บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1554 เจ๋อหลานขึ้นเขา
ครั้นนางเดินออกไป เจ๋อหลานก็ลืมตาขึ้น ดวงตาดำดุจลูกเกดจ้องอยู่กับสีเหลืองอ่อนที่อยู่ด้านบนมุ้ง ได้ยินเสียงสุนัขด้านนอก คนที่นี่น่าสนใจจริง แต่ก็ลำบากมากเช่นกัน
เมืองโร่ตูเป็นของนาง อย่างไรนางก็ต้องพยายามดูสักตั้ง ทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดี
อย่างน้องก็เป็นชีวิตที่สงบสุข
ครั้นนางตื่นขึ้นในวันถัดมาก็สวมใส่เสื้อผ้า เตรียมตัวเสร็จแล้วก็ถึงยามเหม่าพอดี หรือก็คือตีห้า ฟ้ายังมืดมาก สุนัขก็ยังหลับอยู่ เงียบสงัด
นางรออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงลวดทำความสะอาด รออย่างไรก็ไม่มีคนมา นางจึงพานกฟีนิกซ์น้อยออกไป
จูงม้าออกมาจากโรงเลี้ยงม้าแล้วก็ออกประตูจวน ยามกำลังนั่งสัปหงก พอได้ยินเสียงก็ลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เห็นเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังม้าควบม้าไป ยังไม่ทันตื่น เด็กที่ไหนกัน? คงฝันไปกระมัง?
คิดเช่นนี้แล้วก็ฟุบตัวสัปหงกต่อ
กระทั่งตื่นขึ้นมาตอนฟ้าสาง ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าจะไม่มีเด็กได้อย่างไร? นายน้อยนี่!
เข้ารีบวิ่งเข้าไป แม่นางโจวกับข่งเยี่ยนออกมาพอดี เห็นเขาทะเล่อทะล่า แม่นางโจวจึงทำหน้าขรึม “มีอะไรหรือ?”
“แม่นางโจว เจ้าหญิงน้อยออกไปตั้งแต่เช้าแล้วขอรับ” ยามรีบเอ่ย
“ออกไปแล้ว?” แม่นางโจวหันกลับมามองข่งเยี่ยน “วันนี้ตื่นมาไม่ได้ไปดูนางหรือ?”
ข่งเยี่ยนหาวทีหนึ่ง “ข้าลืมไปแล้วว่านางอยู่ที่นี่ คงดูผิดไปกระมัง? เมื่อคืนนางดมควันสลบไป อย่างน้อยต้องหลับถึงกลางวันถึงจะตื่น”
นางก็ง่วง เมื่อคืนนั่งอยู่ในห้อง สูดดมควันสลบไปนิดหน่อยเหมือนกัน ทำให้นานลืมตื่น มิเช่นนั้นก็ตื่นแต่เช้าแล้ว
แม่นางโจวหมุนตัวเดินไปทางห้องของเจ๋อหลาน ในห้องว่างเปล่า หน้าต่างสะอาดสะอ้าน บนโต๊ะไม่มีฝุ่นสักนิด ผ้าห่มก็พับไว้เป็นระเบียบมาก แม่นางโจวลูบดู ไม่มีอุณหภูมิแล้ว แสดงว่านางออกไปตั้งนานแล้ว
“แย่ล่ะ เมื่อคืนนางบอกว่าจะไปเขาลั่งซาน เราก็ไม่เก็บมาใส่ใจ นางคงไม่ได้ไปคนเดียวกระมัง?” สีหน้าข่งเยี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ไม่หรอก นางไม่รู้สักหน่อยว่าเขาลั่งซานอยู่ที่ไหน นางยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ ออกไปหากันเถอะ” แม่นางโจวรู้สึกว่านางต้องออกไปเที่ยวแน่ ก็เด็กนี่นะ อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างที่แปลกใหม่ โดยเฉพาะเมืองโร่ตูที่ไม่เหมือนกับเมืองหลวง
ข่งเยี่ยนอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย “ท่านว่านางมาทำอะไรกันนะ? สร้างเรื่องยุ่งให้พวกเราชัดๆ วันนี้เรายังต้องไปวางกับดักอีก ถูกนางทำให้เสียเวลา ประเดี๋ยวโจรลงเขามา ชาวบ้านก็จะเดือดร้อนอีก”
แม้แม่นางโจวจะโกรธอยู่บ้างเหมือนกัน แต่กลับห่วงว่านางเดินเพ่นพ่านคนเดียวอยู่ข้างนอกจะเกิดเรื่องมากกว่า อย่างไรก็เป็นเจ้าหญิง หากเกิดเรื่องนางพวกนางจะรับผิดชอบไม่ไหว
“อย่าพูดอีกเลย เรียกคนอีกหน่อยแล้วเราออกไปหาดู” แม่นางโจวว่าแล้วก็เดินออกไป
ครั้นเอ่ยถึงเจ๋อหลานควบม้าไปเขาลั่งซาน เขาลั่งซานไม่ได้อยู่ในเมืองโร่ตู แต่อยู่บนเขาที่ห่างออกไปอีกสามสิบลี้ ที่นั่นหากจะพูดจริงๆ ไม่ถือว่าเป็นอาณาเขตของเมืองโร่ตู และไม่เป็นเขตการปกครองของจวนเจียงเป่ยด้วย แต่อยู่ใกล้กับเมืองโร่ตู ดังนั้นที่โจรออกอาละวาดก็คือประชาชนของเมืองโร่ตู ไม่กล้าไปทางจวนเจียงเป่ย
ฉะนั้น ด้วยเช่นนี้เมืองโร่ตูจึงต้องแบกรับเรื่องนี้ไว้
โจรภูเขามีหลายฝักฝ่าย สลับสับเปลี่ยนลงมาปล้นแล้วถอยกลับด้วยความรวดเร็ว ครั้นกลับถึงเขาลั่งซานแล้ว คนของเมืองโร่ตูก็ไม่กล้าตามขึ้นไปอีก เพราะภูมิศาสตร์อันตรายเกินไป ทั้งยังมีกับดักอยู่ทั่ว
เมื่อถึงตีนเขา เจ๋อหลานก็ผูกม้าไว้ เดินขึ้นเขากับนกฟีนิกซ์น้อย แน่นอนว่าที่เดินนั้นคือนาง
ช่วงกลางวันแดดแรงมาก แผดเผาจนพื้นดินอุณหภูมิสูงผิดปกติ
เจ๋อหลานไม่กลัวร้อน นางชอบความร้อนมาก สำหรับนางแล้วอุณหภูมินี้สบายยิ่งนัก
ฝีเท้านางไม่เร็วไม่ช้า ราวกับเป็นการท่องเที่ยวชานเมือง หยุดเด็ดผลไม้รองท้องเป็นครั้งคราว
หลังจากนางออกมาแล้วจึงจะนึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้กินอาหารเช้าเลย หิวแล้ว
ดีที่ตลอดทางมีผลไม้หลากหลาย นางกินจนอิ่มมาก
นางดื่มด่ำกับการแผดเผาของดวงตะวัน ดวงตาดำดุจลูกเกด ไม่รู้ว่าดูดซับเปลวเพลิงแห่งสุริยันหรืออย่างไร เปลี่ยนสีไปเสียแล้ว สีแดงอมส้ม งดงามมาก
ครั้นถึงกลางเขา ชายชุดดำทะมัดทะแมงก็ขวางทางนางไว้
ในมือพวกเขาถือมีดอยู่ หน้าตาดุร้ายป่าเถื่อน มีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทั่วตัว ชั่วร้าย กระหายเลือด ครั้นยื่นมีดออกมาก็วางอยู่ที่คอของเจ๋อหลาน
แววตากำเริบเสิบสาน มองสำรวจใบหน้าของเจ๋อหลาน ราวกับหมาในที่เจอเนื้อ กระหายอย่างไม่ปกปิด
กับเด็กคนหนึ่ง ถึงกับใช้มีดวางอยู่ที่คอ เห็นได้ว่าในสายตาของพวกเขา ชีวิตด้อยค่ายิ่งกว่าหญ้าฟาง
โดยเฉพาะความโลภในดวงตา แต่การเอาแต่ตนเป็นที่ตั้งอันน่ารังเกียจนี้ ช่างน่าโมโหยิ่งนัก
เดิมพวกเขานึกว่าจะได้เห็นท่าทางเด็กสาวหวาดกลัวร้องไห้โฮ แต่นางกลับไม่ เชิดดวงตาสีแดงเพลิง มุมปากอมยิ้มมองพวกเขาอย่างนี้
ซื่อบื้อหรือ?
พวกเขาเก็บมีด แล้วโยนลงกับพื้น หนึ่งในนั้นเผยความชั่วร้ายออกมาเต็มใบหน้าแล้วเอ่ย “ครั้งที่แล้วเจ้าก่อน เที่ยวนี้ถึงตาข้าบ้างแล้ว!”
อีกคนหนึ่งยักไหล่ “ตามใจเจ้า อย่างไรก็ไม่ต้องรอนาน”
คนผู้นั้นหัวเราะเหอะๆ โผล่ฟันเหลืองออกมาเป็นแถบ น่าขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก
เขายื่นมือออกมาทางเอวของเจ๋อหลาน คิดจะแบกนางขึ้น หัวเราะร้ายเอ่ย “แม่นางน้อย เจ้ากลัวก็ร้องออกมาเถอะ ร้องช่วยด้วยสุดชีวิต ข้าชอบฟังคนตะโกนร้องช่วยด้วยมากที่สุด”
ครั้นมือแตะถูกเอวของเจ๋อหลานก็หดมือกลับพลัน ความแสบร้อนแล่นมา ฝ่ามืออย่างกับจะสุก มีไอร้อนระเหยขึ้น
เขาเจ็บจนร้องตะโกนออกมา ครั้นอีกคนเห็นแล้ว ก็รีบแกะกาสุราที่ผูกอยู่ที่เอวออก เทสุราลงบนฝ่ามือเขา
ฝ่ามือนั้นดำแดงเป็นปื้น เห็นเนื้อแล้ว
เมื่อนั้นเสียงนุ่มๆ ก็ดังมา “เจ็บหรือ?”
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นพรึบ เห็นใบหน้าเด็กสาวแขวนรอยยิ้ม ดวงตามีความอาทร แต่ไม่ว่าจะดูอย่างไร รอยยิ้มนั้นก็อย่างกับปีศาจร้าย
ชายกำยำอีกคนจึงเก็บมีดที่อยู่บนพื้นขึ้นทันที เอ่ยด้วยความโมโห “นางมารร้าย ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ไม่รอให้มีดฟันลงมา นกฟีนิกซ์น้อยก็โฉบลงมาจากท้องฟ้า กางปีกยาวๆ ออก ราวกับเครื่องบินรบที่ร่อนอยู่ ฟิ่ว! จิกตาซ้ายของชายกำยำผู้นั้น ชายกำยำไม่ทันได้ร้องโอย ก็รู้สึกว่าความเจ็บปวดจากทรวงบุกโจมตี เขากุมดวงตาล้มกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่กับพื้น
เจ๋อหลานมองตรง เดินหน้าต่อ แต่ทันใดนั้นสองคนที่อยู่เบื้องหลังก็มีไฟลุกขึ้นพรึบ แพล็บเดียวก็กลิ้งลงเขาราวกับลูกไฟ
อากาศร้อนแห้ง ใบไม้แห้งบนเขามีมาก ลูกไฟสองดวงกลิ้งลงกลับไม่ลามติดเศษหญ้าเหล่านั้น มีแต่เสียงร้องน่าอนาถไม่หยุด ทว่านานทุกอย่างก็ยุติลง
เพราะแดดแรงจนทำให้ทุกคนนึกว่าทุกอย่างเป็นมโนภาพ
เหนือใต้ออกตกของเขาลั่งซานล้วนมีโจรปักหลักอยู่ และที่ร้ายกาจที่สุดก็คือพวกที่ปักหลักอยู่ตรงกลาง
เดิมทีพวกเขาเป็นโจรภูเขาของเป่ยโม่ อาศัยการปล้นบ้านเรือยดำรงชีพ ปักหลักอยู่ที่เขาลั่งซานมาหลายปี ภายหลังโจรไร้หลักแหล่งมาจากทุสารทิศ ขึ้นเขาลั่งซานมาด้วย หัวหน้าโจรภูเขามิได้ขับไล่ แต่กลับเรียกร้องทรัพย์สินสองส่วนที่พวกเขามาชิงมาได้แทน
โจรไร้หลักแหล่งราวกับไม่สนใจข้าวของ กลับเสนอว่าจะแบ่งให้พวกเขาสามส่วน แต่มีข้อแม้ว่าในยามที่ต้องการ พวกเขาต้องให้ความร่วมมือและช่วยเหลือ
เรื่องที่จะได้ร่ำรวยด้วยกัน โจรภูเขาย่อมยินดีอยู่แล้ว
และสองคนที่ถูกเจ๋อหลานเผาตายไปเมื่อครู่ ก็คือโจรไร้หลักแหล่งที่อยู่ทางตะวันออกของภูเขา
พวกเขาเป็นหัวโจกที่สร้างปัญหา ทำให้ชาวบ้านอยู่ไม่เป็นสุข
และโหดเหี้ยมมากที่สุดด้วย
ดังนั้นเจ๋อหลานจึงมุ่งตรงไปที่เขาทางตะวันออก