บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1559 ไปเอาเงิน
ครั้นหูหมิงได้ฟังข้อเสนอของเจ๋อหลานแล้วก็ตกใจจนเบิกตาโพลงไม่หยุด “ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ! ไม่ได้เด็ดขาด ข้อเสนอนี้ไม่ดีสักนิด!”
ใบหน้าน้อยๆ ของเจ๋อหลานขมึงตึง เอ่ย “หูหมิง นี่คือคำสั่ง!”
ปกตินางมักจะอ่อนโยน แต่หากขมึงตึงขึ้นมากลับมีความน่าเกรงขามอย่างที่ไม่อาจมองข้าม
ดวงตาหูหมิงจดจ้อง เอ่ยอย่างยากลำบาก “คำสั่งก็ไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ อันตรายเกินไป”
“หากเจ้าไม่ทำ ข้าก็จะหาคนอื่น เรื่องที่ข้าตัดสินใจแล้ว ไม่เคยเปลี่ยน” เจ๋อหลานเอ่ยเรียบ
หูหมิงมองแม่นางโจวที่อุ้มพิราบ เคืองเล็กน้อย “เจ้าไยไม่เตือนเล่า?”
แม่นางโจวรู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจเกลี้ยกล่อมนายน้อยได้ นางทำหน้าขมึงตึงแล้ว ไหนเลยจะเปลี่ยนได้อีก จึงหันตัวแล้วเอ่ย “ตัวข้ามีภารกิจอยู่ ข้าต้องไปตุ๋นพิราบแล้ว”
“น้ำแดง!” เจ๋อหลานแก้ไข
“เพคะ ข้าน้อยจะไปทำพิราบน้ำแดงแล้ว” แม่นางโจวสาวเท้าเดินจากไป
เจ๋อหลานที่กินพิราบแล้ว เตรียมการเรียบร้อยพร้อมสรรพ หูหมิงยังอย่างพูดเกลี้ยกล่อม แต่เจ๋อหลานยื่นคำขาด “เจ้าไม่ทำก็มีคนอื่นทำ”
หูหมิงเดือดจัด เหตุใดเจ้าหญิงน้อยจึงเอาแต่ใจเช่นนี้?
ข่งเยี่ยนเตือนหูหมิงอยู่ด้านข้าง “ใต้เท้าหู เจ้าหญิงน้อยทรงเก่งมาก ข้าน้อยเชื่อว่าเจ้าหญิงจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย โจรบนเขาลั่งซานยังถูกเจ้าหญิงกำจัดด้วยองค์เอง พวกเราแค่ไปนับศพทีหลังเท่านั้น”
หูหมิงย่อมรู้ความเก่งกาจของเจ๋อหลานดี ตอนที่นางขวบกว่าก็รู้จักเผาบ้านแล้ว
แต่หากผิดพลาดจะทำอย่างไร? พลังวางเพลิงอะไรพวกนั้น ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อถือ รู้สึกอย่างกับจะหมดพลังได้ทุกเมื่อ
เขาเอ่ยแข็งกร้าว “ข้าไม่เห็นด้วยแน่นอน ฆ่าข้าให้ตายก็ไม่เห็นด้วย”
เรื่องนี้ไม่ต้องพูดให้มากความอีก ถึงตายก็ไม่ยอม!
ค่ำวันถัดมา หูหมิงสวมชุดดำ แอบเข้าจวน แต่นอกจากเขาแล้วยังมียอดฝีมืออีกนามหนึ่งเข้ามาด้วย เห็นชัดว่ามาเพื่อเจ๋อหลาน เป็นศัตรูมุ่งร้าย
หูหมิงคิดแผนการได้พลัน กดเสียงต่ำ “เจ้าก็มาเพื่อความร่ำรวย ไยเราไม่ร่วมมือกันเล่า? ได้เงินมาก็แบ่งกัน”
นี่ย่อมเพื่อลดความเสี่ยง ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากอ๋องเจิ่นกั๋วแคว้นจิน และจะได้ไม่ถูกชิงไประหว่างทาง เพราะคนที่ลักลอบเข้าจวนได้ต้องมีวรยุทธ์สูงแน่ ทั้งตลอดทางที่ออกเมืองยังต้องพบกับคนอื่นๆ ที่ต้องการเงินรางวัล ตัวคนเดียวยากจะรับมือ หาคนช่วยเพิ่มสักคนก็ดี เป้าหมายเดียวกันก็สู้กับคนอื่นร่วมกันได้
อีกฝ่ายเห็นหูหมิงฝีมือว่องไว และไม่คิดแย่งชิงให้มาก ดังนั้นจึงเห็นด้วย
ทั้งสองลักลอบเข้าจวน ท่าทางหูหมิงราวกับมาดูลาดเลาก่อนแล้ว ตรงดิ่งไปที่ห้องของเจ๋อหลานทันที ล้วงควันสลบออกมา ใช้นิ้วมือเจาะกระดาษหน้าต่าง
ผ่านไปพักหนึ่ง หูหมิงก็ผลักประตูเข้าไป คนผู้นั้นรีบตามติดๆ ในห้องมืดสนิท มีหญิงนางหนึ่งเฝ้ายามกลางคืนฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ เด็กสาวบนเตียงก็เงียบนิ่งเช่นกัน
หูหมิงอุ้มเจ๋อหลานขึ้นมา กดเสียงต่ำ “ไป”
หูหมิงพาอีกคนมาด้วย รถม้ารอรับอยู่ด้านนอก ทั้งสองเพิ่งข้ามกำแพงออกไปก็ได้ยินเสียงตะโกนตามหลัง “ใครน่ะ? ใคร?!”
จากนั้น…เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอย่างร้อนรน หูหมิงรีบเอ่ย “รีบไป ออกนอกเมือง!”
เขาอุ้มเจ๋อหลานกระโดดขึ้นรถม้า คนผู้นั้นก็รีบกระโดดขึ้นไปเช่นกัน คนขับรถม้าลงแซ่ จากไปอย่างรวดเร็ว
รถม้าออกนอกเมืองไม่ได้ ดังนั้นจึงทิ้งรถม้าไว้ที่เขาทางเหนือ แล้วทั้งสองก็ใช้ผ้าห่มอุ้มเจ๋อหลานข้ามภูเขาไป
การไปแคว้นจินไม่จำเป็นต้องออกนอกเมืองเสมอไป ขอเพียงกล้าข้ามภูเขาลูกนี้ก็สามารถถึงชายแดนแคว้นจินได้ แคว้นจินสร้างเมืองอยู่ทางนี้ แม้ยังไม่ย้ายเมืองมา แต่ก็สร้างจวนเรียบร้อยแล้ว และอ๋องเจิ่นกั๋วกับฮ่องเต้องค์น้อยก็อยู่ที่จวนนั่น
ระหว่างทางแลกเปลี่ยนชื่อแซ่กัน คนผู้นั้นชื่อหลางโถว ส่วนหูหมิงก็บอกไปว่าตนชื่อทังหมิง เห็นชัดว่าทั้งสองกลบเกลื่อนชื่อแซ่ แต่ก็ไม่มีใครซักไซ้ เพียงแต่จินตนาการว่าสำเร็จแล้วก็จะได้แบ่งเงินกัน
ระหว่างทางที่ข้ามเขา หลางโถวเสนอตัวจะหามเจ้าเมืองน้อย หูหมิงปฏิเสธพลัน เจ้าหญิงสูงสั่งดั่งทองพันชั่ง จะให้คนผู้นี้แตะต้องได้อย่างไร?
คนขับรถม้าไม่ได้ตามไปด้วย ดังนั้นตลอดทางจึงมีเพียงสามคน กระทั่งฟ้าใกล้สางแล้วเจ๋อหลานถึงตื่นขึ้นมา ดิ้นอยู่ในผ้าห่ม หูหมิงจึงรีบวางนางลง
หลางโถวเดือดจัด “เจ้าปล่อยนางออกมาได้อย่างไร? ถ้านางร้องขึ้นมาเล่า?”
“เจ้าโง่หรือ? ที่นี่มีแต่ป่าแต่เขา ร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครได้ยิน แต่ถ้าอุดอู้จนนางตาย ไม่ได้เงินรางวัลสิจะแย่” หูหมิงเอ่ยอย่างชั่วร้าย
หลางโถวคิดแล้วก็เห็นว่าจริง “เราต้องการเงิน ไม่ต้องการชีวิต จะทำนางตายไม่ได้”
แม้เจ๋อหลานจะตื่นแล้ว แต่ท่าทางเหมือนสูดควันสลบยังมึนๆ เบลอๆ เอาแต่ถามว่านี่คือที่ไหน
เขามองท่าทางน่าสงสารของเจ๋อหลานแวบหนึ่ง จากนั้นก็เบนสายตาออก “เหตุใดเจ้าจึงมาทำงานนี้?”
หูหมิงจึงถามอีกไปประโยค “โอกาสได้เงินมากขนาดนี้มีไม่มาก มีโอกาสก็ต้องคว้าไว้นะสิ”
“ต่อไปเจ้าอย่าทำเลย เราแบ่งกันคนละห้าหมื่นตำลึง พอใช้เหลือเฟือตลาดชีวิต เรื่องผิดต่อฟ้าดินเช่นนี้ ทำหนหนึ่งแล้วมิอาจหวนคืน” หลางโถวกลับโผล่มโนธรรม
หูหมิงประหลาดใจเล็กน้อย การลักลอบเข้าจวนจับตัวเจ้าหญิง เป็นความผิดใหญ่หลวงจริง แต่ฟังจากสำเนียงเขาแล้วก็เป็นคนเป่ยถังเหมือนกัน หากไม่ใช่เพราะยากจนข้นแค้นหรือโลภมากจะเสี่ยงภัยหัวหลุดนี้ได้อย่างไร?
หลางโถวเงียบ พักครู่หนึ่งแล้วจึงข้ามเขาต่อ
เพียงแต่เดินไปเรื่อยๆ หลางโถวก็รู้สึกประหลาดใจมาก “แถบนี้มีสัตว์ร้ายมาก เราเดินมานานขนาดนี้แล้ว เหตุใดแม้แต่แมลงสักตัวก็ไม่เห็นเล่า? แปลกจริง”
จุดนี้หูหมิงก็แปลกใจเหมือนกัน
ปกติภูเขาแถบนี้จะมีคนสัญจรน้อยมาก เพราะต้องผ่านป่าทึบ ในป่าทึบยังมีสัตว์ป่าดุร้าย มีงูหลามยักษ์กับงูพิษ คนที่เข้าไปมีแต่พวกรนหาที่ตายทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ ถึงที่นี่จะเป็นตะเข็บชายแดนของเมืองโร่ตูกับแคว้นจิน แต่คนของทั้งสองแคว้นก็ไม่ได้ขีดเส้นพรมแดนตรงนี้ ทางเป่ยถังถอยไปที่เมืองโร่ตู ส่วนแคว้นจินก็ถอยไปที่เมืองฝานโจ้ว
ถึงจะไม่มีแมลงพิษสัตว์ร้าย แต่เพื่อความรอบคอบ ก่อนเข้าป่าทึบหูหมิงได้โรยผงสงหวงที่พกติดมากับตัวแล้ว โดยเฉพาะที่ตัวของเจ๋อหลานก็โรยไว้มาก เกรงจะเกิดเหตุร้าย
ที่จริงเขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเจ้าหญิงต้องเดินผ่านทางนี้ไปด้วย ฝ่าด่านประตูเมืองไปไม่ดีกว่าหรือ?
หลางโถวนับถือหูหมิงมาก ยกมือคารวะเอ่ย “พี่ชายท่านคิดการณ์รอบคอบจริง”
หูหมิงเอ่ยเรียบ “อยู่ข้างนอกต้องเตรียมพร้อม เห็นเจ้ามามือเปล่า คงทำเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรกกระมัง?”
หลางโถวหัวเราะเย้ย “ครั้งแรก และจะเป็นครั้งเดียวด้วย”
หูหมิงนึกถึงคำพูดเขาเมื่อครู่แล้วจึงอดถามไปไม่ได้ “ครั้งแรกหรือ? แล้วเหตุใดเจ้าจึงเดินทางสายนี้ได้?”
“ต้องการเงิน น้องสาวข้าป่วย ไม่มีเงินรักษา!” หลางโถวดูคับอกเล็กน้อย แต่ไม่นานก็ปรับอารมณ์ได้ “ท่านวางใจเถอะ ในเมื่อข้าตัดสินใจทำแล้ว ก็จะไม่กลับคำเด็ดขาด ต้องส่งคนให้ถึงมืออ๋องเจิ่นกั๋ว เอาเงินรางวัลมาแน่ ไม่ทำให้เสียงานใหญ่หรอก”
“ได้ เช่นนั้นก็ออกเดินทางเถอะ!” เขาแบกเจ๋อหลาน ปีนป่ายต่อ
“ข้าจะไปดูข้างหน้าหน่อย ดูสิว่ามีอันตรายหรือเปล่า” หลางโถวว่าแล้วก็ถือกระบี่เดินไป
เขาเดินไปไกลประมาณร้อยเมตร รู้สึกได้ว่ามีอันตรายรอบด้าน มีดวงตาราวกับประกายเป็นคู่ๆ แอบแฝงอยู่ในที่ลับ ครั้นสูดดมกลิ่นนั้น…หมาป่า?
หลางโถวตกใจวิ่งกลับทันที ห้ามหูหมิงไว้ “ไปข้างหน้าต่อไม่ได้ มีหมาป่า!”
หูหมิงตะลึงงัน “เช่นนั้นหรือ?”
เจ๋อหลานเกาหลังเขาเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เดินหน้าต่อ
หูหมิงอดไม่ไหวพูดออกไป “มีหมาป่า ไปไม่ได้แล้ว”
เจ๋อหลานกระตุกเส้นผมเขา พูดแบบแทบไม่ได้ยิน “ไปต่อ!”
แต่คิดไม่ถึง หลางโถวกำลังภายในล้ำเลิศกลับได้ยินเข้า นึกว่าหูหมิงเอ่ย เขาจึงประหลาดใจถาม “เดินต่อ? ไม่กลัวอันตรายหรือ?