บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1583 ลูกสาวของพระชายา
เมื่อออกมาจากห้องยายชิว หยวนชิงหลิงหนักอกหนักใจ
ที่จริงยายชิวอายุมากแล้ว บวกกับหลายปีมานี้ร่างกายไม่ดีมาตลอด คาดว่าตัวนางเองก็คงเบื่อหน่ายกับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
คนที่ป่วยระยะยาว มักง่ายที่จะมีความคิดปล่อยวาง อาจเป็นเพราะยายชิวก็คงทำใจไม่ได้ จึงอดทนมาตลอด
หวังว่ายาตัวใหม่จะใช้ได้ผล หยวนชิงหลิงไม่อยากเห็นคนกลุ่มนี้ที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต ในเวลานี้ที่ได้อยู่รวมตัวกัน แล้วต้องส่งใครสักคนจากไป
หากทุกอย่างล้วนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ก็หวังว่าจะสามารถได้มีชีวิตยืนยาวบ้าง
นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่สวยงาม ไร้สิ่งกังวล และไม่มีภาระหนักหน่วงที่สุดในชีวิตของพวกเขา
ช่วงนี้หรงเยว่ก็มาที่จวนอ๋องซู่บ่อยๆ ช่วงทำงานบ้าง ช่วยดูแลคนแก่บ้าง
ก่อนที่หรงเยว่จะมา ก็ได้ชวนพระชายาซุนมาด้วย แต่พระชายาซุนบอกว่าไม่อยากมา นางกลัวอู๋ซ่างหวงมาก
นางให้หรงเยว่พูดกับหยวนชิงหลิงว่า ตอนนี้นางเป็นฮองเฮาแล้ว ไม่ใช่พระชายาฉู่ และก็ไม่ใช่ฮูหยิน ต้องระวังสถานะของตนเองบ้าง ยังไงออกจากวังคนเดียวไม่ปลอดภัย หากเจออันตราย หรือเกิดอะไรขึ้น ข้างกายก็ควรที่จะมีองครักษ์ของตนเอง จะเอาตนเองไปเสี่ยงอันตรายไม่ได้
ความหวังดีของพระชายาซุน หรงเยว่ก็เถียงนางจนเป็นสิ่งที่เคยชินแล้วว่า “จะพูดถึงสถานะอะไรกัน? หากพูดถึงสถานะ คนในจวนอ๋องซู่ไม่สูงส่งกว่านางหรือ?”
หลังจากหรงเยว่มาถึงจวนอ๋องซู่ ยังเล่าเรื่องนี้ให้หยวนชิงหลิงฟัง
หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นความหวังดีของพี่สะใภ้รอง แต่เจ้าก็พูดถูก จะอ้างถึงสถานะอะไรล่ะ? หากอ้างถึงสถานะจริงๆ เดิมข้าเป็นหมอ ฮองเฮาก็แค่เป็นไปเรื่อยเท่านั้นเอง ฮองเฮาไม่ใช่ความรุ่งโรจน์ของข้า”
“ข้าเห็นด้วย” หรงเยว่เห็นด้วยกับนาง
นางเป็นพระชายาหวยมานานแล้ว แต่ไม่เคยเอาสถานะความเป็นราชวงศ์มาแสดงตน และก็ไม่คิดว่าตนเองเป็นต้าซิงจวิ้นจู่ นางก็คือหรงเยว่ของสำนักเหลิ่งหลัง เป็นคนที่ออกมาจากชีวิตที่อยู่ท่ามกลางการนองเลือด มีกิจการเป็นของตนเอง
นางตัดสินใจว่าต่อไปจะชักชวนให้พระชายาซุนก็มีกิจการเป็นของตนเอง ดูภรรยาก่อนหน้านี้ของเจ้าสามก็ไม่เลวไม่ใช่หรือ? รับเลี้ยงเด็ก พอเลี้ยงโตแล้ว ก็ถือเป็นงานของตนเองแล้ว
ตอนนี้ฮูหยินเหยาก็ไม่ได้อยู่บ้านเฉยๆ เดิมนางก็เป็นคนมีความสามารถ ตอนนี้ก็เริ่มต้นธุรกิจผ้าซาตินของตนเอง เปิดร้านหลายสาขาแล้ว เป็นเถ้าแก่เจ้าของกิจการเล็กๆแล้ว
หยวนหย่งอี้ยังไม่ปล่อยวางความฝันของตนเอง ก่อนจะท้องลูกคนที่สอง ได้ออกไปท่องเที่ยวอยู่นาน นางพูดว่า ต่อไปลูกโตแล้ว ยังจะออกไปอีก
ทุกคนควรลองใช้ชีวิตหรือประสบการณ์นอกเขตความสะดวกสบายของตนเองบ้าง
ถึงจะถือเป็นการมาถึงโลกโดยไม่เสียใจ
ตอนนี้หรงเยว่ทำทุกอย่าง ช่วยสำนักเหลิ่งหลังสืบคดี ดูแลครอบครัว ตอนนี้มีเวลาว่าง ก็มาทำงานที่จวนอ๋องซู่ ชีวิตของนางช่างมีสีสัน ใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าเป็นของตัวเองจริงๆ
และนี่ก็เป็นสิ่งที่หยวนชิงหลิงชื่นชมนาง
ทั้งสองคนช่วยกันจัดการงานภายในจวนอ๋องซู่ ดูแลจัดการทั้งภายนอกภายในให้เรียบร้อย เมื่อได้มาอยู่ด้วยจริงๆแล้ว ค่อยรู้ว่าคนเฒ่าพวกนี้ดูแลตนเองไม่เป็นเลย ไม่รักษาความสะอาดเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุด
เรื่องนี้ แม้แต่อู๋ซ่างหวงก็เป็นเช่นนี้
เป็นฝ่าบาทอยู่ในวังมาตั้งนานขนาดนี้ มีคนคอยดูแลอยู่ข้างกายมาตลอด แต่เขายังคงชินกับทุกสิ่งในชีวิตที่เรียบง่ายและเลอะเทอะ
การให้เขาสระผมเป็นสิ่งที่ยากที่สุด
แม้แต่ท่านย่าหยวนมาพูดก็ไม่ได้ ยึดหลักการรักษาเหาบนหัว เป็นเดือนก็ไม่ยอมสระสักครั้ง ไม่ว่าหยวนชิงหลิงจะพูดดียังไง ก็ใช้ไม่ได้ผล
แต่หรงเยว่ไม่พูดไม่จา ต้มน้ำร้อนมาแล้วก็เทน้ำยาสระผมบนหัวของเขาเลย จนถึงเขาจะด่าทอ ก็ไม่สระไม่ได้
หยวนชิงหลิงยกนิ้วโป้งให้กับหรงเยว่
หรงเยว่แอบพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “วิธีนี้ พระชายาเป็นคนสอน บอกว่าหากอ่อนโยนกับพวกเขาไม่ได้ผล ก็ต้องใช้ไม้แข็ง พวกเขารังแกคนอ่อนแอ กลัวคนแกร่ง”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเสียงดัง เมื่อคิดดูดีๆแล้วก็เป็นเช่นนี้จริง
ผ่านไปสองวัน หยวนชิงหลิงอยู่คุยกับพวกเขาที่เรือนทิงหยู่เซวียน พระชายาส่งคนมาบอกว่าคนส่งยามาถึงแล้ว ให้หยวนชิงหลิงไปที่ห้องยายชิว
หยวนชิงหลิงจึงรีบไปหา เมื่อมาถึงห้องของยายชิว ก็เห็นพระชายากับคนสองคนอยู่ตรงหน้าเตียงของยายชิว
ทั้งสองคนแต่งตัวเหมือนคนยุคปัจจุบัน ผู้ชายผมสั้น ใบหน้าหล่อเหลา อายุไม่เยอะพอๆกับท่านชายสี่ เพียงแค่ในร่างกายมีลมหายใจที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่ง สัญชาตญาณของหยวนชิงหลิงบ่งบอกว่า เขาเป็นทหารในยุคปัจจุบัน
ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่งก็ผมสั้น หน้าตาคล้ายพระชายา สวมกางเกงยีน สวมเสื้อยืด ให้ความรู้สึกที่มีความสามารถมาก นาง….ก็เหมือนทหาร
ท่าทีของทั้งสองค่อนข้างแข็งแกร่ง และสามารถเดาได้ว่าระดับไม่ต่ำแน่
หยวนชิงหลิงค่อนข้างตื่นเต้น พวกเขาเป็นลูกชายลูกสาวของพระชายา?
และแล้วก็ได้ยินพระชายาพูดแนะนำขึ้นว่า “เจิ้นรุยกับเจิ้นลี่ ลูกชายลูกสาวของข้า”
ความตื่นเต้นของหยวนชิงหลิงบังเกิดในหนึ่งวินาที
แต่ยังรักษามารยาทเอาไว้ เดินไปจับมือ พูดขึ้นอย่างไม่คิดถึงนามสกุลของพวกเขาว่า “สวัสดี ข้าชื่อหยวนชิงหลิง….”
ทั้งสามคนจับมือกัน พร้อมยิ้มหัวเราะพูดขึ้นว่า “เคยได้ยิน รู้จักเจ้าอยู่”
“จริงหรือ? งั้นข้า….ข้าต้องเรียกพวกท่านว่าท่านลุงกับท่านป้า” หยวนชิงหลิงยังตื่นเต้นอย่างมาก
“แค่คำเรียก ไม่สำคัญ” เจิ้นรุยพูดขึ้น
“ยาเอามาแล้ว” พระชายาพูดเตือนหยวนชิงหลิง
“อ้อ ได้ ข้าดูสิ” หยวนชิงหลิงรีบหันหน้าไป ยามีหนึ่งกล่อง มีปริมาณใช้ได้ครึ่งปี เพราะยายังไม่ถูกวางจำหน่าย ดังนั้นกล่องยาของนางจึงไม่มียาพวกนี้ ต้องมีคนนำส่งมาให้
ในกล่องยาหนึ่งกล่องยังมีสมุดเล่มหนึ่ง หยวนชิงหลิงเปิดดู ล้วนเป็นข้อมูลจากการทดสอบปัจจุบัน หยางหรูไห่เป็นคนใส่มา
นางอ่านดูอย่างละเอียด จากข้อมูลปัจจุบัน ซึ่งได้ผลดีมาก นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้ายอีกด้วย
“ได้ จะลองใช้ยานี้ดู” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
เดิมคิดว่าลูกชายลูกสาวของพระชายาจะอยู่เป่ยถังต่อหลายวัน แต่หลังจากคุยกันไม่กี่คำค่อยรู้ว่า พรุ่งนี้พวกเขาก็จะกลับแล้ว บอกว่างานในกองทัพค่อนข้างยุ่ง อยู่นานไม่ได้
หยวนชิงหลิงรีบสั่งคนไปบอกเจ้าห้า เจ้าห้ารีบพากวาเอ๋อออกจากวังมาจวนอ๋องซู่ทันที
หลังจากเจอกันแล้ว ค่อยรู้ว่าเจ้าห้าต้องเรียกว่าอากับป้า เพราะฝ่าบาทหมิงหยวนอายุมากกว่าพวกเขา อ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยา ถึงแม้จะแต่งงานเร็วกว่าอู๋ซ่างหวง แต่มีลูกช้า
ในใจหยู่เหวินเห้าดีใจอย่างมาก รู้ว่าพวกเขาเป็นทหารในยุคปัจจุบัน ยิ่งรู้สึกเป็นมิตรอย่างมาก ยังพูดเน้นย้ำกับคนอื่นว่า ภรรยาของข้าก็เป็นคนบ้านเดียวกับพวกเจ้า และตัวข้าเอง ก็เป็นลูกเขยบ้านเดียวกับพวกเจ้า
ต่อมาเมื่อทั้งสองพี่น้องกลับไปแล้ว หยวนชิงหลิงได้ยินพระชายาพูดว่า เจิ้นรุยพูดชมเจ้าห้าว่า เขาเป็นคนเข้ากับคนง่ายมาก ไม่มีมาดของฝ่าบาทเลย และในฐานะที่เป็นลุงกับป้า พวกเขาชอบหลานคนนี้มาก รอต่อไปเมื่อพวกเขากลับไป จะเลี้ยงข้าวพวกเขาสักมื้อ
หลังจากหยวนชิงหลิงเล่าให้เจ้าห้าฟัง เจ้าห้าไม่รู้ว่าสุขแค่ไหน รู้สึกว่าตนเองมีเสน่ห์เหนืออดีตและปัจจุบัน ภาคภูมิใจอย่างมาก
ทางด้านเมืองโร่ตูสถานการณ์ที่นั่นเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติแล้ว ชื่อหยู่เหวินเจ๋อหลานที่เป็นเจ้าของเมือง เป็นชื่อที่ผู้คนกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า หูหมิงกับแม่นางโจวถือโอกาสน้ำขึ้นให้รีบตัก จัดตั้งที่ทำการปกครอง ยื่นเรื่องต่อราชสำนัก ให้ทางราชสำนักแต่งตัวผู้ที่มีความเหมาะสมมาเป็นเจ้าเมือง
หยู่เหวินเห้ามีพระราชโองการลงไป แต่งตั้งให้หูหมิงเป็นเจ้าเมืองของเมืองโร่ตู ดูแลจัดการเมืองโร่ตู
ส่วนแม่นางโจวให้เป็นข้ารับใช้ของเจ๋อหลาน ดูแลจัดการงานทั้งภายในภายนอกจวนเจ๋อหลาน รอต่อไปเก็บภาษีได้แล้ว ไม่ต้องนำส่งภาษีให้กับราชสำนัก ยกให้เจ๋อหลานรวบรวมเพื่อใช้ในการพัฒนาเมืองโร่ตู