บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1558 แคว้นจินจะจับนาง
จดหมายและพิราบสื่อสารทั้งหมดที่ออกจากเมืองโร่ตูล้วนต้องผ่านกรงเล็บของนกฟีนิกซ์น้อยทั้งนั้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เล็ดลอดเรื่องที่เจ้าหญิงอยู่ที่นี่ออกไป
หูหมิงส่งจดหมายหาทังหยาง ย่อมเอ่ยเรื่องที่เจ๋อหลานอยู่ที่เมืองโร่ตู แต่จดหมายฉบับนี้เมื่อถึงมือทังหยางกลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย แค่รายงานว่าปลอดภัยดีตามปกติ แล้วก็บอกว่าตนทำงานอยู่ที่เมืองโร่ตู ถามทังหยางว่าอนุญาตหรือไม่
พิราบสื่อสารของทังหยางก็ถูกนกฟีนิกซ์น้อยขวางไว้เช่นกัน
ยังคงเป็นลายมือที่เจ๋อหลานลอกเลียนแบบทังหยางเช่นเดิม บอกให้เขาช่วยเจ้าหญิงที่เมืองโร่ตูดีๆ ดูแลเมืองโร่ตูให้เรียบร้อย
ครั้นหูหมิงได้รับจดหมายจึงจะวางใจ ในเมื่อราชสำนักอนุญาตให้ทำงาน เช่นนั้นเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะจากไป
อีกอย่างเจ้าหญิงก็อยู่ที่นี่ เขาไม่วางใจไปด้วย
ดังนั้นหูหมิงจึงอยู่ที่เมืองโร่ตูทั้งอย่างนั้น รับผิดชอบดูแลความสงบ
ก่อนหน้านี้แม่นางโจวเกรงว่าจะทำให้ประชาชนไม่พอใจราชสำนัก จึงไม่ได้ปกครองอย่างเข้มงวด ทำให้ปัญหาไม่หมดสิ้น
แต่หูหมิงได้รับการแนะนำจากเจ๋อหลาน ดำเนินมาตรการเข้ม จับพวกฉก ชิง ฉุด หลอก แย่ง มาลงโทษหนักทั้งหมด
ในเวลาสองเดือนสั้นๆ ก็จับกุมได้ร้อยกว่าคน ทั้งหมดถูกส่งไปอยู่ในตาราง เป็นที่สะเทือนขวัญคนที่มีใจคิดร้าย และเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่ของเมืองโร่ตู
บัดนี้เมืองโร่ตูมีคนพรั่งพร้อม ให้ความร่วมมือทางการตรวจสอบคนร่อนเร่ได้
ผู้ใดที่สืบค้นประวัติไม่ได้ก็ขับไล่ออกจากเมืองหมด การคัดกรองนี้ตรวจสอบเจอคนแคว้นจินมากมาย พวกเขาอยู่ในเมืองโร่ตูไม่ได้ทำการค้า ไม่ได้ทำงาน แต่กลับมีเงินใช้ ย่อมเป็นพวกสอดแนมที่แคว้นจินส่งมาดูลาดเลา
ใครจะคิดว่าครั้นเด็กแปดขวบมา ปัญหาคาราคาซังหลายปีของเมืองโร่ตูจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่?
ข่าวของสายสืบส่งไปถึงแคว้นจิน หลังจากอ๋องเจิ่นกั๋วของแคว้นจินเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดชัดแล้ว สงสัยว่าเด็กแปดขวบนี้ก็คือเจ้าเมืองของเมืองโร่ตู องค์หญิงเจิ่นกั๋วธิดาของหยู่เหวินเห้าฮ่องเต้เป่ยถังนั่นเอง
แต่เด็กแปดขวบกลับทำลายเครือข่ายข่าวสารของเขาได้ นี่จะให้ยอมได้อย่างไร
อีกอย่าง เขาเป็นถึงอ๋องเจิ่นกั๋ว กลับแพ้ให้องค์หญิงเจิ่นกั๋วที่อายุแปดขวบ จะให้เอาหน้าไปไว้ที่ไหน
เขาร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อย แผนการสองปีกลับสูญเสียคนไปกว่าครึ่ง แม้แต่โจรไร้หลักแหล่งบนเขาลั่งซานก็ถูกกำจัดด้วย เช่นนี้แล้วเมื่อไรจึงจะได้เมืองโร่ตู?
เขากังวลว่าแร่ของเมืองโร่ตูจะถูกนำมาใช้ประโยชน์ แคว้นจินก็อาศัยการขายแร่ตั้งตัวขึ้นมา ต้องยึดเมืองโร่ตูให้ได้ นำแร่ออกมาขายให้แคว้นต้าเยว่กับต้าซิงต่อ แคว้นจินจึงจะรุ่งเรืองมั่งคั่ง
แคว้นจินพัฒนาแล้วจึงจะเขี่ยฮ่องเต้องค์น้อยได้ ทำให้ประชาชนยอมรับจากใจ ให้เขาขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน
ปีนี้ฮ่องเต้องค์น้อยอายุสิบขวบ หากในสองสามปีนี้ยังเขี่ยเขาทิ้งไม่ได้ วันข้างหน้าเขาเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน พอมีความสามารถ จะปลดเขาก็เป็นเรื่องยากแล้ว
อีกอย่างเจ้าเด็กนี่ตอนนี้แม้ดูใสซื่อ แต่ลับหลังเขากลับมีแผนการมากมาย
จะรอไม่ได้อีก เขาต้องชิงเมืองโร่ตูมาให้ได้
ดังนั้นเขาจึงสั่งการทันที ให้จับตัวเจ้าหญิงน้อยกลับมา ใช้นางข่มขู่หยู่เหวินเห้าฮ่องเต้เป่ยถัง บีบให้เขามอบเมืองโร่ตูมาเสีย
เขารู้ว่าเวลานี้เป่ยถังไม่อาจทำสงครามได้ กับแค่เมืองโร่ตูเมืองเดียว เป็นเมืองไร้ความหมายของเป่ยถัง หยู่เหวินเห้าต้องยินดีแลกเมืองกับธิดาตนแน่
เขารู้ว่าเมืองโร่ตูคัดกรองสายสืบได้แล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังดีที่เขายังมีทางอื่น วางแผนให้ยอดฝีมืออู่หลินจำนวนหนึ่งแอบแฝงอยู่ในเมือง แค่สั่งการไป การลักพาตัวเจ้าหญิงน้อยมาก็ไม่เป็นปัญหา
ไม่มีทางที่จะให้คนส่งสารเข้าไปได้อีก ประตูเมืองตรวจสอบเคร่งครัด ดีที่ปกติใช้พิราบสื่อสาร ดังนั้นจึงเลี้ยงพิราบสื่อสารไว้อยู่แล้วจำนวนหนึ่ง
อ๋องเจิ่นกั๋วใช้พิราบสื่อสารถ่ายทอดคำสั่งไปยังเมืองโร่ตู ให้ยอดฝีมือที่แทรกซึมอยู่ในเมืองจับตัวเจ้าหญิงน้อย หากสำเร็จจะตกรางวัลให้หนึ่งแสนตำลึง
นกฟีนิกซ์น้อยขวางพิราบสำคัญตัวนี้ได้ ดังนั้นจดหมายจึงตกอยู่ในมือเจ๋อหลาน
เจ๋อหลานอ่านคำสั่ง ขมวดคิ้วถอนหายใจเบา “ถ้าให้เสด็จพ่อข้าเห็นจดหมายฉบับนี้คงต้องโมโหตายแน่ พวกเขาเป็นแค่แคว้นจินเล็กๆ ลงขันทีก็แสนตำลึงแล้ว ถ้าให้เสด็จพ่อซื้อหัวคน ก็คงมีให้ได้แค่พันตำลึงกระมัง”
เทียบกันไปเทียบกันมา น่าโมโหชะมัด
นางเรียกแม่นางโจวเข้ามา
แม่นางโจวนึกว่านางต้องการพูดคุยแก้เซ็ง จึงล้วงเม็ดแตงกำมือหนึ่งแล้วเข้ามานั่ง “เจ้าหญิงน้อยต้องการให้ข้าน้อยอยู่สนทนาเป็นเพื่อนหรือเพคะ?”
เจ๋อหลานดึงพิราบออกมาจากกรงเล็บของนกฟีนิกซ์น้อย “คืนนี้ข้าอยากกินพิราบน้ำแดง เจ้าทำเป็นไหม?”
“เป็นเพคะ!” แม่นางโจวมองนกพิราบตัวนี้ เอ๊ะเสียงหนึ่ง “นี่พิราบสื่อสารนี่”
“ใช่ พิราบสื่อสารของอ๋องเจิ่นกั๋วแคว้นจิน จดหมายอยู่ในมือข้า เจ้าดูสิ” เจ๋อหลานยื่นกระดาษให้นาง
แม่นางโจวรับมาดู จากนั้นก็เดือดจัด “อ๋องเจิ่นกั๋วนะอ๋องเจิ่นกั๋ว เห็นเมืองโร่ตูข้าไม่มีคนแล้วหรืออย่างไร? ถึงกับกล้าลงมือกับเจ้าหญิงน้อยของข้า ข้าน้อยจะรวบรวมทหารไปหาเขาเดี๋ยวนี้แหละเพคะ!”
“มิจำเป็นต้องสร้างฉาก เมืองโร่ตูไม่มีกำลังพลอะไร” เจ๋อหลานกดมือ “เจ้าอย่างเพิ่งร้อนใจ ฟังข้าพูดก่อน”
แม่นางโจวทำหน้าขมึงตึง “ข้าน้อยมิได้จะจัดฉากเพคะ เขาประสงค์ร้ายกับเจ้าหญิงน้อยข้าน้อยแม้นต้องสู้ด้วยชีวิตก็จะไม่ปล่อยเขาไว้เพคะ”
นางเห็นสีหน้าเจ๋อหลานสงบนิ่ง จึงกลืนความโทสะลง เอ่ย “เจ้าหญิงน้อยมีดำริ เช่นนั้นก็ตรัสก่อนเถิดเพคะ”
เจ๋อหลานเลิกแขนเสื้อขึ้น “อยากได้เงินแสนตำลึงหรือไม่?”
“เพคะ?” แม่นางโจวตะลึง “อยากเพคะ…ก็ต้องอยากอยู่แล้วเพคะ แต่…เจ้าหญิง แสนตำลึงนี่ต้องจับพระองค์ไปแลกนะเพคะ”
“เช่นนั้นข้าก็ไปสิ!” เจ๋อหลานทำหน้าตาสดใส
“ได้อย่างไรเพคะ? หากให้ฝ่าบาททราบเข้า แม้นข้าน้อยจะถูกห้าม้าแยกร่างก็คลายความพิโรธพระองค์ไม่ได้แน่!”
เจ๋อหลานหัวเราะ “เจ้าไม่เชื่อว่าข้าจะกลับได้อย่างปลอดภัยหรือ?”
“มิใช่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อเพคะ แต่หากพลาดล่ะ? หากพลาด กลัวแต่เป่ยถังจะต้องตกอยู่ที่นั่งลำบาก”
เจ๋อหลานเอ่ย “เจ้ารู้จักท่านอาจารย์ข้าหรือไม่?”
“ไม่เพคะ!”
“ท่านอาจารย์ข้าเป็นผู้เก่งกล้ามาก สมัยก่อนเขาก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน หลอกเงินก้อนโตจากมือแม่ทัพใหญ่ฉินของเป่ยโม่ วิธีนี้ได้ผลดีมาก แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้ามั่นใจว่าจะรอดกลับมาได้”
แล้วยังพลิกเขาจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ด้วย!
ครั้นเห็นท่าทางแม่นางโจวจะคัดค้าน เจ๋อหลานก็หลอกล่อ “แสนตำลึง ทำอะไรที่เมืองโร่ตูได้บ้างเจ้ารู้ไหม?”
“จะไม่รู้ได้อย่างไรเพคะ? รู้ดีเชียวแหละ ข้าน้อยต้องการเงินก้อนนี้มาก” แม่นางโจวอัดอั้นอยู่ในใจ หลายปีมานี้ก็เพราะไม่มีเงิน หลายเรื่องที่อยากทำจึงทำไม่ได้ จวนก็ไม่มีเงินจะตกแต่ง
ยังครึ่งๆ กลางๆ อยู่เลย
“แต่ไม่ได้เพคะ!” เงินหลอกล่อนางโจวไม่ได้ หลักๆ เพราะเจ้าหญิงน้อยจะเกิดเรื่องไม่ได้เป็นอันขาด
ดวงตาเจ๋อหลานเป็นประกาย “ข้าขอถามเจ้า เจ้าแค้นอ๋องเจิ่นกั๋วหรือไม่?”
แม่นางโจวกัดฟันกรอด “แค้นเข้ากระดูกดำเพคะ!”
“เช่นนั้นยังมีอะไรจะจี้หัวใจเขามากไปว่าการเสียเงินแสนตำลึงไปเปล่าๆ แต่สุดท้ายยังจับตัวข้าไม่ได้อีกหรือ?”
“เออ…”
“เอาตามนี้แหละ!” เจ๋อหลานตบบ่านาง “เอาล่ะ ตอนนี้ไปทำพิราบน้ำแดงเถอะ ข้าหิวแล้ว!”
แม่นางโจวอุ้มพิราบลุกขึ้นยืน ในใจยังกังวลไม่สงบ เพื่อเงินแสนตำลึง จะเสี่ยงไปหน่อยกระมัง? ส่งคนไปชิงมาเลยไม่ดีกว่าหรือ
“ข้าน้อยคิดว่าไม่เหมาะเพคะ” นางหันตัวกลับ
“ไปเรียกหูหมิงมา เขาแปลกหน้า เหมาะจะเป็นยอดฝีมืออู่หลินมากที่สุด” เจ๋อหลานเมินคำพูดนางแบบอัตโนมัติ เข้าสู่ภาวะสนใจแต่ตัวเอง
“เจ้าหญิงน้อยโปรดพิจารณาใหม่ด้วยเพคะ!”
เจ๋อหลานตะโกนอยู่หน้าประตู “พี่หู เขามาสิ!