บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1568 สวีอีทำงานพิเศษ
คิดมาถึงตรงนี้ นางก็ไม่พูดกับอ๋องหวยอีก รีบแจ้นกลับไปยังจวนอ๋องฉู่ กลับเห็นหรงเยว่ที่เดิมทีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังนั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ในห้อง อีกทั้งยังอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ
เห็นหยวนชิงหลิงผลักประตูเข้ามา นางก็รู้สึกมึนงงอยู่บ้าง วางที่ทาคิ้วลงพูดอย่างอายๆว่า “ข้าคิดว่าเจ้ากลับไปแล้ว”
ท่าทีเขินอายรู้สึกผิดนั้น เหมือนกันกับท่าทีของเจ้าหกตอนที่นางไปจวนอ๋องหวย
ทันใดนั้นหยวนชิงหลิงก็มั่นใจว่าเจ้าคนซุกซนต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
หยวนชิงหลิงนั่งลง มองนาง “พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่”
“ไม่มี ดูสิท่านช่างสงสัยเกินไปแล้ว”หรงเยว่พูดยิ้มๆ
“อย่ามาทำหน้าทะเล้นกับข้า จะพูดหรือไม่ ถ้าไม่พูด ข้าจะย้ายเจ้าหกออกจากเมืองหลวงทันที ให้เขาไปอดตายอยู่ที่จวนเจียงเป่ย”
คิ้วของหรงเยว่โค้งลง เอ่ยอย่างรันทดว่า“ทำไมจึงปกปิดเจ้าไม่ได้นะ สมองของเจ้าทำมาจากอะไรกันแน่”
“ตอนแรกข้าเชื่อสนิทใจจริงๆ แต่พอได้ยินคำพูดของเจ้าหก ว่าทำเพื่อการสืบสวนคดี เช่นนั้นข้าก็คิดว่าเจ้าไม่มีทางไม่รู้ รู้ดีแก่ใจยังจะหาเรื่องออกจากบ้านอีก ต้องมีเหตุผลแน่ เจ้าจะพูดหรือไม่ ”
หรงเยว่เขยิบเข้ามาใกล้ พูดยิ้มๆว่า “ได้ ในเมื่อปิดเจ้าไว้ไม่อยู่แล้ว ก็บอกเจ้าเลยแล้วกัน แต่ว่ามีเรื่องหนึ่ง เจ้าอย่าทำให้ข้าเสียเรื่อง ไม่เช่นนั้น ข้าจะย้ายฮุ่ยเทียนไปยังสาขาของสำนักเหลิ่งหลังที่ทะเลทรายต้าโม่”
หยวนชิงหลิงตบเบาๆไปที่หลังหัวของนาง พูดยิ้มๆว่า “เช่นนั้นฮูหยินเหยาคงต้องเกลียดเจ้าตายแน่”
“เกลียดเจ้า ใครใช้ให้เจ้าทำข้าเสียเรื่อง”
“เอาล่ะ พูดมาเถอะ ถ้าหากสมเหตุสมผล ข้าจะไม่ขวางการทำเรื่องดีๆของเจ้า ”หยวนชิงหลิงยิ้มขึ้นมาอย่างอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
หรงเยว่จึงทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา พูดว่า “ซุนหยิงหยิงคนนี้ ข้ารู้จักนางตั้งนานแล้ว เคยพบกับนางตอนที่ไปทำงานที่จวนเจียงหลายครั้ง และเคยพูดคุยกันไม่กี่ครั้ง นางคอยช่วยงานพ่อตั้งแต่อายุสิบห้าปี และเคยมาขอให้สำนักเหลิ่งหลังของเราช่วยหาข่าวด้วย”
“อืม ฉะนั้น นางนั้นรู้จักเจ้าหก ใช่หรือไม่ ”
“ต้องรู้จักแน่นอน นางมาเมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ตอนนี้เจ้าหกต้องทำงานตลอด ไปๆมาๆในเมืองหลวง นางจะไม่รู้จักได้อย่างไร”
“นางรู้จักเจ้าหก แต่ยังแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จัก แสดงให้เขาเห็นถึงความรู้สึกดีๆที่มีให้ จากนั้นก็เข้าใกล้เขา เพราะอะไรเล่า”
“เพราะข้า”หรงเยว่แบมือ เหลือบดวงตาขึ้นมา “ข้าจะพูดตรงๆกับเจ้า ซุนหยิงหยิงชื่นชอบผู้หญิง ตอนแรกตอนที่รับเงินค่าตอบแทนที่ทำงานให้พวกเขาที่จวนตูเจียง ย่อมต้องคอยสังเกตพวกเขาอยู่บ้าง หนึ่งในนั้นมีข่าวคราวซุบซิบบางอย่างส่งมาถึงหูข้า เป็นบทสนทนาของนางกับสาวรับใช้ นางชอบข้าเข้าแล้ว และมุ่งมั่นที่อยากจะได้ตัวข้า”
“หา”สถานการณ์พลิกผันเช่นนี้ หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงจริงๆ
แต่เห็นใบหน้าของหรงเยว่ ช่างเป็นเรื่องที่กลับตาลปัตรคิดไม่ถึงเสียเหลือเกิน ถ้าหากซุนหยิงหยิงชื่นชอบหญิงสาว ชอบนางเข้าก็ไม่เห็นจะน่าแปลกตรงไหน
“หลังจากรู้เรื่องนี้แล้ว ทำงานเสร็จแล้วข้าก็รีบไปจากจวนตูเจียงทันที ให้เมี่ยตี้ทำงานที่เหลือต่อ ภายหลังนางได้ส่งคนไปหาข้าที่สำนักเหลิ่งหลังอยู่ตลอด ข้าย่อมต้องหลบหน้าไม่พบเจอ ส่วนครั้งนี้ที่นางต้องการจะใกล้ชิดเจ้าหก ข้ารู้ตั้งนานแล้ว ก็แค่อยากจะทำลายความรู้สึกระหว่างข้ากับเจ้าหกเท่านั้น คนคนนี้มีจิตใจที่จะแก้แค้นแข็งแกร่งมาก เป้าหมายก็ชัดเจน เรื่องที่จะทำ ต้องทำให้ได้ ฉะนั้น ข้าจึงต้องทะเลาะกับเจ้าหก ใช้แผนซ้อนแผนโดยมีข้าเข้าใกล้นางแทน”
หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว ไม่รู้ว่าทำไม อ๋องหวยบอกว่าเข้าใกล้ซุนหยิงหยิงนางจึงได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหลนัก แต่พอเป็นหรงเยว่บอกว่าจะเข้าใกล้ซุนหยิงหยิงนางกับคิดว่าไว้ใจได้ จึงพูดยิ้มๆว่า “พวกเจ้าน่ะนะ ทำเอาข้าวิ่งเหนื่อยทั้งวัน ยังไม่กล้าเล่าให้เจ้าห้าฟังด้วย ไท่เฟยก็ร้อนใจแทนพวกเจ้ามาก ช่วยเจ้าด่าเจ้าหกด้วย”
หรงเยว่รีบบอกว่า “จะบอกนางไม่ได้เด็ดขาด ปากของนางเจ้าเองก็รู้ดี เหมือนกับพี่สะใภ้รองเลย”
“ได้ ในเมื่อเป็นการทำงาน ข้าย่อมไม่พูด”หยวนชิงหลิงพูด
หรงเยว่ยิ้มและถามว่า “ไหนพูดสิ เจ้าดูออกได้อย่างไรกัน”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “เจ้าทิ้งลูกเอาไว้ไม่สนใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ข้าเชื่อได้ ยังจำได้หรือไม่ตอนแรกที่ต้องการตั้งครรภ์พวกเขา เข้าทรมานไปตั้งเท่าไหร่”
“ยังคงเป็นเจ้าที่เข้าใจข้า”หรงเยว่พูดยิ้มๆ
หยวนชิงหลิงค้อนให้นาง แต่หัวใจกลับซาบซึ้งมาก เรื่องการข้าเกลือเถื่อนทำให้เจ้าห้าปวดหัวมาก และพวกเขาได้เริ่มการตรวจสอบของตัวเองเพื่อช่วยแบ่งเบาความกังวลของราชสำนักแล้ว
กลับไปถึงในวัง เจ้าห้ายังคงนั่งอ่านฎีกาอยู่ในห้องทรงพระอักษร ถามมู่หรูกงกง บอกว่าเขายังไม่ได้กินข้าว หยวนชิงหลิงจึงให้คนไปเตรียมสำรับมื้อดึก จะกินพร้อมกับเขา
ตอนนี้เจ้าห้าค่อนข้างมีความน่ายำเกรงของความเป็นฮ่องเต้แล้ว แต่ต่อหน้านาง กลับยิ่งอยู่ก็ยิ่งเห็นถึงความอบอุ่นเอาใจใส่มากขึ้น
ระหว่างที่กินอยู่ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
หยวนชิงหลิงนึกว่าเขากังวลเรื่องบ้านเมือง พูดว่า “อย่าเพิ่งคิดเรื่องบ้านเมือง รีบกินข้าว”
เจ้าห้าวางตะเกียบลง รู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง “ไม่ใช่เรื่องบ้านเมือง ครั้งนี้ตอนที่กลับบ้านเรา ได้กินของหวานอย่างหนึ่ง ถึงตอนนี้ก็ยังลืมไม่ลง ยังอยากจะกินอีกครั้ง เสียดาย ห้องเครื่องทำไม่เป็น”
หยวนชิงหลิงถามว่า “ของหวานอะไร ”
“ก็ที่พวกเราไปกินกันที่ภัตตาคารซุ่นเต๋อนั่นไงเล่า ที่เพิ่มนมเข้าไปด้วย”
“ซวงผีหน่ายหรือ”
หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “ใช่แล้ว เป็นซวงผีหน่าย ของหวานนี้อร่อยมาก อยากจะกินอีก ข้าให้มู่หรูไปถามห้องเครื่องแล้ว พวกเขาบอกว่าทำไม่เป็น ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ ซวงฝีหน่ายในยุคปัจจุบัน มีต้นกำเนิดจากยุคชิงซึ่งเป็นของหวานแนวยุโรป พ่อครัวของที่นี่ย่อมทำไม่เป็น
“อยากจะกินหรือ ข้าจะทำให้”หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“เจ้าทำเป็นหรือ จริงหรือ”เจ้าห้าตื่นเต้นดีใจมาก
“เป็น ของหวานข้าทำเป็นไม่กี่อย่าง แต่นี่เป็นหนึ่งในของหวานที่ทำได้ ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือนมขิง คล้ายๆกัน แต่ตัวข้าเองคิดว่ารสชาติจะดีกว่าหน่อย ดั้งเดิมกว่าด้วย”
ดวงตาของหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยความสุข “ยายหยวน ข้าไม่เคยเห็นความสามารถทางด้านนี้ของเจ้าเลย เจ้าช่างเป็นสมบัติที่ล้ำค่าจริงๆ”
หยวนชิงหลิงเห็นความดีใจในสายตาของเขา รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำหน้าที่ของการเป็นภรรยาในการดูแลเจ้าห้าอย่างเต็มที่เลย กระทั่งน้อยนักที่นางจะเข้าครัวทำอาหารให้เขากิน
“จะทำให้ท่านเดี๋ยวนี้ ทำให้ท่านทันที ในห้องเครื่องน่าจะมีนมวัวอยู่”หยวนชิงหลิงรีบวางตะเกียบลง พูดแล้วก็ลงมือทำทันที
“ดี ข้าจะช่วยเจ้า ข้าจะเรียนรู้ด้วย ถ้าข้าเป็นแล้วจะทำให้เจ้า”หยู่เหิวนเห้าดึงมือของนางและเดินออกไปพร้อมกัน
ฮ่องเต้กับฮองเฮามาถึงห้องเครื่องด้วยตนเอง ทำเอาคนที่อยู่เวรในห้องเครื่องตกใจกันเป็นแถว แต่ละคนยืนตัวสั่นรอคำสั่งอยู่ข้างๆ ในใจอดที่จะพึมพำไม่ได้ คงไม่ใช่ว่าห้องเครื่องทำอาหารได้ไม่อร่อย ฮ่องเต้กับฮองเฮาไม่ชอบกินกระมัง
นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เชียวนะ
“เจ้าห้า ไปหาหม้อเล็กๆมา”หยวนชิงหลิงยกนมวัวออกมา สั่งการเจ้าห้า
“ได้……”
“ฝ่าบาท กระหม่อมทำเองพ่ะย่ะค่ะ”พ่อครัวในห้องเครื่องรีบไปทันที ตกใจจนสีหน้าขาวซีดไปหมด จะให้ฮ่องเต้ลงมือเองได้อย่างไร
“ก่อไฟ”
“กระหม่อมทำพ่ะย่ะค่ะ”
“มีน้ำตาลหรือไม่”
“กระหม่อมหาให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไข่ไก่วางไว้ตรงไหน”
“กระหม่อมหยิบให้พ่ะย่ะค่ะ”
หยู่เหวินเห้าสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีโอกาสได้ทำกับข้าวกับยายหยวน พวกขวางหูขวางตาเหล่านี้ช่างเป็นตัวทำลายบรรยากาศจริงๆ “ออกไป ออกไปให้หมด ไม่จำเป็นต้องอยู่รับใช้”
พ่อครัวในห้องเครื่องคุกเข่าลง โบกมือไปมา “ไม่ได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ต้องอยู่ให้ห่างจากห้องครัว ทรงเป็นฮ่องเต้ ไม่สามารถมาทำงานในครัวได้ จะทำกับข้าวอะไร มีขั้นตอนกระบวนการอย่างไร ทรงรับสั่งมา ให้พวกกระหม่อมเป็นคนทำ ”
หยู่เหวินเห้าตะคอกด้วยเสียงอันดังลั่นว่า “สวีอี สวีอี ลากตัวพวกเขาออกไป ”
“สวีอีอยู่ด้วยหรือ”หยวนชิงหลิงถามอย่างประหลาดใจ
“อืม ช่วงนี้เขาจะมาทำงานพิเศษช่วงกลางคืนในวังหลัง”หยู่เหวินเห้าพูด และเห็นสวีอีวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน
งานพิเศษ หยวนชิงหลิงมองสวีอีที่มีท่าทีน่าเกรงขาม ถือดาบเอาไว้แล้วก็ไล่คนออกไปด้านนอก ไล่คนครัวออกไปจนหมด
ทำไมต้องมาทำงานพิเศษช่วงกลางคืนในวังหลังด้วย นางไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย อะซี่เห็นด้วยหรือ