บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1560 น้ำชนะไฟ
หูหมิงจึงได้แต่พูดไปทั้งอย่างนั้น “ใช่ ไปต่อ อย่างไรอยู่ตรงนี้ก็อันตราย ฝูงหมาป่าต้องมาอยู่ดี”
หลางโถวคิดแล้วก็เห็นด้วย หลบไปก็หลบไม่พ้น เพราะระยะใกล้ขนาดนี้ เขาจึงชักกระบี่ออกมา “ได้ ท่านปกป้องเจ้าหญิงน้อยให้ดี ข้าจะจัดการกับฝูงหมาป่า มีโอกาสพวกท่านก็ไปเสีย ข้าวิชาตัวเบาดี จะตามไปทีหลัง”
พวกเขาเตรียมการพร้อม แต่ตลอดทางข้างหน้ากลับไม่พบฝูงหมาป่า ปกติราวกับเดินอยู่บนถนนหมู่บ้าน
หลางโถวประหลาดใจหนัก เห็นฝูงหมาป่าแล้วชัดๆ เหตุใดจึงไม่เข้ามาโจมตี? หรือว่ากินอิ่มแล้ว?
พิลึกจริง!
หลังจากฟ้าสาง เส้นทางก็สะดวกยิ่งกว่าเดิม มีดวงตะวันส่องทาง กอปรกับป่าทึบไม่ร้อน เย็นสบายมาก
เจ๋อหลานลงมาเดินเอง เดิมหลางโถวยังคิดว่านางจะร้องไห้ฟูมฟาย ไหนเลยจะรู้ว่านางเดินตามพวกเขาแต่โดยดี แล้วยังมองชะเง้อชะแง้มอง นั่งยองพลิกดูก้อนหินเป็นพักๆ
เขาแปลกใจหนักกว่าเดิม แต่หูหมิงอธิบาย ว่าคงนึกว่าตัวเองหนีไม่รอดแล้ว ก็เลยสงบเสงี่ยมจะได้ไม่ลำบาก
แต่หลางโถวยอมรับการอธิบายนี้ไม่ได้ ผู้ใหญ่ปกติมีความคิดเช่นนี้ไม่แปลก แต่เจ้าหญิงน้อยเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
แต่นางไม่ร้องไห้โหวกเหวกก็ทำให้นางร้องไห้ไม่ได้กระมัง? ดังนั้นจึงได้แต่เดินทางต่อด้วยความรู้สึกแปลกเช่นนี้
ครั้นผ่านป่าทึบแล้ว ก็เป็นภูเขาที่ค่อนข้างโล่งเตียน ภูเขาเป็นสีแดงส้มไม่ก็เป็นสีดำ มีหญ้าแต่ไม่มาก
เจ๋อหลานมองอย่างพอใจ ที่นี่นี่แหละ หากจะให้เมืองโร่ตูหลุดจากความยากจน ก็ต้องอาศัยภูเขาใหญ่เหล่านี้
แต่ภูเขาเหล่านี้เชื่อมติดกับแคว้นจิน เวลายังไม่แน่ชัดว่าตรงไหนเป็นของแคว้นจิน ตรงไหนเป็นของเมืองโร่ตู นี่เป็นปัญหาประวัติศาสตร์ที่เป่ยโม่กับแคว้นจินหลงเหลือเอาไว้ เส้นแดนไม่ชัดเจน หากจับมือกันใช้ได้ก็จะดีที่สุด เกรงแต่แคว้นจินจะโลภมาก ต้องการยึดไปทั้งหมด
แคว้นจินคิดมาตลอดว่าเมืองโร่ตูเป็นของพวกเขา ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือใช้จึงไม่มาก
แต่ไม่เป็นไร อาจารย์แม่เคยสอนไว้ เมื่อเจรจาด้วยเหตุผลไม่ได้ หมัดก็จะมีความหมาย หากหมัดแข็งไม่พอ สมองก็เป็นของดี
หมัดของเมืองโร่ตูไม่แข็งพอ ครั้นจะยึดแคว้นจินก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเวลานี้จึงต้องใช้สมองสักหน่อย
เดินทางสองวันสองคืน สุดท้ายทั้งสามก็เดินออกจากเขาใหญ่แล้ว
หลางโถวเหนื่อยจัด หูหมิงก็หอบเช่นกัน มีแต่เจ๋อหลานที่เรียบเฉย สีหน้าคงเดิม หายใจปกติ
หลางโถวประหลาดใจหนักยิ่งกว่าเดิม
ครั้นทั้งสองพาเจ๋อหลานลงเขาแล้วก็มุ่งตรงไปที่จวนชั่วคราวของแคว้นจินทันที ขอพบอ๋องเจิ่นกั๋ว บอกว่ามารับเงินรางวัล
รออยู่ครู่หนึ่งแล้วอ๋องเจิ่นกั๋วก็ออกมา
อาภรณ์ลายมังกรดำล้วน ตามแบบฉบับอ๋องชิน แต่ทำได้ไม่ถือว่าวิจิตรบรรจง เห็นได้ว่าฝีมือการปักเย็บแย่มาก ผ้าไหมแคว้นจินไม่ขึ้นชื่อ ล้วนอาศัยของที่เป่ยถังส่งไปทั้งนั้น
อ๋องเจิ่นกั๋วอายุประมาณสามสิบหกสามสิบเจ็ด รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา แต่บุคลิกอ้อนแอ้น ความอ้อนแอ้นนี้ถึงขนาดกลบทับความทรงอำนาจของเขา เขาเลิกชุดนั่งบนเก้าอี้ไท่ซือ รอจนหลางโถวและหูหมิงคารวะแล้ว นัยน์ตาของเขาจึงตกทอดมาที่ใบหน้าของเจ๋อหลาน
เวลานี้เจ๋อหลานก้มหน้าอยู่ ท่าทางเหมือนกลัวมาก สายตาล่องลอยมองไปทั่วไม่หยุด ความหวาดกลัวทำให้สองขานางสั่นระริก
อ๋องเจิ่นกั๋วเอ่ยเรียบ “ข้าจะรู้แน่ชัดในฐานะนางได้อย่างไร?”
หูหมิงหยิบป้ายคำสั่งหงส์ออกมา “ท่านอ๋องโปรดทอดพระเนตร!”
นี่เป็นป้ายคำสั่งที่แกะสลักขึ้นใหม่ตอนได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงเจิ่นกั๋ว มีพระนามอิสริยศักดิ์ของนางอยู่
ลวดลายป้ายคำสั่งทำขึ้นเฉพาะ เป็นแผ่นป้ายของราชวงศ์ ทำเทียมไม่ได้ อ๋องเจิ่นกั๋วพบเห็นมามาก ย่อมเคยเห็นป้ายคำสั่งของราชวงศ์เป่ยถัง
เขาผายมือให้คนนำตั๋วเงินมาพับหนึ่ง หูหมิงมองแวบหนึ่ง เป็นตั๋วเงินตราแคว้นที่แคว้นจินทำออกมา ตั๋วเงินชนิดนี้สามารถแลกเป็นทองหรือเงินกับโรงแลกได้ทุกแห่ง
ทั้งสองหยิบตั๋วเงิน แบ่งกันทันที ต่างคนต่างถือห้าหมื่นตำลึง จากนั้นก็ลากลับ
หูหมิงทำตามคำสั่ง หยิบเงินแล้วก็ไป ที่จริงในใจเขากระวนกระวายนัก แต่คำสั่งของเจ้าหญิงเป็นเช่นนี้ เขาต้องปฏิบัติตาม หวังแต่แม่นางโจวจะไม่หลอกเขา ว่าเจ้าหญิงเป็นคนเผาโจรบนเขาลั่งซาน เช่นนั้นเจ้าหญิงก็มีความสามารถหนีจากที่นี่ไปได้
แต่จะเสียเรื่องก็เสียที่หลางโถวนี่แหละ
เดิมทีเขาเดินออกไปแล้ว แต่พอหันย้อนมามองกลับเห็นองครักษ์สูงใหญ่คนหนึ่งบีบไหล่ของเจ๋อหลานรุนแรง ทันใดนั้นเขาก็หยุดฝีเท้าแล้ววิ่งกลับไปผลักองครักษ์แบบไม่คิด ปกป้องเจ๋อหลานอยู่ข้างหลัง “ข้าขอกลับคำ ข้าไม่เอาเงินแล้ว ข้าจะพานางกลับ!”
ไม่เพียงแต่คนในจวนทั้งหมดที่ตะลึงงัน แม้แต่เจ๋อหลานก็ชะงักกึกด้วย เงยหน้ามองหลางโถว ตลอดทางที่มาก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีมโนธรรมเช่นนี้นี่
ทำไมจู่ๆ ก็มามีมโนธรรมได้เล่า?
อ๋องเจิ่นกั๋วทำหน้าเครียด ยิ่งดูอ้อนแอ้นเย็นชาร้ายกาจ “มาแล้วยังจะกลับได้อีกหรือ? ตะเพิดออกไป!”
หลางโถวรีบคิดจะอุ้มเจ๋อหลาน แต่กลับถูกองครักษ์สูงใหญ่คนนั้นวาดกระบี่ใส่ หลางโถวถอยหนึ่งก้าว ล้วงตั๋วเงินออกมา เอ่ยอย่างลำบาก “ข้า…ข้าไม่เอาแล้ว ตั๋วเงินคืนให้พวกเจ้า”
องครักษ์ในจวนรีบช้อนเอวเจ๋อหลานอุ้มออกไป หลางโถวตามไปด้วย ครั้นหูหมิงเห็นดังนั้นก็โมโหจัด ตามไปเช่นกัน กลัวว่าต่อสู้กันจะทำร้ายถูกเจ้าหญิง
เพียงแต่…ทั้งสองหาใช่คู่ต่อสู้ขององครักษ์มากมายขนาดนั้นไม่ ผ่านไปร้อยกว่ากระบวนท่า พวกเขามีแต่จะโดนอัด มองเจ๋อหลานถูกพาตัวไปต่อหน้าต่อตา
เจ๋อหลานมาด้วยมีแผนการ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเป็นเรื่องเช่นนี้ ทั้งจะเอ่ยปากให้พวกเขาไปก็ไม่ได้
ระหว่างที่หูหมิงประมืออย่างยากลำบาก ครั้นเห็นสบโอกาสก็ไม่สนใจอะไรอีก รีบฉุดหลางโถวหนีไป
เจ๋อหลานที่มองอยู่ตรงหน้าทางเดินแอบโล่งอก
แต่ยังไม่ทันได้โล่งอกจริงก็เห็นเงาสูงใหญ่ปกคลุมมา นางเงยหน้าขึ้น สบกับนัยน์ตาเย็นชาของอ๋องเจิ่นกั๋ว
“เพื่อเงินแสนตำลึง เจ้าหญิงถึงกับยอมมาเสี่ยงภัย คุ้มหรือ? ต่างเล่าว่าราชวงศ์เป่ยถังข้นแค้น บัดนี้เห็นแล้วเป็นจริงดังนั้น!” เสียงของเขาไม่เร็วไม่ช้า
เขารู้แล้ว!
เจ๋อหลานจึงไม่เล่นละครอีก ดิ้นหลุดออกจากการควบคุมขององครักษ์ ยิ้มยิงฟัน “ได้ยินว่าแคว้นจินขายแร่มาหลายปี ได้เงินทองมากมาย บัดนี้เห็นแล้วก็เป็นจริงดังนั้น รู้ว่าเรามาเพื่อเงิน แล้วยังยอมให้ไปอีก”
อ๋องเจิ่นกั๋วยังอยากเห็นความหวาดกลัวสักนิดจากดวงตาของนาง แต่…เขาต้องผิดหวัง “การแลกเปลี่ยนยุติธรรม หนึ่งแสนตำลึงข้าให้ไปแล้ว สำหรับเจ้าหญิงก็ยินดีมาเป็นแขกที่แคว้นจินเราเอง มิได้บังคับ เจ้าหญิงเห็นด้วยหรือไม่”
“เห็นด้วย!” เจ๋อหลานพยักหน้า
อ๋องเจิ่นกั๋วยกดวงตาขึ้น ความโหดเหี้ยมค่อยๆ ก่อตัวในดวงตา “แต่ไหนมาก็ได้ยินว่าเจ้าหญิงรู้วิชาคุมอัคนี เพียงแต่ไม่รู้ว่าถูกขังอยู่ในคุกน้ำแล้วยังจะใช้ไฟได้อีกหรือเปล่า?”
เจ๋อหลานชะงัก “คุกน้ำ?”
อ๋องเจิ่นกั๋วยิ้มเย็น “นำตัวเจ้าหญิงไปที่คุกน้ำ ไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามนางออกมา!”
คุกน้ำอยู่ใจกลางทะเลสาบของจวน ในทะเลสาบมีน้ำแข็งยักษ์ก้อนหนึ่ง น้ำแข็งยักษ์เจาะโพรง ในนั้นมีเรือนเล็กๆ หลังหนึ่ง
ร้อนขนาดนี้ กลางทะเลสาบกลับมีน้ำแข็ง นัยน์ตาเจ๋อหลานเปลี่ยนเป็นสีแดงอ่อนพลัน หรือว่า…?
“เจ้าหญิงรู้วิชาคุมอัคนีหรือไม่เคยได้ยินหรือว่ามีคนรู้วิชาคุมน้ำแข็งด้วย?” เสียงของอ๋องเจิ่นกั๋วดังมาจากด้านหลัง เจือกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย
เจ๋อหลานหันกลับ มองอ๋องเจิ่นกั๋ว “ผู้ที่รู้วิชาคุมน้ำแข็ง มิใช่ท่าน เป็นใคร? เขาอยู่ที่ไหน?”
อ๋องเจิ่นกั๋วเอ่ยเสียงเย็น “เจ้ามิต้องถาม แค่รอเสด็จพ่อเจ้าเอาเมืองโร่ตูมาแลก เจ้าก็จะเป็นอิสระแล้ว”
เจ๋อหลานไม่พูดอีก เดินตามองครักษ์ไป แต่รู้สึกแปลกนิดหน่อย หรือว่าอ๋องเจิ่นกั๋วผู้นี้ไม่มีความรู้พื้นฐาน? น้ำสามารถต้านไปได้ แต่…ไฟก็หลอมรวมกับน้ำแข็งได้มิใช่หรือ?
อีกอย่าง ที่นางรู้ก็ไม่ใช่วิชาคุมอัคนีอะไรนั่น
และอีกอย่าง ติดตามท่านอาจารย์หลายปีขนาดนี้ หากนางรู้แต่การควบคุมไฟ เช่นนั้นหลายปีนี้ก็เสียทีที่ติดตามแล้ว