บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1580 ลูกของพระชายา
ออกมาจากห้องของท่านยายชิว หยวนชิงหลิงก็ไปยังเรือนทิงหยู่เซวียน เพื่อพูดคุยกับผู้อาวุโสทั้งสาม พร้อมทั้งทำการวัดความดันโลหิต
ได้รับรู้สถานะของท่านยายชิว จากปากของพวกเขา นางชื่อชิวฉาน เป็นสาวรับใช้แต่เก่าก่อนของพระชายา แต่ว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ชิวฉานนั้นไม่เคยทอดทิ้งพระชายาและจวนอ๋องไปที่ใด และดูแลอ๋องผิงหนานหยู่เหวินจี๋มาด้วยดีตลอด
ส่วนสาวรับใช้อีกสองคน ท่านน้าหยุนกับท่านน้าเมิ่ง เป็นสนมรับใช้ของพระชายาจริงๆ ส่วนเพราะอะไรจึงเป็นสนมรับใช้ของพระชายา พวกเขาทั้งสามไม่ได้อธิบาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตั้งแต่พวกเขารู้จักท่านน้าหยุนกับท่านน้าเมิ่ง พวกนางก็เป็นสนมรับใช้ของพระชายาแล้ว
ผู้อาวุโสทั้งสามถามถึงอาการของท่านยายชิว ได้ยินว่าอาจเป็นโรคที่ค่อนข้างเลวร้าย พวกเขาต่างก็ตกตะลึงมาก คนที่เคยไปยังยุคปัจจุบัน ต่างก็รู้ว่าโรคเลวร้ายที่ว่าคืออะไร
จิตใจของผู้อาวุโสทั้งสามหนักอึ้งขึ้นมาทันที
หยวนชิงหลิงดูแล้วรู้สึกแปลกใจมาก “นางเป็นบ่าวรับใช้ของพระชายา พวกท่านก็คุ้นเคยกับนางมากหรือ”
อู๋ซ่างหวงพูดว่า“เมื่อก่อนจวนอ๋องซู่ ไหนเลยจะมีการแบ่งว่าเป็นสาวรับใช้ของใคร ต่อมาจักจั่นก็ไม่ได้เป็นสาวใช้แล้ว ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทุกคน ไม่แต่งงานตลอดชีวิต”
“จักจั่น”
“ก็คือท่านยายชิวที่เจ้าว่านั่นแหละ”
หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก ชิวฉาน จักจั่น เอาเถอะ ก็นับว่ามีเหตุผล
ข่าวที่ท่านยายชิวป่วยหนัก ทุกคนในจวนอ๋องซู่ต่างก็รับรู้ มีคนมากมายเข้ามาถามถึงอาการของท่านยายชิวกับหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงไม่เคยเห็นสีหน้าหนักอึ้งของชายชุดดำเหล่านี้มาก่อน และไม่เคยเห็นพวกเขาเคยเป็นห่วงใยใครมาก่อนด้วย ปกติเห็นพวกเขาเฉยเมยกันมาก มีเพียงเวลาเดียวที่กระตือรือร้น คือเวลากินข้าว
วันนั้นหยวนชิงหลิงอยู่กินข้าวที่จวนอ๋องซู่ กฎระเบียบในการกินข้าวของจวนอ๋องซู่คือต่างคนต่างถือชามของตัวเองหนึ่งใบ จุดนี้นางรู้ดี แต่ว่า วันนี้คนทั้งจวนต่างก็กินได้ไม่เท่าไหร่ มีข้าวและกับข้าวเหลือด้วย
นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หยวนชิงหลิงเข้าใจถึงความสำคัญของท่านยายชิวคนนี้ในใจของพวกเขา เพราะจากที่เซียวเหยากงเล่ามา ตอนนั้นท่านยายชิวเป็นคนที่ถือช้อนในหอจัยซิง แบ่งเนื้อแบ่งผักเท่าไหร่มีนางกับท่านน้าอีกสองคนเป็นผู้ตัดสินใจ ในความคิดของพวกเขา บุญคุณของการให้กินข้าวนั้นยิ่งใหญ่มาก
หยวนชิงหลิงเชิญคุณย่ามาที่นี่ ใช้ยาแพทย์แผนจีนในการรักษาเพื่อปรับสมดุลระยะหนึ่ง ให้พื้นฐานของร่างกายแข็งแรงแล้วค่อยให้ยาของนาง
เพราะว่าอาการสำคัญของท่านยายชิวตอนนี้คือหายใจลำบากและเจ็บปวดอย่างรุนแรง ยาระงับปวดนั้นขาดไม่ได้แน่นอน แต่ว่า นางกระเพาะไม่ดี กินยาแก้ปวดไปหลายวัน ปวดกระเพาะเป็นอย่างยิ่ง และมีอาการอาเจียน กินข้าวไม่ลง อาการปวดทวีความรุนแรงขึ้น ได้แต่ฉีดยาแก้ปวด แต่ว่าหยวนชิงหลิงไม่สามารถอยู่ในจวนได้ตลอด ฉะนั้น สุดท้ายจึงใช้ยาแปะแก้ปวดให้นาง การติดหนึ่งครั้งสามารถระงับปวดได้เจ็ดสิบสองชั่วโมง
เพียงแต่ใช้ยาแปะแก้ปวดแล้ว กลับปรากฏว่ามีผลข้างเคียงของอาการไหลเวียนอากาศในปอดไม่เพียงพอเกิดขึ้น เดิมทีนางก็หายใจลำบากอยู่แล้ว ใช้ยาแปะแก้ปวด กลับทำให้การหายใจยิ่งลำบากมากขึ้น
หยวนชิงหลิงกลับไปปรึกษากับเจ้าห้าในวัง ว่าจะอยู่ที่จวนอ๋องซู่เป็นการชั่วคราว รอให้ยาของหยางหรูไห่ผ่านการทดลองแล้ว ยาที่ใช้ให้ผลดีเยี่ยมแล้วค่อยกลับวัง
เดิมทีคิดว่าอย่างน้อยเจ้าห้าคงจะอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ไหนเลยจะรู้ว่า หยวนชิงหลิงเพิ่งจะพูดจบ เจ้าห้าก็ตอบตกลงทันที ยังพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “เจ้าไปเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงในวัง ข้ากับกวาเอ๋อมีเวลาว่างจะไปเยี่ยมเจ้า”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ทำไมดูเหมือนท่านอยากจะให้ข้าไปเสียจริง”
เจ้าห้าส่ายหน้า “ไม่ใช่เสียหน่อย จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ข้าอาลัยอาวรณ์มาก แต่การช่วยชีวิตคนสำคัญ อีกทั้งคนแก่ในจวนอ๋องซู่ ต้องพยายามช่วยให้เต็มที่ เจ้าก็รู้ว่าตอนนั้นลำพังแค่จวนอ๋องซู่ก็เสียสละชีวิตผู้คนให้กับเป่ยถังไปตั้งเท่าไหร่ ทุกคนล้วนเป็นผู้มีความสามารถ”
ภายใต้การจับตามองของหยวนชิงหลิง น้ำเสียงของเจ้าห้าค่อยๆอ่อนลง สุดท้ายก็พูดอย่างเขินอายว่า “ข้ากับกวาเอ๋อสามารถอยู่ร่วมกันตามลำพังสักพัก เจ้าไม่อยู่ในวัง เช่นนั้นไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็เล่าให้ข้าฟัง เพราะไม่ว่าอย่างไรก็หาเจ้าไม่ได้”
ที่แท้ก็มีจุดประสงค์เช่นนี้เอง หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก ให้กำเนิดลูกสาวมาเป็นศัตรูหัวใจตนเอง เป็นชะตากรรมของแม่ที่ให้กำเนิดลูกสาวทุกคนบนโลกนี้
แต่ว่า ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อเจ้าห้าคาดหวังมาตลอดว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับลูกๆมาตลอด เพื่อชดเชยความเสียใจที่หลายปีนี้ไม่ได้อยู่ข้างกายกัน ให้ช่องว่างพวกเขาสองพ่อลูกเสียหน่อยก็ดี
หยวนชิงหลิงเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ลู่หยาบอกว่าจะตามไปด้วย นางรู้ว่าที่จวนอ๋องซู่นอกจากจะมีพ่อครัวแล้ว เรื่องอื่นๆไม่มีใครคอยปรนนิบัติรับใช้ ตอนนี้ฮองเฮามีสถานะไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ต้องสูงส่งอยู่บ้าง ไม่สามารถทำเองได้ทุกเรื่อง ฉะนั้นจะตามไปรับใช้ด้วย
หยวนชิงหลิงปฏิเสธ ใครๆก็ไม่ต้องการการรับใช้ มีแต่นาง เห็นได้ชัดว่านางแตกต่างมาก ฮองเฮาอะไรกัน ในสายตาของผู้อาวุโสที่จวนอ๋องซู่ ก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว ก็กำชับกวาเอ๋ออย่างดีว่าต้องอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อ และมีสวีอีคุ้มครองส่งออกไปนอกวัง
อะซี่ถอนหายใจ นางเพิ่งจะย้ายเข้ามา พี่หยวนก็ย้ายออกไปอยู่ทื่อื่น นางอยู่ในวังช่างน่าเบื่อนัก
หยวนชิงหลิงไปถึงจวนอ๋องซู่ สองสามีภรรยาท่านชายสี่เหลิ่งก็มาเยี่ยมท่านยายชิว
ความรู้สึกที่ท่านชายสี่เหลิ่งมีต่อท่านยายชิวก็แน่นแฟ้นนัก องค์หญิงพูดให้หยวนชิงหลิงรับรู้ บอกว่าตอนที่เขายังเล็กถูกพระชายารับไปเลี้ยงดู ตอนแรกนั้นพระชายาเลี้ยงเด็กไม่เป็น มีท่านยายชิวเป็นคนเลี้ยงดูเขาเสียมากกว่า หลังจากนั้นก็เรียนรู้วิทยายุทธ พระชายาเข้มงวด มีท่านยายชิวคอยพูดขอร้อง เขาจึงไม่ต้องลำบากมากนัก
หยวนชิงหลิงพูดว่า“ก็จริง พระชายาไม่เคยมีลูกมาก่อน ย่อมเลี้ยงเด็กไม่เป็น”
“ไม่ใช่นะ ได้ยินสามีข้าบอกว่าพระชายาเคยให้กำเนิดลูกหนึ่งชายหนึ่งหญิง ภายหลังตอนอายุสิบกว่าก็ส่งออกไป ไม่รู้ว่าส่งไปที่ไหน แต่หลังจากนั้นสามีข้าก็เคยเจอพวกเขาแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ”
“พระชายามีลูกด้วยหรือ”หยวนชิงหลิงตกใจ นางไม่เคยได้ยินมาก่อน “เจ้าฟังผิดไปหรือไม่ พวกเขาเคยรับเลี้ยงเด็กใช่หรือไม่ ตอนนั้นอ๋องชินเฟิง……”
องค์หญิงโบกมือ“ไม่ใช่ ไม่ใช่ เป็นลูกที่พระชายาคลอดเอง หนึ่งชายหนึ่งหญิง แฝดชายหญิง โตกว่าสามีข้าหลายปีนัก ”
“จริงหรือ”หยวนชิงหลิงไม่ค่อยเชื่อ เมื่อก่อนตอนที่สองสามีภรรยาอ๋องชินเฟิงอันใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ไม่เห็นมีลูกก็สามารถเข้าใจได้ แต่ว่าหลายปีมานี้พวกเขาแทบจะอยู่แต่ในเมืองหลวง และไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีลูกของพวกเขามาเยี่ยม แม้ความสัมพันธ์จะดีแค่ไหน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่หลายปีแล้วจะไม่มาหาพี่แม่ของตัวเองเลยสักครั้ง
นอกเสียจากว่าระหว่างพ่อแม่กับลูกจะมีเรื่องขัดแย้งกัน
“จริงแท้แน่นอน ข้าได้ยินสามีข้าพูด พวกเขาก็ถูกท่านยายชิวกับท่านน้าทั้งสองเลี้ยงจนเติบโต ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะกลับมาหรือไม่ ”องค์หญิงพูดอย่างมีความหวังอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงเอ่ยพึมพำว่า“ข้าคิดมาตลอดว่าพวกเขาไม่ได้ให้กำเนิดลูก”
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกอยากรู้ขึ้นมา สองสามีอ๋องชินเฟิงอันให้กำเนิดลูกแบบไหนกัน มีนิสัยเป็นเช่นไร
หลังจากคุยกับองค์หญิงชั่วครู่ นางก็เข้าไปที่ห้องของท่านยายชิว ท่านชายสี่เหลิ่งกำลังเช็ดหน้า เช็ดมือให้กับท่านยายชิว ตั้งใจและละเอียดมาก ท่านยายชิวมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตา ถามถึงเรื่องลูกขึ้นมาเป็นบางครั้ง ท่านชายสี่เหลิ่งตอบด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เห็นได้ชัดว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นแน่นแฟ้นมาก
เห็นหยวนชิงหลิงเข้ามา ท่านชายสี่เหลิ่งเงยหน้าขึ้นถามว่า“ตอนนี้นางอาการดีขึ้นบ้างแล้ว สามารถออกไปเดินเล่นได้หรือไม่”
“ได้”หยวนชิงหลิงพูด
ท่านชายสี่เหลิ่งจึงพูดกับท่านยายชิวว่า“ประเดี๋ยวข้าจะประคองท่านออกไปเดิน พวกเราต้องตากแดดกันบ้าง จะได้เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ”
“ได้ ข้าเชื่อท่านชายสี่”ท่านยายชิวยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยย่นที่หางตาพับขึ้นเป็นชั้น
หยวนชิงหลิงยกน้ำเข้ามา พูดว่า“กินยาก่อน ”
ท่านยายชิวนั่งตัวตรง เอ่ยอย่างซาบซึ้งใจว่า “ฮองเฮา ข้าไม่สบายเป็นการรบกวนพระองค์จริงๆ ยังให้พระองค์ทรงเดินทางออกจากวังมารักษาข้าโดยเฉพาะ ข้ารู้สึกละอายใจจริงๆ ”
หยวนชิงหลิงยังไม่ทันได้พูดอะไร ท่านชายสี่เหลิ่งก็พูดว่า“ไม่ต้องเกรงใจกับนาง ตอนที่พวกเขาสองสามีภรรยาเรียกใช้ข้า ก็มองข้าเป็นแค่ล่อตัวหนึ่งเท่านั้น คำพูดของอาจารย์ ทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้นกลับคืน”
ท่านยายชิวตีมือของเขา ด่าพลางยิ้มว่า “อย่าเสียมารยาท”
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “ท่านยาย เขาเป็นอาจารย์ข้า ถูกต้องแล้วที่ถูกเขาเรียกใช้งาน”