บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1565 อย่างไรก็ต้องให้ความสำคัญ
หนึ่งประตูสองหมาป่าสองเสือหนึ่งฟีนิกซ์ ที่แบกสัมภาระเอาไว้ปรากฏตัวขึ้นในยุคปัจจุบันอีกครั้ง ให้ข้ออ้างดีๆว่ากลับมาร่วมเทศกาลไหว้พระจันทร์
แต่ลับหลังแล้วได้ขอร้องคุณตาคุณยายและคุณลุงเป็นหนักหนา ว่าอย่าได้พูดอะไรออกไปต่อหน้าท่านพ่ออย่างเด็ดขาด
คุณแม่หยวนกับศาสตราจารย์หยวนนึกว่าพวกเขากลับไปยังเป่ยถังมาตลอด กลับไม่รู้เลยว่าที่แท้พวกเขาไปยังเมืองที่ห่างไกลโดยปิดบังพ่อแม่เอาไว้ ตกใจจนหัวใจแทบจะวาย
ท่านด้านฉีฮั่วนั้นเกลี้ยกล่อมง่าย เขานั้นเลี้ยงดูเจ๋อหลานอย่างอิสระ ในเมื่อ ไม่ว่าคนจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงเขาอยากจะพบ ก็สามารถพบได้ทันที
กลางคืนก็ตัวติดกับอาจารย์แม่พูดถึงเรื่องของเมืองโร่ตู ยังพูดถึงเรื่องของฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจินด้วย
อาจารย์แม่ขมวดคิ้วขึ้นมา “ลักพาตัวเจ้าไป แล้วเจ้าไม่ปล่อยไฟเผาแคว้นจินของเขาหรือ”
“อาจารย์แม่ ท่านเป็นคนสอนข้าเองมิใช่หรือว่าไม่ให้ฆ่าคนตามอำเภอใจ”เจ๋อหลานถาม
“นั่นไม่เรียกว่าฆ่าตามอำเภอใจ นั่นเป็นการฆ่าโดยมีเหตุผล ใครใช้ให้เขาจับตัวเจ้าไป ”เจ๋อหลานทูนหัวของอาจารย์แม่ ไม่ต่างไปจากยายหยวนกับเจ้าห้าเลยสักนิด เพราะว่าอยู่ข้างกายมานานหลายปี นับว่านางเป็นคนเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมาด้วยมือตนเอง
“เช่นนั้นครั้งหน้าข้าจะไม่ให้ใครรังแกได้อีก ไม่รู้ว่าฮ่องเต้น้อยจะสามารถแย่งอำนาจคืนมาได้อย่างราบรื่นหรือไม่ ”ตอนนี้จิตใจของเจ๋อหลานสงบลงแล้ว เพิ่งจะนึกถึงเรื่องของฮ่องเต้หนุ่มน้อยขึ้นมาได้
อาจารย์แม่เหลือบมองนางแวบหนึ่ง “ทำไมจึงเป็นห่วงเขาขึ้นมาได้”
“เขาบอกว่าจะแต่งงานกับข้า”เจ๋อหลานนึกถึงแววตาที่จริงจังของหนุ่มน้อย มือเท้าคาง หวังว่าเขาจะสบายดี
อาจารย์แม่ขมวดคิ้ว “กวาเอ๋อ เจ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ก็คิดถึงเรื่องแต่งงานแล้วหรือ หญิงสาวจะแต่งงานเร็วเกินไปไม่ได้ อย่างน้อยต้องรอให้อายุสามพันปีค่อยคิดเรื่องนี้ หลังจากนี้สองสามพันปีหากเขายังมีชีวิตอยู่ ค่อยว่ากันอีกที”
เจ๋อหลานปากยื่น พูดยิ้มๆว่า “สองสามพันปี เขาไม่ใช่ท่านเสียหน่อย”
อาจารย์แม่กอดนางเอาไว้ รู้สึกเอ็นดูจนเรียกได้ว่าซึมลึกเข้าไปในหัวใจแล้ว “กวาเอ๋อเอ๋ย อาจารย์แม่คงอดไม่ได้ที่จะให้เจ้าแต่งงาน แต่ว่า อาจารย์ยังไม่ใช่คนที่เสียดายเจ้าที่สุด ด่านของพ่อเจ้า ยาก”
เจ๋อหลายหัวเราะและพูดว่า “อาจารย์แม่ ข้าไม่ได้บอกว่าจะแต่งเสียหน่อย ข้าเพิ่งจะอายุแค่นี้ เพียงแต่นึกถึงเรื่องนี้แล้วรู้สึกสนุก จึงเล่าให้ท่านฟัง ท่านอย่าได้เอ่ยกับท่านพ่อเด็ดขาด เขาต้องเป็นบ้าแน่ๆ”
อาจารย์แม่พูดยิ้มๆว่า “ไม่เอ่ย พวกเราไม่พูด ”
พูดไปเช่นนั้นเอง หลังจากส่งเจ๋อหลานกลับไปที่บ้านตายายแล้ว ก็เอ่ยกับฉีฮั่วว่า“รอให้ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว เจ้าเดินทางไปที่นั่นสักครั้ง ไปสืบข่าวของฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจิน”
ดวงตาของฉีฮั่วไม่ได้ละไปจากเกมในมือถือเลย ถามอย่างใจลอยว่า “ไปสืบข่าวฮ่องเต้น้อยทำไมกัน ”
เยว่เอ๋อบิดหูของเขาทันที “ไม่ได้ยินสิ่งที่กวาเอ๋อพูดหรืออย่างไร เจ้าเด็กนั่นบอกว่าจะแต่งงานกับนาง ”
“คำพูดล้อเล่นของเด็กๆ จะถือสาได้อย่างไร ฮูหยินปล่อยมือด้วย หูได้รับความเสียหายอย่างหนักแล้ว”ฉีฮั่วหลบไปอีกฟากหนึ่ง
“อยู่ดีดี ก็พูดเรื่องจะแต่งงานกับลูกสาวของบ้านอื่นขึ้นมา อย่างน้อยก็ต้องมีโชควาสนาอยู่บ้างจึงได้ดึงให้ทั้งสองมาพบกันจนได้ เจ้าไปสืบหาข่าวดู ดูสิว่าเป็นคนนิสัยใจคออย่างไร จะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่พวกเราต้องรู้ทุกเรื่องของทุกคนที่คิดจะแต่งงานกวาเอ๋อให้ชัดเจน”
“ก็ได้ ข้าจะไป”ฉีฮั่วหลบเข้าไปในห้อง เล่นเกมของเขาต่อ
พริบตาเดียวก็ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว สองสามีภรรยาเจ้าห้าพาคุณย่าหยวนกลับมา
เห็นว่าพวกลูกๆปลอดภัยไม่เป็นอะไร หัวใจของคนเป็นพ่อก็สบายใจ
กอดลูกสาวเอาไว้แน่น หอมที่หน้าผาก “คิดถึงพ่อหรือไม่”
เจ๋อหลานดวงตาแดงก่ำ “คิดถึงมาก”
หัวใจของเจ้าห้าแทบละลาย ฉีกปากยิ้มกว้าง
เจ๋อหลานก็เอาใจท่านพ่อสุดกำลัง ระหว่างงานเลี้ยงก็เติมเหล้าให้พ่อไม่ขาด ทั้งคีบอาหารส่งให้ ทำหน้าที่ของลูกที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจได้อย่างเต็มที่
เจ้าห้ามีความสุขมาก ความรู้สึกประสบความสำเร็จนั้นมีมากกว่าการปกครองเป่ยถังเสียอีก
รอเจ้าห้าหลับไปแล้ว หยวนชิงหลิงจึงเรียกลูกๆมายังห้องรับแขก
นอกจากซาลาเปา ลูกทั้งห้าคนต่างก็ยืนอย่างเรียบร้อย ก้มหน้าฟังแม่สั่งสอนอย่างเชื่อฟัง
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าเชื่อฟังของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างใจดีไม่ได้ “เอาล่ะ ไม่ตำหนิพวกเจ้าแล้ว ไหนพูดสิ ไปทำอะไรกันบ้าง”
ลูกๆรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที ต่างก็เข้าไปแนบชิดข้างกายท่านแม่ ต่างก็พูดถึงเรื่องที่จัดการกับดินแดนที่ได้รับการจัดสรรให้ของตัวเองอย่างได้ใจ
หยวนชิงหลิงฟังแล้ว ริมฝีปากก็โค้งขึ้น
เรื่องเหล่านี้ พวกเขาไม่พูด นางก็รู้
ลูกของนางล้วนเป็นคนที่มีพลังแข็งแกร่งมาก แม้นางจะบอกไม่ได้ว่าวางใจไปเสียทั้งหมด แต่ว่า ก็ต้องให้ช่องว่างแก่พวกเขาไปทำในสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำ
ประเดี๋ยวหาเวลาดีๆ นางต้องหลอกเจ้าห้า ส่งเสือและหมาป่าไปอยู่เป็นเพื่อนพวกเขา จึงจะสามารถวางใจได้มากขึ้นอีกหน่อย
หากส่งเสือกับหมาป่าไปง่ายๆโดยไร้เหตุผล เจ้าห้าต้องสงสัยเป็นแน่ ฉะนั้นต้องหาโอกาสที่เหมาะสม
หยวนชิงหลิงพูดคุยตามลำพังกับเจ๋อหลานเป็นเวลานาน
ระหว่างแม่กับลูกสาว ย่อมต้องสนิทชิดเชื้อกว่าคนอื่นๆมาก เจ๋อหลานนอนอยู่ในอ้อมอกของแม่ พูดเรื่องของเมืองโร่ตู และเรื่องที่เกิดขึ้นใน แคว้นจิน อย่างละเอียดไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
หยวนชิงหลิงเองก็สนใจฮ่องเต้น้อยที่รู้จักใช้วิชาควบคุมน้ำคนนี้เช่นกัน
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเรียนรู้อย่างไร ”หยวนชิงหลิงถามขึ้น
เจ๋อหลานส่ายหน้า “ไม่รู้ ไม่ได้ถาม แต่วิชาเหล่านี้ล้วนเรียกว่าวิชาอัศจรรย์ ที่จริงก็ไม่ได้มีความยากลำบากอะไรมากนัก ข้าก็สามารถควบคุมน้ำได้”
ก็แค่เป็นเรื่องของการใช้ความคิดควบคุมเท่านั้นเอง
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าเกิดมาก็มีความสามารถพิเศษ หากเขานั้นเป็นการเรียนรู้ในภายหลัง แสดงว่าเขานั้นฉลาดอย่างที่คนธรรมดาเทียบไม่ได้”
“แต่วิชาควบคุมน้ำ กับวิชาคุมนก และวิชาควบคุมสัตว์ไม่มีอะไรไม่เหมือนกันกระมัง”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่เหมือนกันอย่างแน่นอน ทั้งนกและสัตว์ต่างก็เป็นสิ่งมีชีวิต ภายใต้การฝึกฝนเฉพาะทาง สามารถรับรู้ได้ถึงความคิดของคน แต่ว่าน้ำไม่เหมือนกัน จะควบคุมน้ำ ก็ต้องทำเหมือนกับพวกเราทั้งหมดคือการกระตุ้นความคิด จำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างสูง กระทั่งสมองต้องมีพัฒนาการในระดับที่แน่นอน”
“เช่นนั้นเขาก็เหมือนกับพวกเราหรือ”เจ๋อหลานนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
“ไม่เหมือนกันมาก มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างกะทันหัน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าเกิดมาจากการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมี”
“ฉะนั้นเล่า”เจ๋อหลานไม่เข้าใจ แม้เรื่องที่นางรู้จะมีไม่มาก แต่ทางด้านนี้นางไม่รู้เลยจริงๆ
หยวนชิงหลิงกอดลูกสาวเอาไว้ พูดเสียงเบาว่า “นั่นก็หมายความว่า เขาเป็นคนที่มีความสามารถคนหนึ่ง คนที่มีความสามารถย่อมป้องกันตัวเองได้ และรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงจุดด้อยของตนเอง ฉะนั้นข้าเชื่อว่าเขาต้องแย่งอำนาจของแคว้นจินกลับมาได้แน่ ภายหน้าจะอยู่ร่วมกันกับเป่ยถังของเราอย่างสงบสุข”
เพียงแต่ ถ้าหากเป็นการเปลี่ยนแปลงของพันธุกรรมจนทำให้เกิดพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมา ก็มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายอย่างแน่นอน เช่นการเป็นโรคต่างๆเป็นต้น
จุดนี้ นางไม่ได้บอกกับเจ๋อหลาน
กวาเอ๋อเอ่ยถึงเพื่อนคนหนึ่งขึ้นมา นี่ค่อนข้างพบเห็นได้ยาก เพื่อนที่นางรู้จักในยุคปัจจุบันนางไม่เคยพูดถึงมาก่อน ส่วนฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจินที่พบกันโดยบังเอิญ นางกลับจำฝังใจ เห็นได้ชัดว่า ในใจนางนั้นรู้สึกกับเพื่อนตัวน้อยคนนี้ค่อนข้างพิเศษอยู่บ้าง
ได้พบกับลูกๆแล้ว เจ้าห้าก็วางใจ วันหยุดไม่ยาวนาน ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ไปอย่างรีบเร่ง ก็ต้องเตรียมตัวกลับแล้ว
หยวนชิงหลิงก็ได้คุยกับหยางหรูไห่แล้ว เริ่มการศึกษาของนางอย่างเป็นทางการ
นี่เป็นงานของนาง หยู่เหวินเห้าไม่มีทางห้าม เพราะเป็นแค่ผู้นำเท่านั้น ไม่ได้อยู่ที่นี่เป็นระยะเวลานาน
ในเมื่อ กรณียกิจด้านหมอและการศึกษาค้นคว้าเรื่องยา เขาเองก็ได้รับอิทธิพลเนื่องจากได้ยินได้เห็นเป็นประจำอยู่แล้ว นี่เป็นงานที่มีความหมายยิ่งใหญ่ เขาเองก็ไม่สามารถจะรั้งตัวยายหยวนเอาไว้เพียงเพราะอยากมีนางอยู่ข้างกายได้
ยุคปัจจุบันมีคำพูดโบราณคำหนึ่งมิใช่หรือ รักนาง ก็อย่าเอาแต่คิดจะผูกมัดนางเอาไว้ข้างกาย แต่ต้องสนับสนุนให้นางไปทำให้สิ่งใดก็ตามที่นางอยากจะทำ