางมิได้ รีบวางลงเร็ว แปดขวบแล้ว ยังอุ้มอยู่อีก น่าดูที่ไหนกัน?”
อ๋องเว่ยหันกลับมามองเขา เอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้าห้า หน้าเจ้าดำจริง ตัวเจ้าทั้งตัวก็ดำไปหมด เอ๊ะ มู่หรูก็ด้วย!”
“นั่นเพราะท่านใส่แว่นตาดำ บ้านนอกจริงๆ!” หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปหา ถอดแว่นตาของเขาออก “อย่าใส่เลย เก็บไว้เถอะ!”
อ๋องเว่ยยื่นมือชิงกลับ วางไว้ในกล่องแล้วซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ จากนั้นก็แกะกระเป๋าหลัง หยิบกลไกซิ่วเจี้ยน(*อาวุธลับคล้ายเลาขลุ่ยมักซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ)อันเล็กออกมา แล้วติดไว้ที่ข้อมือของนาง เอ่ย “นี่เป็นกลไกอาวุธลับ เหนี่ยวที่ปุ่มก็จะมีธนูอันเล็กพุ่งออกมา ใช้ง่ายมาก”
“นางเป็นผู้หญิง ท่านจะมอบอาวุธให้นางทำไมกัน?” หยู่เหวินเห้าเอ่ย
ทว่ากวากวากลับชอบมาก แกะออกมาพินิจดู พบว่าข้างในกล่องเล็กนี้บรรจุลูกธนูที่เล็กกว่าไว้จิ้มฟันหลายสิบดอกไว้ เป็นสีดำล้วน วิจิตรบรรจงมาก
“ขอบพระทัยเสด็จลุงเพคะ หม่อมฉันชอบมากเลย!” กวากวาคล้องแขนเขา “เสด็จลุง หม่อมฉันจะพาไปเสวยนะเพคะ ทรงเล่าเรื่องเมืองโร่ตูให้หม่อมฉันฟังได้หรือไม่เพคะ?”
“ได้สิ!” อ๋องเว่ยรับคำ ทิ้งหยู่เหวินเห้าไว้แล้วก็ไปกับกวากวา เดินไปไม่กี่ก้าวก็หยุดใส่แว่นตาดำ แล้วหันกลับไปมองหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่งอย่างภูมิใจ และถึงได้เดินจากไปกับกวากวาอย่างสง่าผ่าเผย
หยู่เหวินเห้าหายใจติดขัด มองมู่หรูกงกง มู่หรูกงกงจึงรีบคำนับ “ข้าน้อยจะไปปรนนิบัติเจ้าหญิงพ่ะย่ะค่ะ!”
ว่าแล้วก็ทิ้งเขาแล้วจากไป
“เกินไปแล้ว!” หยู่เหวินเห้าเฮอะทีหนึ่ง แล้วกลับเข้าไปตรวจฎีกา
กวากวานำสุราขึ้นโต๊ะให้อ๋องเว่ยกาหนึ่ง กรอกจนเสด็จลุงเมาห้าหกส่วน เล่าเรื่องเมืองโร่ตูจนหมด
เจ้าดินแดนของเมืองโร่ตูก็คือกวากวา สร้างจวนขึ้นแล้ว แม่นางโจวนำทหารหญิงกลุ่มหนึ่งปราบจลาจล แต่เมืองโร่ตูก็วุ่นวายมากจริงๆ ซับซ้อนกว่าหัวเมืองอื่นๆ เล็กน้อย โดยหลักแล้วเพราะปัญหารังแกหญิงกลุ่มหนึ่งในเมือง โจรไร้หลักแหล่งตามละแวกหัวเมือง แล้วยังมีคนเป่ยโม่ที่เป็นคนพื้นที่ก่อความวุ่นวายมาถึงเมืองโร่ตู ตอนนี้แม่นางโจวค่อนข้างลำบาก แต่สองปีมานี้เขาก็ให้การช่วยเหลือ ยังพอควบคุมได้
เพียงแต่ยังมีอีกหนึ่งตัวแปร
นั่นก็คือแคว้นจินที่ติดกับชายแดนทางเหนือของเมืองโร่ตู สองปีมานี้ก็ส่งคนมารุกรานเมืองโร่ตูด้วย อ้างว่าแต่ก่อนเมืองโร่ตูเป็นดินแดนของพวกเขา แต่ถูกเป่ยโม่ชิงไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
เดิมทีแคว้นจินเป็นชนเผ่าเร่ร่อนในแถบทางเหนือ เป็นปรปักษ์กับเป่ยโม่ ห้าสิบปีก่อนขณะที่อ๋องชินเฟิงอันสู้รบกับเป่ยโม่ พวกเขาก็รวมกลุ่มเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ตั้งตัวเป็นแคว้นจิน แต่เวลานี้จำนวนประชากรแคว้นจินมีเพียงห้าแสนกว่าคน หลังจากผ่านไปห้าสิบปี ประชากรกลับเพิ่มขึ้นถึงสี่ล้านกว่าคน กลายเป็นผู้มีความสามารถ อีกทั้งเหมืองแร่ของแคว้นจินก็อุดมสมบูรณ์ แคว้นต้าหมิงซื้อแร่กับพวกเขา มีการค้าไปมา ระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่สิบปี แคว้นจินก็มั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง มีกำลังแข็งแกร่ง
เดิมทีแคว้นจินอยู่อย่างสงบมาโดยตลอด แต่สองปีก่อนเมื่ออดีตฮ่องเต้แคว้นจินสวรรคต ฮ่องเต้องค์น้อยขึ้นครองราชย์ อ๋องชินฮู่ก็ช่วยว่าราชการแผ่นดิน เริ่มเรียกแผ่นดินที่สูญเสียไปกลับคืนมา บัดนี้ที่เขาเห็นเป็นสำคัญที่สุด ก็คือการชิงเมืองโร่ตูกลับคืน
และตั้งแต่สองปีก่อน พวกเขาก็เริ่มสร้างเมืองหลวงที่เมืองวั่งโจว จะย้ายเมืองหลวงมาใกล้กับเมืองโร่ตู เมืองวั่งโจว กับเมืองโร่ตูมีเพียงแม่น้ำกั้นเท่านั้น อีกสองปี พวกเขาก็คงย้ายเมืองได้แล้ว
กวากวาได้ฟังแล้วก็มีความคาดหวัง “หม่อมฉันอยากไปดูเมืองโร่ตูสักหน่อยเพคะ”
“เจ้าอยากไป? เช่นนั้นไม่ต้องรีบ อีกสองสามปีไว้เจ้าโตแล้วข้าจะพาเจ้าไปเอง!” อ๋องเว่ยเอ่ย
เวลานี้ไปไม่ได้แน่ วุ่นวายมาก
“เพคะ ได้เพคะ!” กวากวายิ้มแย้ม แล้วถามเรื่องแม่นางโจวอีก อ๋องเว่ยชื่นชมนาง บอกว่านางเป็นแม่ทัพหาญกล้าคนหนึ่งจริงๆ ทำการใหญ่ได้
เพื่อให้กวากวาวางใจ อ๋องเว่ยจึงเอ่ย “แม่นางโจวรู้มาตลอดว่าเจ้าเป็นนายของนาง ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลว่าอีกหน่อยนางจะไม่ยอมอยู่ใต้อาณัติเจ้า นางแค่ดูแลเมืองโร่ตูให้เจ้าชั่วคราวเท่านั้น สองปีนี้ข้าอาจไปบ่อยไม่ได้ ชายแดนมีเรื่องมาก เมืองอื่นก็ต้องให้ข้าไปจัดการ เอาไว้แคว้นจินย้ายเมืองมาแล้วจริงๆ ข้าจะไปประจำการที่นั่นเอง ขจัดพวกก่อการร้ายและปราบความทะเยอทะยานของแคว้นจินให้เจ้า”
กวากวายิ้ม “เพคะ!”