บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1582 ข้าอยากปล่อยวาง
ผ่านไปสองวันเจ้าห้าก็พาลูกออกจากวังมาแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่ได้โกรธแล้ว เขาจะไปมีความคิดไม่ดีอะไรล่ะ? ก็แค่อยากอยู่กับลูกสาวตามลำพัง
และความจริงก็พิสูจน์ หลังจากกวาเอ๋อได้เจออู๋ซ่างหวง ก็ลืมพ่อของตนเองจริงๆ ร้องเรียกแต่เสด็จปู่ทวดไม่หยุด จูงมือเขาแล้วก็เดินเล่นอยู่ในลาน ทานข้าวด้วยกัน เช็ดหน้าเช็ดมือให้กับอู๋ซ่างหวง ยังเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนเขาด้วย
แม้แต่หยวนชิงหลิงยังชมว่านางว่าง่าย รู้จักดูแลคนแก่ด้วย
เจ๋อหลานแอบกระซิบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “แม่ ถึงจะบอกว่าการชอบคนคนหนึ่งไม่สามารถวัดด้วยเงินทอง แต่หากมีคนคนหนึ่งยอมยกหุบเขาเงินหุบเขาทองให้กับเจ้า แสดงว่าเขาจะต้องรักเจ้ามาก”
หยวนชิงหลิงเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ใช่ ความรักใคร่ที่อู๋ซ่างหวงมีต่อกวาเอ๋อ ไม่เหมือนใครจริงๆ
ก่อนหน้านี้ นางเคยเป็นห่วงว่าความรักความเอ็นดูที่อู๋ซ่างหวงมีให้กับกวากวา จะทำให้พระชายาคนอื่นอิจฉาริษยา กลัวจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสะใภ้ลูกพี่ลูกน้อง
แต่ความจริงแล้ว พระชายาซุนก็เคยบ่นอยู่อย่างค่อนข้างน้อยใจ
หรงเยว่ทนไม่ได้ พูดตอบกลับนางทันทีว่า “เจ้าจะไปรู้เรื่องอะไร? ยกหุบเขาทองคำให้กับกวาเอ๋อ ต่อไปเมื่อราชสำนักต้องการใช้เงินทอง กวาเอ๋อจะนิ่งดูดายได้หรือ? กลับกันหากยกให้เจ้าหรือให้ข้า เราจะยอมเอาออกมาหรือ?”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา พระชายาซุนก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ พร้อมรีบพูดขอโทษหยวนชิงหลิง
นับตั้งแต่นั้นมา หยวนชิงหลิงก็ไม่เคยเป็นกังวลอีก
หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงเดินเล่นอยู่ในลาน ได้ยินว่าเสด็จปู่ใหญ่มีลูก เจ้าห้าก็ค่อนข้างปลื้มใจ พร้อมพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “อยากเห็นพวกเขาจังเลย ไม่รู้ว่าจะต้องเรียกว่าลุงหรืออา?”
ใช่ ไม่รู้ว่าอายุจะเยอะกว่าเสด็จพ่อไหม
“เห็นว่าจะกลับมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“นิสัยราวกับจิ้งจอกของเสด็จปู่ใหญ่นั้น ไม่รู้ว่าลุงหรือป้าจะเหมือนเขาไหม?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา เจ้าเล่ห์กันทั้งครอบครัว
ลูกสาวอ๋องชินเฟิงอันยังไม่มา แต่ทางด้านหยวนหย่งอี้มีข่าวดีเสียก่อน
คลอดแล้ว
เดิมก่อนที่จะคลอด อ๋องฉีจะให้หยวนชิงหลิงไปตรวจดูตำแหน่งครรภ์ แต่ก่อนกำหนดคลอดอีกครึ่งเดือน หยวนหย่งอี้ก็คลอดเสียแล้ว
แล้วก็คลอดได้ผู้หญิงด้วย
ณ เวลานี้ ถือเป็นลูกสาวที่ตัวเล็กที่สุดของตระกูลหยู่เหวิน
หยวนชิงหลิงสองสามีภรรยาพร้อมเจ๋อหลานรีบพากันไปดูเด็ก มาถึงจวนอ๋องฉี อ๋องซุนอ๋องหวยพวกเขาก็มากันแล้ว อ๋องฉีอุ้มลูกสาวออกมาอวด เรียกได้ว่าปลื้มใจอย่างมาก
ทารกสาวน้อยยังไม่ลืมหน้าลืมตา ใบหน้าน้อยๆดำคล้ำ มองไม่ออกว่าเหมือนใคร แต่อ๋องฉีก็บอกว่าสวย สวยที่สุด
หลังจากโอ้อวดอย่างปลาบปลื้มแล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “จวนอ๋องฉีไม่ได้จัดงานเลี้ยงมานานมากแล้ว รอเมื่อลูกครบเดือน ก็ต้องจัดสักครั้ง ข้าต้องเขียนจดหมายไปถามเจ้าสามเจ้าสี่ว่าเสร็จงานที่เมืองโร่ตูหรือยัง ให้พวกเขากลับมาดื่มเหล้าครบเดือน”
ทันใดนั้น ก็มีคนขี่ม้าเร็วส่งจดหมายมาที่ที่พักคนเดินทาง แล้วม้าของที่พักคนเดินทางส่งจดหมายมาที่จวนเจียงเป่ย
เดิมอ๋องฉีคิดว่าทุกคนจะอิจฉาเขา แต่ทุกคนต่างมีลูกเป็นของตนเอง และก็มีลูกสาว ใครจะอิจฉาเขา? แม้แต่เจ้าห้าก็ไม่อิจฉาแล้ว กวาเอ๋อของเขา เป็นหนึ่งในใต้หล้า
จะต้องอิจฉาใคร?
พระชายาคนอื่นๆพูดคุยเป็นเพื่อนอยู่กับหยวนหย่งอี้ที่เพิ่งคลอด ทุกคนต่างดีใจแทนนาง ในที่สุดก็คลอดแล้ว
แต่เมื่อพูดถึงอิจฉา ก็ไม่ถึงขนาดนั้น
แม้แต่ฮูหยินเหยาที่ใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่กับฮุ่ยเทียน ก็ไม่ต้องอิจฉาใคร
หยวนชิงหลิงบอกว่าแบบนี้ดีที่สุด ต่างคนต่างก็มีชีวิตที่มีความสุขเป็นของตนเอง ไม่จำเป็นต้องอิจฉาใคร
แต่เรื่องที่หยวนหย่งอี้คลอดลูก กลับไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกคนของจวนอ๋องซู่เอามาอ้างเพื่อกระทำเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือปิ้งย่าง
ยังไงก็เป็นการเพิ่มสมาชิกใหม่ของราชวงศ์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ จึงรีบจัดการเตรียมเนื้อย่างกัน
ก่อนหน้านี้ ท่านย่าหยวนเคยบอกไว้ จวนอ๋องซู่ห้ามจัดงานเลี้ยงปิ้งย่างบ่อยๆ เพราะทานเยอะทำให้เป็นร้อนใน ทั้งชายเฒ่าหญิงชรา ทานเนื้อเยอะไม่ดี บวกกับตอนที่ย่างเนื้อไม่ได้ทานแค่เนื้อ ยังดื่มเหล้าอย่างไม่จำกัด ดังนั้นจึงมีคำสั่ง ต้องมีเรื่องยินดีถึงจะจัดได้
อ๋องฉีสองสามีภรรยาได้ลูกสาว ถือเป็นเรื่องใหญ่ กลุ่มคนเฒ่าชุดดำมาขออนุญาตต่อหน้าท่านย่าหยวน หลังจากถูกปฏิเสธกลับไปแล้วยังไม่พอใจ ยังพากันกลับมาอีก พูดโน้มน้าวจนท่านย่าหยวนทนไม่ไหว จำต้องยอมตกลง
แต่มีข้อแม้ เหล้ากับเนื้อนางต้องเป็นคนควบคุม
ตอนนี้ นางเข้มงวดจนกลายเป็นผู้ดูแลจวนอ๋องซู่ไปแล้ว
แต่นางก็มีความสุข ช่วงที่ดีที่สุดในบั้นปลายชีวิต ก็คือการได้อยู่กับคนที่นางชื่นชม
หลังจากใช้ยา อาการป่วยของยายชิวก็ดีขึ้น หรือเรียกได้ว่าสามารถยับยั้งได้ อาการป่วยไม่ได้แย่ลง และยาแก้ปวดก็ฉีดน้อยลง
ที่จริงยาของหยวนชิงหลิงที่ใช้ตอนนี้ ไม่สามารถยับยั้งอาการป่วยของนางได้ บางทีอาจเป็นเพราะกำลังใจจากทุกคน หรืออาจเป็นเพราะความเข้มแข็งของนางเอง ดังนั้นอาการป่วยจึงไม่พัฒนาขึ้น
คนในจวนอ๋องซู่พูดว่า เพียงสิ่งนี้ก็เพียงพอที่ทุกคนควรจะจัดเลี้ยงปิ้งย่างสักมื้อ แน่นอนว่าถูกท่านย่าหยวนปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
ตอนที่จัดงานเลี้ยงปิ้งย่าง หยวนชิงหลิงก็อยู่ ความคึกคักในจวนอ๋องซู่ นางอยากมีส่วนร่วมอีกครั้ง บรรยากาศแบบนั้นเป็นที่น่าประทับใจมาก
เป็นแบบที่ไม่คาดคิดว่า งานเลี้ยงกลุ่มคนเฒ่า กลับทำให้นางที่เป็นวัยรุ่นรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด นี่จึงน่าแปลกมาก
ปริมาณเนื้อถูกจำกัดอย่างที่สุด แล้วเพิ่มปริมาณผักแทน ท่านย่าหยวนออกมาพูดกับทุกคนว่า ผักปิ้งย่างก็อร่อย
ทุกคนต่างทานหนึ่งคำเพื่อเป็นการทำให้ท่านย่าหยวนดู แล้วก็ยังคงพากันไปแย่งเนื้อที่มีอย่างจำกัด เปลวไฟร้อนส่องสว่างใบหน้าที่มีความสุขของทุกคน อ๋องชินเฟิงอันสามีภรรยาก็มาแย่งด้วย พร้อมย่างด้วยตนเอง คึกครื้นกันอย่างมาก
ทานกันไปพอประมาณแล้ว หยวนชิงหลิงกับพระชายามานั่งอยู่ด้วยกัน ยิ้มมองดูกลุ่มพวกสามเฒ่าที่เมามายกันอยู่อย่างพอประมาณ
“ข้าสั่งคนไปเอายาที่หยางหรูไห่แล้ว คาดว่าอีกสองวันคงมาถึง” จู่ๆชายาเฟิงอันก็พูดกับหยวนชิงหลิง
“จริงหรือ? งั้นดีมากเลย ข้ารอนางแจ้งมาตลอด มีคนสามารถส่งมาได้เป็นเรื่องที่ดีที่สุด” หยวนชิงหลิงค่อยโล่งอก
“ใช่ หวังว่ายาตัวใหม่จะใช้กับนางได้ผล ยายังไม่ได้วางขายอย่างเป็นทางการ นางถือเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มทดลอง เจ้ารับผิดชอบติดตามข้อมูลของนาง”
หยวนชิงหลิงพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ข้ารับผิดชอบ”
ยายชิวยังไม่ได้รับการรักษาอย่างเป็นทางการ เข้ากลุ่มทดลองเหมาะสมที่สุด อย่างน้อยก็สามารถทราบผลของการรักษาเบื้องต้นได้อย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงไม่ได้ถามนางว่าใครจะเป็นส่งยามา ยังไงพระชายาก็เป็นคนกว้างขวาง จะหาใครสักคนนำยามาส่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
นางไม่ได้คิดเป็นอื่น
ยายชิวก็ออกมาสนุกสนานกับทุกคนสักพัก พระชายาเป็นห่วงนาง จึงย่างเนื้อชิ้นเล็กให้กับนาง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วให้นางทานลงไป
นางยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข นั่งอยู่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ไม่ไหว ขอตัวกลับก่อนแล้ว
หยวนชิงหลิงตามไปด้วย นางบอกว่ารู้สึกปวดขึ้นมาอีกแล้ว หยวนชิงหลิงจึงฉีดยาแก้ปวดให้กับนาง
หลังจากฉีดยาแก้ปวดแล้ว ยายชิวไม่ง่วงนอน นางพูดขึ้นว่า “ฮองเฮา ท่านพอมีเวลาคุยกับข้าหน่อยไหม?”
“ได้สิ” หยวนชิงหลิงยิ้มหัวเราะ ยังไงนางก็ไม่ง่วง และก็ทานอิ่มแล้ว อยู่คุยเป็นเพื่อนคนแก่ก็ถือเป็นการแก้เบื่อ
ยายชิวมองดูนาง พร้อมถามขึ้นด้วยสายตาหม่นหมองว่า “ฮองเฮา ท่านบอกข้ามาเถอะ ข้ายังมีเวลาเหลืออีกนานแค่ไหน?”
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่านางจะถามเช่นนี้ รีบหันหลบสายตา พร้อมพูดขึ้นว่า “ท่านให้ความร่วมมือในการรักษาก็พอ ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
ยายชิวส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าว่า “ที่จริงช่วงเวลานี้ทรมานอย่างมาก แต่ข้าวางใจคุณหนูไม่ลง ปล่อยวางคนมากมายพวกนี้ไม่ได้ พวกเขาต่างคาดหวังให้ข้ามีชีวิตต่อ ข้าไม่กล้ามีความคิดที่ปล่อยวางเลยด้วยซ้ำ ที่จริงฮองเฮาก็น่าจะรู้ คนเรายากที่จะหนีพ้นความเป็นความตาย ยังไงข้าก็ต้องมีวันที่ต้องจากไป หากไม่ใช่เพื่อพวกเขา ข้าก็ไม่อยากอดทนแล้ว ทรมานเกินไป”
ภายในใจหยวนชิงหลิงเจ็บปวด จัดมุมผ้าห่มให้นางดีๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ต่อให้จะมีวันนั้น แต่ทุกคนต่างก็อยากให้มาถึงช้าหน่อย อยู่เป็นเพื่อนพวกเขา ไม่ดีหรือ? เพื่อเป้าหมายนี้ ก็ควรที่จะอดทนต่อ อีกอย่างอีกสองวันยาก็จะถูกส่งมาแล้ว ประสิทธิภาพของยาใหม่จะยิ่งดี ถึงตอนนั้นท่านก็จะไม่เจ็บปวดทรมานขนาดนี้แล้ว”
ยายชิวพูดตอบด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ดี”