บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1573 เกิดแผ่นดินไหวจริงๆ
ช่วงพลบค่ำ คนกลุ่มหนึ่งออกเดินทางอย่างครึกครื้น
ชีวิตยามค่ำคืนของเมืองโร่ตูไม่คึกคักเลยสักนิด หลังจากพระอาทิตย์ตกดินแล้ว แทบจะไม่เห็นประชาชนเดินไปมาบนถนนเลย สาเหตุสำคัญคือหลายปีมานี้ การรักษาความสงบนั้นค่อนข้างแย่ ตอนนี้แม้ว่าช่วงกลางคืนจะมีทหารคอยลาดตระเวน แต่ได้คุ้นเคยกับชีวิตที่พออาทิตย์ตกดินก็ไม่ออกจากบ้านตั้งนานแล้ว
ฉะนั้น ตลอดทางที่เดินออกมา ก็นับว่าปลอดภัยดี
เมืองโร่ตูยากจน นอกจากบ้านของพวกที่มีฐานะร่ำรวยหน่อยจะมีเรือนที่ค่อนข้างแข็งแรงมั่นคงแล้ว บ้านหลังอื่นๆส่วนใหญ่จะเป็นบ้านที่สร้างจากก้อนหินบ้านที่สร้างจากดินเหนียวกับบ้านไม้ ไม่ได้มีการวางฐานรากที่มั่นคง ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา บ้านเรือนแทบจะป้องกันไว้ไม่ได้
เรื่องนี้ทำให้เจ๋อหลานรู้สึกเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่นางไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้น
แต่ในใจกลับมีความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้นอยู่ตลอด ถามน้องฟีนิกซ์ น้องฟีนิกซ์บินขึ้นไปสำรวจรอบหนึ่ง มีนกบินวุ่นวายไปทั่ว น้องฟีนิกซ์บินลงมาบอกกับเจ๋อหลาน ความกระสับกระส่ายในใจของนางยิ่งอยู่ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เจ๋อหลานได้บอกความกังวลของตัวเองให้หูหมิงและแม่นางโจวฟัง เกรงว่าจะเกิดแผ่นดินไหว
หูหมิงกับแม่นางโจวต่างก็ไม่เชื่อ สาเหตุสำคัญคือตั้งแต่มีบันทึกของเมืองโร่ตูเคยเกิดแผ่นดินไหวแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
แม่นางโจวกล่าว่า “วันนี้ข้าดูท้องฟ้า ก็ไม่มีก้อนเมฆประหลาดที่เป็นสัญญาณของแผ่นดินไหว เจ้าหญิงคงจะคิดมากเกินไป”
“ที่จริงเมฆแผ่นดินไหวนั้นไม่น่าเชื่อถือ พวกเราไปดูที่แม่น้ำกันเถอะ ”
ที่นี่ไม่มีทะเล มีเพียงแม่น้ำสายใหญ่ ไหลอ้อมภูเขาไป
ถือโคมไฟเอาไว้ เดินตรงไปยังแม่น้ำ
น้ำในแม่น้ำไหลไม่แรง เห็นได้ชัดถึงร่องรอยของความแห้งแล้งที่จะมาเยือน ระดับน้ำนั้นต่ำกว่าช่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิมาก สันดอนในแม่น้ำบางส่วนได้ผุดขึ้นมาให้เห็นแล้ว
เจ๋อหลานถือโคมไฟเดินลงไป น้ำในแม่น้ำนั้นไม่มีปัญหา บางทีสาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะน้ำไม่ลึก
“ที่นี่มีน้ำพุหรือไม่ ”เจ๋อหลานถามแม่นางโจว
“มี เดินจากตรงนี้ไปสองลี้ มีตาน้ำขนาดใหญ่จุดหนึ่ง ประชาชนละแวกใกล้เคียงต่างก็ไปตักน้ำจากตาน้ำนั่นดื่ม ”
ได้ พวกเราไปดูกัน เจ๋อหลานพูด
ทุกคนจึงเดินตรงไปยังตาน้ำขนาดใหญ่ แม่นางโจวกับหูหมิงเดินนำหน้า ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ คุยกันว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเกิดแผ่นดินไหว แต่ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นคงต้องมีคนตายมากมายแน่ๆ
เมื่อถึงบริเวณตาน้ำ แม่นางโจวถือไฟเข้าไปดูก่อน พอมองแล้ว ก็นิ่งอึ้งไป “เอ๋ น้ำนี้ขุ่นมาก เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ข้าเคยมาตั้งหลายครั้ง น้ำค่อนข้างใสมากทีเดียว”
เจ๋อหลานรีบเดินเข้าไป เห็นว่าน้ำที่ผุดออกมาเรื่อยๆจากตาน้ำนั้นค่อนข้างจะขุ่นมาก และยังมีฟองอากาศรวมอยู่ด้วย นางใช้มือช้อนน้ำขึ้นมาดื่มไปคำหนึ่ง มีกลิ่นคาวปะปนอยู่ด้วย
เปลือกโลกเคลื่อนที่แล้วหรือ
นางหมอบลงไปกับพื้น แนบหูลงไปฟัง ครั้งนี้ ใต้ดินมีเสียงผิดปกติส่งมา แฝงไปด้วยเสียงหายใจอย่างกระหืดกระหอบชนิดหนึ่ง
ทรวงอกของแผ่นดินกำลังหายใจเสียงดัง
เจ๋อ“หา”หูหมิงกับแม่นางโจวนิ่งอึ้งไป ต่างมองหน้ากัน แล้วมองไปที่ตาน้ำแวบหนึ่ง ฟังเสียงบนผิวดินอีกชั่วครู่ ก็บอกว่าต้องอพยพประชาชนแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย ตอนนี้ในเมืองโร่ตูรวมกับคนที่มาจากภายนอก อย่างน้อยก็หลายแสนคน
อพยพคนหลายแสนคน เพราะว่าเด็กอายุแปดขวบบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ใครจะเชื่อ ประชาชนเกลียดชังเจ้านายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าหากไม่เกิดแผ่นดินไหว เกรงว่านายน้อยจะยิ่งเป็นที่ชี้หน้าด่าของประชาชนทั้งเมือง
เจ๋อหลานเห็นพวกเขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ก็พูดอย่างร้อนใจว่า “เร็วเข้า ตีกลองป่าวประกาศ บอกพวกเขาว่าจะเกิดแผ่นดินไหวแล้ว ให้พวกเขาไปหลบยังพื้นที่โล่งแจ้ง ”
เป็นครั้งแรกที่แม่นางโจวเห็นเจ้านายร้อนใจเช่นนี้ ปกติแล้วเจ้านายดูเป็นผู้ใหญ่ไม่เหมือนเด็กเลยสักนิด
“ถ้าเช่นนั้น หูหมิง พวกเราไปกันเถอะ”แม่นางโจวยังคงเชื่อเจ๋อหลานอย่างไม่มีเหตุผล
หูหมิงเห็นแม่นางโจวก็พูดเช่นนี้ จึงเห็นด้วย ความคิดของเขาค่อนข้างง่าย ถ้าหากไม่เกิดแผ่นดินไหว มากสุดก็แค่รบกวนประชาชนเท่านั้น แต่ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาจริงๆ ก็สามารถช่วยชีวิตประชาชนได้
ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็เกลียดชังต่อต้านราชสำนักอยู่แล้ว คงไม่สนใจหากจะมีเรื่องให้ชิงชังเพิ่มขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง
ทุกคนต่างก็กลับบ้านทันที รวบรวมกำลังพลไปเคาะประตูบ้านทุกหลัง ให้พวกเขารีบไปยังพื้นที่เปิดโล่ง
ปลุกประชาชนให้ตื่นขึ้นกลางดึก พวกเขาย่อมไม่ยินดี ด่าทอสารพัด กระทั่งเกิดการกระทบกระทั่งกันกับเหล่าทหาร อย่างไรเสียครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งเด็ดขาดของเจ้าเมือง จำเป็นต้องไปยังพื้นที่โล่กว้าง ฉะนั้น แม้จะไม่ยินดี แต่ก็ถูกลากตัวออกไปจากบ้าน
แต่มีปัญหาคือ แม้จะบังคับลากตัวคนออกมา แต่กลับไร้หนทางจะคอยเฝ้าดูได้ รอให้เหล่าทหารไปแล้วพวกเขาก็กลับไปนอนต่อที่บ้าน
และประชาชนหัวรุนแรงกลุ่มหนึ่ง ยังอ้างเหตุผลนี้ เกิดปะทะกับเหล่าทหารขึ้นมา ทะเลาะกันจนไม่สามารถตกลงกันได้
ทหารส่วนหนึ่งไปยังหมู่บ้านของกลุ่มหัวรุนแรง ชุมชนแทบนี้แทบจะเป็นกลุ่มคนที่ต่อต้านราชสำนักทั้งหมด หมู่บ้านพวกนี้ค่อนข้างพิเศษ มีผู้หญิงน้อยมาก เพราะว่าพื้นที่ห่างไกลกันดาร ผู้ชายส่วนมากของที่นี่ไม่มีหญิงสาวอยากจะแต่งงานด้วย ยากจนมาก แค่วันละสามมื้อยังแทบหาเลี้ยงชีพไม่ได้ คนของแคว้นจินได้เริ่มลงมือจากหมู่บ้านเหล่านี้ ฉะนั้น หลายหมู่บ้านรวมกัน เด็กที่อายุน้อยกว่าสิบห้าปีมีแค่สิบกว่าคนเท่านั้น
ทหารตีกลองป่าวประกาศให้ทุกบ้านตื่นและออกจากบ้านไป ทำให้ประชาชนกลุ่มหัวรุนแรงโมโหมาก การปะทะกันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ต่อสู้กับเหล่าทหารขึ้นมา
เดิมทีกลุ่มหัวรุนแรงเหล่านี้ได้ออกไปก่อความวุ่นวายทุกวัน ตอนนี้ทหารมาหาถึงที่ ย่อมไม่ปล่อยให้ผ่านไปง่ายๆ ต่อสู้กันอย่างรุนแรง จำนวนของทหารมีไม่มาก มีเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น ถูกกลุ่มคนหัวรุนแรงโจมตี ถูกซ้อมจนสภาพน่าอนาถนัก
ทั้งเมืองโร่ตู คนที่หนีออกไปมีไม่มาก ทั้งหมดก็ประมาณหนึ่งหมื่นคนเท่านั้น อีกเจ็ดส่วนนั้นหลังจากที่ทหารของทางการจากไปแล้ว ก็รีบกลับบ้านไปทันที ยังก่นด่าไม่หยุด บอกว่าราชสำนักเปลี่ยนวิธีการหาเรื่องพวกเขา เมืองโร่ตูนั้นไม่มีทางเกิดแผ่นดินไหว
แม่นางโจวโมโหมาก“เชื่อหรือไม่ข้าจะให้เจ้านายใช้ไฟเผาบ้านเรือนของพวกเขาให้วอดจนหมด ช่างน่าโมโหจริงๆ ”
หูหมิงส่ายหน้า“อย่าพูดอะไรโง่ๆ ทำให้เกิดไฟไหม้ อย่างไรก็ต้องถูกไฟคลอกตาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยต้องเปลืองไฟด้วยเล่า ให้บ้านเรือนถล่มทับตายไปดีกว่า”
แม่นางโจวหยุดชะงักไป กดเสียงลงต่ำถามขึ้นว่า “เจ้าว่า จะเกิดแผ่นดินไหวจริงหรือไม่”
หูหมิงหันหน้ากลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นว่าไม่มีใครตามมา ก็พูดเสียงเบาว่า “ที่จริงข้าไม่เชื่อ แค่อาศัยว่างูและหนูวิ่งพล่านไปทั่วก็บอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ช่างเป็นเรื่องเด็กล้อกันเล่นมากเกินไปแล้ว ยังมี เรื่องน้ำพุนั่นอีก เมื่อครู่ข้าถามผู้เฒ่าผู้แก่แล้ว เขาบอกว่าน้ำพุเคยขุ่นมาก่อน และเคยเกิดน้ำขุ่นมาตั้งหลายครั้ง ก็ไม่เคยเกิดแผ่นดินไหว ข้าคิดว่านะ ครั้งนี้นายน้อยต้องดูผิดแน่ๆ”
“แต่คำสั่งของนาง พวกเราจะไม่ทำตามก็ไม่ได้ ฉะนั้น ทำเต็มที่ก็พอ คนพวกนั้นอยากจะกลับไปก็ให้กลับไปเถอะ ในเมื่องานของเราก็ทำแล้ว”แม่นางโจวพูด
พูดจบ นางก็หัวเราะทีหนึ่ง“แต่ทำไปอย่างไม่จริงจังอยู่บ้าง หวังว่านายน้อยจะมองไม่ออก”
หูหมิงพยักหน้า เพียงแต่ลังเลชั่วครู่เท่านั้น แล้วก็ส่ายหน้าและพูดว่า“แต่ว่า ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริง นั่นเป็นเรื่องถึงแก่ชีวิต อย่างไรเสียพวกเราก็ทำเต็มที่เถอะ มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิด พวกเราก็เสี่ยงไม่ได้ ”
แม่นางโจวเห็นเขาจริงจังเช่นนี้ ก็รู้สึกว่าเขาพูดมีเหตุผล เอ่ยขึ้นว่า“เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าว่า พวกเราทำให้เต็มที่”
“ไม่ใช่ทำตามข้าพูด แต่ทำตามที่นายน้อยพูด”
ทั้งสองคนมองหน้ายิ้มให้กัน ก้าวเท้าใหญ่ๆไปข้างหน้าทำงานของตัวเองต่อไป
เจ๋อหลานนั่งอยู่บนหลังของน้องฟีนิกซ์ บินวนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ถ้าหากเกิดแผ่นดินไหว คลื่นแม่เหล็กจะมีการเปลี่ยนแปลง นางน่าจะสามารถรับรู้ได้
ความรู้สึกเช่นนี้ ในช่วงเวลาใกล้รุ่ง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง และน้องฟีนิกซ์ก็เชิดคอร้องขึ้นในทันใด เสียงดุจสายฟ้าส่งออกไปอย่างรวดเร็ว เต็มไปด้วยพลังทะลุทะลวง
ผ่านไปชั่วครู่ แผ่นดินสั่นสะเทือน แผ่นดินคำราม เกิดแผ่นดินไหวขึ้นแล้ว
เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่องกันเป็นเวลาสิบกว่าวินาที แผ่นดินสั่นสะเทือน บริเวณที่เจ๋อหลานและฟีนิกซ์บินวนอยู่ บ้านเรือนถล่ม ภูเขาแตกร้าว ถนนตัดขาด
เจ๋อหลานไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาก่อน ไม่รู้ว่าแผ่นดินไหวถึงระดับที่เท่าไหร่ เห็นเพียงบ้านเรือนที่ถล่มลงไปตามๆกัน เกิดฝุ่นตลบไปทั่ว เสียงร้องไห้ระงมทั่วไปหมด