บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1579 คนป่วยที่จวนอ๋องซู่
ชั่วขณะนั้นเจ้าห้าเริ่มรู้สึกจิตใจไม่สงบขึ้นมา
ลูกบอกว่าจะไม่แต่งงาน จะอยู่ข้างกายเขาตลอดไปย่อมเป็นเรื่องดี เพราะมีจิตใจกตัญญู
แต่ไม่แต่งงานตลอดชีวิต จะโดดเดี่ยวขนาดไหนกัน ถ้าหากตัวเองกับยายหยวนตายไปแล้ว นางจะทำอย่างไร
แต่ถ้าหากจะแต่งงาน ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีชายหนุ่มที่เหมาะสมกับลูกของเขา ไม่มีแน่นอน
ย่อมจะให้ลูกสาวแต่งงานไม่ได้ จะเป็นการทำให้นางลำบาก
ทันใดนั้นจิตใจของเจ้าห้าก็เกิดความขัดแย้งขึ้นมา
หยวนชิงหลิงเตือนเขาด้วยรอยยิ้ม“กวาเอ๋อเพิ่งจะแปดขวบ คิดเร็วเกินไปแล้ว ”
เจ้าห้ามองนางแวบหนึ่ง “เจ้าไม่รู้อะไร เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก เจ้าดูสิ นางแปดขวบแล้ว อีกเจ็ดปีก็ถึงวัยปักปิ่นแล้ว ”
เวลาเดินช้าลงหน่อยเถอะ
“เช่นนั้นก็ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ คิดมากไปก็ไร้ประโยชน์”หยวนชิงหลิงจูงมือของเขา ค่อยๆประสานนิ้วของตัวเองกับนิ้วทั้งสิบของเขา“อีกอย่าง นางย่อมมีวาสนาของนาง มีความสุขของนางเอง ถ้าหากภายหน้านางสามารถพบกับชายหนุ่มที่ดีเหมือนกับท่านพอของนาง แต่งงานด้วยก็ไม่เห็นเป็นไร ใช่หรือไม่”
“ไม่มีทางพบเจอแน่”บนโลกนี้มีหยู่เหวินเห้าเพียงคนเดียวเท่านั้น
ยังน่ากลุ้มใจมากอยู่ดี
หยวนชิงหลิงเองยังไม่เคยคิดการณ์ไกลถึงเพียงนี้ พอเล่าความจริงให้ฟังแล้วกลับเพิ่มความกังวลใจให้เขา รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง
แต่ว่า แม้ว่านางจะไม่พูด ใจเขาจะไม่คิดหรืออย่างไร ตั้งแต่วันที่กวาเอ๋อลืมตาดูโลก เขาก็มีศัตรูเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้ว นั่นก็คือว่าที่สามีในอนาคตของกวาเอ๋อ
แม้จะไม่รู้ว่าศัตรูคนนี้อยู่ที่ใด ไม่รู้ว่าเป็นคนเช่นไร แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความเกลียดชังของเขา
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้น้อยแห่งแคว้นจินที่พูดออกไปแล้ว ศัตรูก็มีตัวตนขึ้นมาในทันที สามารถทำให้เขาเป็นกังวลได้ระยะหนึ่ง
ช่วงหลายวันมานี้ เจ๋อหลานเชื่อฟังมาก ท่านพ่อมีเวลาว่างเมื่อไหร่ นางก็จะคอยอยู่ข้างกายท่านพ่อเสมอ พูดคุยเป็นเพื่อนเขา เล่นด้วยกัน อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ อายุแค่นี้ ก็เข้าใจประจบสอพลอแล้ว ทำเอาเจ้าห้าใจอ่อนไปหมด ไม่อยากจะโมโหนางอีกต่อไปแล้ว
เจ้าห้าก็คุยกับนางชั่วครู่ จึงได้รู้ว่าที่ไปเมืองโร่ตู เป็นภารกิจฝึกงานที่ฉีฮั่วให้นางทำ นั่นก็เท่ากับว่า ไม่ใช่ว่าลูกสาวกลับจากการสำเร็จการศึกษาแล้ว เพียงแต่อยากจะใช้โอกาสในการฝึกงานครั้งนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระของเขา
จะไม่ให้รักและเอ็นดูลูกสาวอย่างสุดขั้วหัวใจได้อย่างไร
แต่รักก็ส่วนรัก ที่สมควรลงโทษก็ยังต้องทำ ได้มีพระบัญชาตำหนิส่งไปให้อ๋องอันและอ๋องเว่ยที่จวนเจียงเป่ย สั่งสอนพวกเขาอย่างโหดเหี้ยม ด้วยการหักเงินเดือนเป็นจำนวนครึ่งปี
ช่วงเวลาพลบค่ำในวันนั้นเอง ชายาเฟิงอันได้ส่งคนเข้าวังไปเชิญหยวนชิงหลิง บอกว่าที่จวนอ๋องซู่มีคนป่วยคนหนึ่ง อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง ขอให้นางออกจากวังอย่างเร่งด่วน
ไม่ได้บอกว่าใครไม่สบาย แต่ว่า คนที่สามารถทำให้ชายาเฟิงอันส่งคนมาเชิญหยวนชิงหลิงในวังได้ คิดว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาแน่ แต่ว่า ในจวนอ๋องซู่ไม่ได้มีคนธรรมดานี่นา ล้วนเป็นพี่น้องเก่าแก่ของพวกเขา
หยวนชิงหลิงรีบถือกล่องยาออกจากวังตรงไปยังจวนอ๋องซู่
เมื่อถึงจวนอ๋องซู่ พระชายาพานางเข้าไปที่สวนชิงจูด้วยตนเอง
คนที่ไม่สบายเป็นฮูหยินเฒ่าคนหนึ่ง ร่างผอมมาก สีหน้าเหลืองซีด ผมขาว ดูแล้วน่าจะอายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว นางนอนอยู่บนเตียง หอบหายใจอย่างลำบาก บริเวณช่วงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าหายใจเหนื่อยมาก
ชายาเฟิงอันประคองฮูหยินเฒ่าขึ้นมา “ชิวฉาน ฮองเฮามาแล้ว นางมีวิชาแพทย์ดีเยี่ยม ต้องรักษาเจ้าให้หายได้แน่ ทำใจให้สบาย”
ฮูหยินเฒ่าที่ถูกเรียกว่าชิวฉานมองหยวนชิงหลิงแวบหนึ่ง รู้สึกซาบซึ้งอยู่บ้าง “ขอบ……ขอบพระทัยฮองเฮาเพคะ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณ เดิมทีเคยเป็นโรคอะไรมา กินยาอะไรบ้าง”
นางเอาเครื่องฟังเสียงออกมา ฟังเสียงปอดของนาง ชายาเฟิงอันก็พูดข้างๆว่า “หลายปีก่อนเคยป่วยหนัก รักษาจนหายแล้ว แต่ก็มีอาการสืบเนื่องจากโรคมาตลอด นั่นก็คือหายใจลำบาก ปีนี้เป็นหนักขึ้น ข้าจึงให้คนไปรับตัวนางมาจากจวนอ๋องผิงหนาน เพิ่งมาถึงเมืองหลวงไม่กี่วัน ดีท่าทีแล้วจะแย่กว่าเดิม บอกว่าปวดอยู่ตลอด ฉะนั้นจึงได้เรียกให้เจ้าออกจากวังมาช่วยรักษา เจ้าต้องช่วยรักษาอย่างเต็มที่นะ”
หยวนชิงหลิงไม่รู้ว่าฮูหยินเฒ่าคนนี้เป็นใคร แต่เห็นท่าทีเป็นห่วงเป็นใยของพระชายา คิดว่าคงเป็นคนเก่าแก่ที่ฟันฝ่าชีวิตมาด้วยกันกับพวกเขา
ที่ปอดมีเสียงแทรกซ้อนค่อนข้างหนัก หัวใจเต้นช้า มีแนวโน้มจะเป็นโรคหัวใจ อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่านางได้อดกลั้นต่อความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “เมื่อก่อนนางป่วยเป็นโรคอะไร ”หยวนชิงหลิงถาม
“วัณโรคปอด หาหมอจนรักษาหายแล้ว แต่ว่าหลายปีมานี้ร่างกายก็อ่อนแอมาตลอด”พระชายาพูด
“หมอที่ช่วยรักษาช่างมีความสามารถจริงๆ ไม่ทราบว่าเป็นใคร”
“ฟางหวู”พระชายาพูด
นางบอกว่าฟางหวู นั่นทำให้หยวนชิงหลิงมั่นใจว่าเป็นเพื่อนเก่าของพวกเขาเดินทางมาด้วยกัน
หยวนชิงหลิงใช้พลังจิต รับรู้ถึงก้อนเนื้อและพังผืดในปอดของนาง กระทั่งมี ก้อนเนื้อที่ผิดปกติ คนแก่อายุมากแล้ว วิธีการที่ใช้รักษาก็มีไม่มาก ได้แต่ใช้ยาเพื่อดูอาการไปก่อน
หวังเพียงแค่ว่า จะไม่เกิดอาการที่เลวร้ายลง
ให้น้ำเกลือนางก่อน จากนั้นก็เตรียมออกซิเจน และยังต้องใช้ฮอร์โมนขยายหลอดลม ให้นางหายใจได้คล่องขึ้นมาบ้าง
หลังจากใช้ยาแล้ว ดูสีหน้าค่อยๆดีขึ้นมาบ้าง การหายใจก็โล่งขึ้นมาก
ฮูหยินเฒ่าเอ่ยขอบคุณ บอกว่าไม่ได้หายใจสะดวกเช่นนี้มานานแล้ว
ระหว่างการรักษา ก็มีฮูหยินเฒ่าสองคนที่เข้าออก ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงไม่เคยพบพวกนางมาก่อน พระชายาจึงแนะนำให้รู้จัก บอกว่าพวกนางเป็นคนที่คอยติดตามมานาน หยุดไปชั่วครู่ แล้วค่อยๆพูดว่า“เป็นสนมรับใช้ของข้าเอง”
หยวนชิงหลิงตกตะลึง
นางเข้าใจผิดหรือ เป็นสนมรับใช้ของนางหรือของท่านอ๋องกันแน่ แต่คำถามนี้ไม่น่าถามเอาเลย
ผ่านไปชั่วครู่ มองดูคนป่วยที่อยู่บนเตียง “แล้วท่านนี้คือ”
“คนงานคนแรกของข้า นางชื่อชิวฉาน หลายสิบปีมานี้เวลาส่วนใหญ่ล้วนอยู่ที่จวนอ๋องผิงหนาน ดูแลอ๋องผิงหนาน”พระชายาตอบข้อสงสัยของนาง
หยวนชิงหลิงเข้าใจแล้ว ครั้งนี้พวกเขาคิดจะตั้งรกรากอยู่ที่นี่อย่างจริงจังแล้ว ฉะนั้นจึงไปรับคนเก่าแก่กลับมาอยู่ข้างกายตนเองทีละคน ใช้ชีวิตปั้นปลายอย่างสงบ
ตอนที่พวกเขายังเป็นสาวใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตอนนี้แก่แล้ว ก็ต้องอยู่ด้วยกัน
พระชายากับหยวนชิงหลิงเดินออกไปข้างนอก เอ่ยอย่างจริงใจว่า“ข้ารู้ว่าอาการของนางค่อนข้างหนัก แต่ขอร้องเจ้าให้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ช่วยยืดชีวิตของนางออกไปสักหน่อย ช่วยให้ความเจ็บปวดทุเลาลง แม้จะเป็นเวลาแค่หนึ่งปีหรือสองปีก็ยังดี”
หยวนชิงหลิงมีสีหน้าลำบากใจ ลังเลอยู่ชั่วครู่ พูดว่า“ข้าจะพยายาม แต่เกรงว่าอาการของท่านยายชิวจะมองในแง่ดีขนาดนั้นไม่ได้ ข้าไม่สามารถแน่ใจได้ว่าอาการของนางเป็นอย่างที่ข้าคาดเดาไว้หรือไม่ แต่มีโอกาสเป็นไปได้อย่างสูง”
แต่ใช่ว่าจะไร้วิธีการยืนยันให้แน่ใจ แต่นางไม่อาจจะพูดให้พระชายาได้ยินว่าแน่ใจ แม้จะไม่มีการทดสอบ แต่พลังจิตของนางรับรู้ได้ว่า ด้วยพลังของนางในตอนนี้ การมองโรคภัยชนิดหนึ่งออกได้ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบาก
“ความหมายของเจ้าคืออาการเลวร้ายลงหรือ”
“มีความเป็นไปได้”หยวนชิงหลิงพยักหน้า
พระชายาเหมือนตกใจอยู่บ้าง“เช่นนั้น เจ้าไร้วิธีช่วยแล้วหรือ”
“ข้าจะพยายาม”
แม้ว่านางจะมั่นใจในอาการของท่านยายชิว แต่ไม่รู้ว่าอาการจะเปลี่ยนไปหรือไม่ เปลี่ยนไปในระดับไหน
นึกถึงยาที่กลุ่มทดลองอีกกลุ่มหนึ่งของหยางหรูไห่ได้วิจัยออกมา เป็นยาที่ใช้สำหรับต่อต้านมะเร็งปอดในผู้สูงวัยโดยเฉพาะ ได้เข้าสู่กระบวนการทดลองใช้แล้ว
และที่นางรับผิดชอบก็คือการพัฒนายาที่มีอยู่แล้วให้มีคุณภาพดีขึ้น
“ขอบคุณ ขอให้เจ้าพยายามอย่างสุดความสามารถด้วย”พระชายาสีหน้าเคร่งขรึม มีความรู้สึกเสียดายผุดขึ้นมาในดวงตาของนาง สิ่งที่นางทำได้มีมากมายนัก แต่ว่า กลับไม่สามารถควบคุมเรื่องความเป็นความตายของคนข้างกายได้
“อย่าเป็นกังวลมากนัก บางที การตัดสินใจของคนไข้ก็สำคัญมาก ทานสามารถอยู่เป็นเพื่อนให้มากหน่อย ให้กำลังใจมากๆ”หยวนชิงหลิงพูด
พระชายาพูดเสียงเบาว่า“อืม จวนอ๋องซู่ของเราจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้กำลังใจแก่นาง และจะอยู่เป็นเพื่อนในช่วงแห่งการเยียวยารักษาที่ยากลำบากนี้”
เพราะว่า หลายปีมานี้ ใครก็ไม่คิดว่าจะต้องทิ้งใครไว้ข้างหลัง