บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1572 ภาพลักษณ์ของเมืองโร่ตูที่ไม่เหมือนเดิม
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1572 ภาพลักษณ์ของเมืองโร่ตูที่ไม่เหมือนเดิม
ภายใต้สถานการณ์ที่ค่อนข้างจะลำบากเช่นนี้ การดำเนินการก่อสร้าง เป็นไปอย่างยากลำบาก แต่จะยากเพียงใด ย่อมต้องพัฒนาขึ้นจากความยากลำบาก ก้าวแรกต้องก้าวเดินออกไป นี่เป็นคำสั่งอันแน่วแน่ของเจ๋อหลาน
ประชาชนในเมืองต่างก็รู้ว่าเจ๋อหลานเป็นเจ้าเมือง และเป็นองค์หญิงผู้รักษาความมั่นคงของเมือง จึงมีความเป็นศัตรูต่อนางค่อนข้างสูง โดยเฉพาะพวกเขาไม่รู้ว่าโจรบนเขาลั่นซานนั่นเจ๋อหลานเป็นคนปราบปรามทั้งหมด แม้จะได้ยินมาบ้างก็ไม่เชื่อ ใครจะเชื่อว่าเด็กอายุแปดขวบคนหนึ่งจะสามารถปราบปรามโจรบนเขาลั่นซานได้
คนที่อยู่ที่นี่ ชาตินี้คงไม่มีทางได้เห็นคนของราชวงศ์ ตอนนี้ได้เห็นแล้ว ความเคียดแค้นชิงชังได้ปะทุขึ้นมา แค้นที่พวกเขาแย่งเมืองโร่ตูไป
ทั้งเมืองโร่ตูนี้ คนที่ร่ำเรียนรู้หนังสือนั้นมีไม่มาก รวมกันแล้วก็มีไม่ถึงร้อยคน กระทั่งบางส่วนแม้แต่การคำนวณเลขก็ไม่รู้ ในเมืองที่ถูกปิดตายเช่นนี้ ความแค้นนั่นง่ายต่อการจุดให้ติดราวกับเปลวไฟยิ่งนัก
โดยเฉพาะ มีคนของแคว้นจินคอยกระพือให้ไฟยิ่งโหมกระหน่ำขึ้นไปอีก
แรกเริ่มนั้นเจ๋อหลานยังสามารถออกไปเดินเล่นได้ แต่มาระยะหลังหลังจากที่ความแค้นถูกปลุกให้ลุกโชนขึ้น ขอเพียงนางเดินออกไป ก็จะถูกคนโยนก้อนหินใส่ และโชคดีที่หูหมิงเป็นห่วงความปลอดภัยของนาง คอยส่งคนอารักขาอยู่เสมอ จึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ
หลางโถวโมโหจนเกิดการทะเลาะกับคนพวกนั้นขึ้นมา “พวกเจ้าจะเกลียด ก็เกลียดราชสกุลของเป่ยโม่กับตระกูลฉิน เพราะพวกเขาที่ชอบทำศึกสงคราม ก่อสงครามขึ้นมา พวกเขาต้องการจะรุกรานพื้นที่ของเป่ยถัง สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้และยกเมืองโร่ตูให้ ตอนแรกพวกเจ้าสนับสนุนให้เกิดสงครามหรือไม่ ถ้าหากพวกเจ้าสนับสนุนการทำสงคราม วันนี้พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเคียดแค้นเป่ยถัง นั่นล้วนเป็นพวกเจ้าที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”
หลางโถวท่าทีน่าเกรงขามมาก ด่าได้ถึงใจ ชั่วขณะนั้นได้ทำให้เหล่าประชาชนหัวรุนแรงเกิดความรู้สึกตกตะลึงขึ้นมา แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ทันใดนั้นก็มีก้อนหินปาไปที่หัวของหลางโถว หลางโถวต้องหนีหัวซุกหัวซุน
ใช่แล้ว นี่ล้วนเป็นประชาชนที่ป่าเถื่อน ไม่มีเหตุผล
หูหมิงคิดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ได้การ จึงได้ขอร้องให้เจ๋อหลานกลับเมืองหลวง
เจ๋อหลานย่อมกลับไปไม่ได้ ได้แต่เพิ่มการป้องกันให้แข็งแกร่งขึ้น เกรงว่าจะเกิดเรื่อง
เขาได้ไปคุยกับแม่นางโจว ให้แม่นางโจวทำการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดที่สุด อย่าให้กลุ่มหัวรุนแรงเข้ามาทำร้ายองค์หญิงน้อยถึงในจวนได้
แม่นางโจวไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลนัก คนหัวรุนแรงกลุ่มนั้นทำร้ายเจ้านายได้หรือ ให้พวกมันกลายเป็นเถ้าถ่านได้ทันทีเชื่อหรือไม่
หูหมิงเห็นท่าทีของนางที่ดูสบายๆ ก็อดที่จะโมโหขึ้นมาไม่ได้ จึงทะเลาะกับนางขึ้นมา
แต่ก่อนนิสัยของเขาไม่ได้อารมณ์ร้อนเช่นนี้ ตอนนี้อยู่ๆก็โมโหขึ้นมา ปัจจัยสำคัญคือถูกเหล่าพวกหัวรุนแรงกระตุ้นนั่นเอง ถ้าหากคนในเมืองโร่ตูไม่ใช่ประชาชนของเป่ยถัง เขาคงได้ฆ่าคนตายเป็นเบือแน่
พวกเขาไม่อนุญาตให้เจ๋อหลานออกไป เจ๋อหลานก็ไม่อยากให้พวกเขาร้อนใจเกินไป จึงได้อยู่แต่ในจวนและหาอะไรสนุกๆทำ
แม่นางโจวได้จัดการให้ข่งเยี่ยนมาเล่นเป็นเพื่อนนางโดยเฉพาะ ดีที่จวนมีบริเวณกว้างใหญ่ จะขี่ม้ายิงธนูล้วนมีพื้นที่มากพอ ไม่มีเวลาให้เจ๋อหลานรู้สึกเบื่อ
“ช่างน่าประหลาดใจเสียจริง ช่างนี้ทำไมจึงมีแมลงสาบกับหนูเยอะนักนะ ”แม่ครัวอาพ่างเดินมาจากระเบียง พูดพึมพำ
ข่งเยี่ยนกำลังเล่นชิงช้าอยู่กับเจ๋อหลาน ได้ยินคำพูดนี้เข้า จึงพูดขึ้นว่า “ประเดี๋ยวไปซื้อยาฆ่าแมลงมาโรยเสียหน่อย อย่าทำให้เจ้าเมืองตกใจ ”
“เจ้าค่ะ”แม่ครัวตอบรับ
เจ๋อหลานยิ้ม นางไม่กลัวหนูและแมลงสาบ
แม่ครัวซื้อยาฆ่าแมลงกลับมา คลุกยากับเนื้อเล็กน้อย โยนไปยังมุมต่างๆ
แต่พอถึงรุ่งเช้าของอีกวัน กลับไม่พบซากหนูตายเลยแม้แต่ตัวเดียว กลับเห็นหนูพวกนั้นวิ่งพล่านไปทั่ว แม่ครัวโมโหจนต้องใช้พลั่วไล่ตีจนตายไปสองตัว เพิ่งจะโยนซากทิ้งไป กลับมีหนูอีกตัวหนึ่งวิ่งผ่านเท้าไป โมโหจนแม่ครัวก่นด่าและจะไล่ตี
“เกิดอะไรขึ้น สีหน้าไม่น่าดูเอาเสียเลย”ข่งเยี่ยนถามขึ้น
“แม่นางขง ยาฆ่าแมลงใช้ไม่ได้ผลเลย หนูยิ่งอยู่กลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น วิ่งพล่านไปทั่วทุกที่”แม่ครัวบ่น
“จริงหรือ ”ข่งเยี่ยนไม่เห็น แต่เห็นศพหนูที่นางโยนไปยังกองหญ้า อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “ทำไมจึงโยนไปบนกองหญ้าล่ะ ประเดี๋ยวหมามาเห็นเข้า ก็กินเข้าไปอีก”
นางเข้าไปในครัวเพื่อหาไม้คีบถ่าน เพิ่งจะเข้าไปก็ร้องขึ้นมาว่า“งู มีงูเข้ามา รีบมาตีงูเร็วเข้า อย่าให้เจ้าเมืองตกใจ”
มีคนหลายคนเข้าไปในห้องครัว วิ่งไล่ตีอยู่ครู่หนึ่ง ก็จับงูมาได้สามตัว เรื่องเช่นนี้พบเห็นได้ยากมาก แม้ว่าในสวนดอกไม้จะมีงู แต่ว่า ปกติแล้วงูจะไม่เข้าบ้าน ทำไมจึงเข้าบ้านมาได้นะ
เจ๋อหลานได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ก็เดินเข้ามา ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ”
ข่งเยี่ยนรีบพูดว่า“ท่านเจ้าเมือง ท่านกลับไปในห้องเถอะ อย่ามาที่นี่ มีงูเจ้าค่ะ ”
“งูเข้าบ้านหรือ ”เจ๋อหลานมองดูแวบหนึ่ง เป็นงูหญ้า ไม่มีพิษอะไร “เมื่อวานแม่ครัวบอกว่ามีหนูมากมายวิ่งไปทั่ว วันนี้ก็มีงูวิ่งพล่านไปหมด ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ”
“ไม่ประหลาด ไม่ประหลาดเลย”ข่งเยี่ยนพูด พลางล้างมือแล้วเดินเข้ามา “ข้าน้อยจะกลับไปในห้องเป็นเพื่อนท่าน”
เจ๋อหลานเงยหน้าขึ้นมองไปยังขอบฟ้าแวบหนึ่ง ตอนนี้ยังเป็นเวลาเที่ยง แสงอาทิตย์สว่างจ้าร้อนแรงเป็นอย่างยิ่ง
“แม่ครัว ก่อนหน้านี้เมืองโร่ตูเคยเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่”เจ๋อหลันหันหน้ากลับไปถามแม่ครัว
แม่ครัวส่ายหน้า“แผ่นดินไหวหรือ แผ่นดินเคลื่อนไหวใช่หรือไม่ ข้าไม่เคยเห็น ข้าโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ข้าเคยได้ยินพ่อข้าเล่าให้ฟังว่าตอนเขาเด็กๆเคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อนครั้งหนึ่ง น่ากลัวมาก แผ่นดินสั่นสะเทือน บ้านเรือนพังครืนลงมาหมด มีคนตายไปไม่น้อยทีเดียว ”
“อย่าทำให้เจ้าเมืองตกใจ เจ้ารีบไปทำงานของเจ้าเถอะ”ข่งเยี่ยนเห็นเจ๋อหลานนิ่งเงียบไป คิดว่าคงตกใจ รีบไล่แม่ครัวออกไปทันที
หลังจากเจ๋อหลานกลับไปที่ห้องแล้ว ก็เรียกน้องฟีนิกซ์มา
งูแมลงหนูมด เหล่าสัตว์ปีกต่างก็มีความไวต่อการรับรู้ถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหว โดยเฉพาะน้องฟีนิกซ์ที่เป็นนกที่มีจิตวิญญาณ
เห็นได้ชัดว่าน้องฟีนิกซ์ก็มีความลนลานอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ เพียงแค่รู้สึกว่าจะมีภัยใหญ่หลวงมาเยือน
“คงไม่ใช่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวกระมัง”เจ๋อหลานหมอบไปกับพื้น ฟังเสียงใต้ดินว่ามีเสียงของแผ่นดินเคลื่อนที่ส่งมาหรือไม่ พลังการได้ยินของนางนั้นน่าตกตะลึงยิ่งนัก ถ้าหากมีแผ่นดินไหว ต้องมีเสียงของการเคลื่อนที่ของแผ่นดินแน่
นางไม่ได้ยิน
บางทีอาจจะเบาบางเกินไป เพียงแต่เกรงว่าตอนที่ได้ยิน แผ่นดินไหวได้เกิดขึ้นมาแล้ว
นางต้องคอยจับตามองท้องฟ้าเอาไว้ ดูสิว่าพวกนกมีการจับสังเกตได้หรือไม่
ฉะนั้น ตั้งแต่ช่วงตอนเย็น เจ๋อหลานก็นั่งอยู่บนหลังคาบ้าน เงยหน้ามองท้องฟ้า
แม่นางโจวคิดว่านางคงเบื่อแล้ว ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พูดกับข่งเยี่ยนว่า“ท่านเจ้าเมืองอายุแค่แปดขวบ เด็กอายุแปดขวบถูกขังอยู่ในจวนทั้งวันก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา คงเบื่อมาก เอาอย่างนี้ หลังจากฟ้ามืดแล้ว พานางออกไปเดินเล่นข้างนอกเถอะ”
ข่งเยี่ยนนึกถึงเรื่องที่ถูกผู้คนปาก้อนหินใส่ ก็รีบส่ายหน้าทันที“เกรงว่าจะมีอันตราย หรือพรุ่งนี้จะส่งทหารไปควบคุมเสียหน่อย ค่อยพานางออกไป”
ควบคุมนั้นไม่ต้อง สองวันมานี้นับว่าก่อเรื่องไม่ร้ายแรงเท่าไหร่นัก การเข้าควบคุมจะยิ่งทำให้เกิดผลตรงกันข้าม ไม่ต้องกลัว ส่งคนติดตามไปมากหน่อย ให้หูหมิงกับหลางโถวไปด้วย คนมากมายขนาดนี้ยังจะปกป้องเจ้าเมืองไม่ได้อีกหรือ
ข่งเยี่ยนจึงบอกว่า“ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปหาพวกเขา แล้วเรียกคนมาเพิ่ม รอให้กินข้าวเย็นแล้ว พวกเราจะออกไปพร้อมกัน ”
“ได้ ไปเถอะ”หลังจากแม่นางโจวไล่ข่งเยี่ยนไปแล้ว ก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคา นั่งลงข้างกายเจ๋อหลาน พูดยิ้มๆว่า“เจ้านาย รู้ว่าทานเบื่อ ประเดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว พวกเราออกไปเดินเล่นกัน ”
เจ๋อหลานเอามือเท้าคางเอาไว้ “ไม่กลัวถูกคนปาก้อนหินใส่หรือ”
“ไม่กลัว พวกเราจะปกป้องท่านเอง อย่าห่วง”
เจ๋อหลานไม่ได้ห่วงว่าตนเองจะได้รับบาดเจ็บ แต่เป็นห่วงว่าคนที่ปกป้องนางจะได้รับบาดเจ็บ กำลังคิดจะปฏิเสธ แต่นึกขึ้นได้ว่าออกไปเดินดูแม่น้ำกับภูเขาเสียหน่อย ดูสิว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่