บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1584 ข้าดื่มสักแก้วได้ไหม
อาการของยายชิวหลังจากทานยาก็ดีขึ้นมากแล้ว ความเจ็บปวดก่อนหน้านี้ที่เกิดจากเนื้องอกในปอดกดทับเส้นประสาทบรรเทาลงอย่างมาก ไม่ต้องใช้ยาแก้ปวดอีกต่อไปให้
ไม่มีความเจ็บปวด เท่ากับมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้ายายชิว ทำให้ทุกคนต่างมีความสุขขึ้นมา
คนเฒ่าในจวนอ๋องซู่ เหมือนอยู่ดีๆก็รู้จักดูแลตัวเองขึ้นมา ทานอาหารเพื่อสุขภาพ กำหนดเวลาออกกำลังกาย อาบแดดสม่ำเสมอทุกวัน
แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นทำมาตลอด แต่ก่อนหน้านี้เป็นการออกกำลังกายมากไป ตอนนี้เป็นไปอย่างเหมาะสมพอดี
ตอนนี้หยวนชิงหลิงกับท่านย่าหยวนเป็นหมอหลวงของพวกเขา นอกจากการตรวจร่างกายเป็นประจำ ยังจัดกำหนดทำเมนู ให้ทานตามเมนูที่กำหนด
จู่ๆก็เชื่อฟังกันขนาดนี้ หยวนชิงหลิงกับท่านย่าหยวนต่างแปลกใจ มารู้ทีหลังว่าพวกเขามีการประชุมกัน ทุกคนมีเป้าหมายใหม่
เป้าหมายนี้คือการได้เห็นเป่ยถังในอีกยี่สิบปี เพราะอ๋องชินเฟิงอันกับอู๋ซ่างหวงต่างพูดว่า ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าเป่ยถังจะเปลี่ยนไปอย่างมาก
เป่ยถังเป็นเลือดเป็นหัวใจของพวกเขา พวกเขาอยากเห็นเป่ยถังที่ดียิ่งกว่านี้ และเต็มใจทำเพื่อสิ่งนี้
หยวนชิงหลิงกับหยู่เหวินเห้าต่างภาคภูมิใจมาก ในบ้านมีคนแก่เปรียบเหมือนมีสมบัติล้ำค่า และประเทศมีคนอาวุโสกลุ่มนี้อยู่ เป็นเหมือนดั่งอาวุธวิเศษที่ค้ำจุนไว้ เขาสามารถนำพาเป่ยถังพุ่งพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างไม่ลังเล
การพัฒนาเศรษฐกิจ เน้นให้ความสำคัญสูงสุด
ท่านชายสี่ในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายพัฒนา ไม่มีวันว่างสุขสบายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขากลายเปลี่ยนเป็นคนที่มีงานยุ่งมาก ทุกสาขาอาชีพก่อตั้งสหภาพแรงงาน แต่สาขาอาชีพมีทีมงานที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมของตนเพื่อปฏิบัติตามนโยบายของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
พวกเขาทำธุรกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน และซื้อทรัพยากร
ตอนนี้เป้าหมายของหยู่เหวินเห้ากับท่านชายสี่อยู่ที่แร่เหล็กในเมืองโร่ตู ทรัพยากรแร่เหล็กของเป่ยถังตอนนี้มีไม่เพียงพอ หลายปีมานี้มีความจำเป็นต้องซื้อมาตลอด แต่โลหะมีการส่งออกในปริมาณจำกัด หากไม่อยากถูกจำกัดก็ต้องขุดเอง
แร่เหล็กของเมืองโร่ตูอุดมสมบูรณ์มาก หลังการสำรวจ พบว่านอกเหนือจากภูเขาที่ติดกับแคว้นจินแล้ว ยังมีแหล่งแร่ที่อื่น ตอนนี้เมืองโร่ตูต้องการพัฒนา ดังนั้น ราชสำนักจึงมีพระราชโองการสั่งให้ขุด
อย่างน้อยก็ขุดภายในเมืองโร่ตูก่อน ส่วนที่มีพรมแดนติดกับแคว้นจิน รอสถานการณ์แคว้นจินมีเสถียรภาพ สามารถเจรจาขุดเหมืองร่วมกันได้
สำหรับแคว้นจิน ยังไงหยู่เหวินเห้าก็ยังตัดขัดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือฝ่าบาทน้อยของแคว้นจิน
มักรู้สึกว่าเจ้าคนนี้จะหลอกล่อลูกสาวสุดที่รักของเขาไป
ในขณะเดียวกัน การพัฒนาเมืองอื่น ๆ อีกหลายเมืองก็เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ เมืองหลันโยวเริ่มสร้างกำแพงชายแดน เพื่อป้องกันคนเป่ยโม่ ต่อมาก็เป็นการสร้างเชื่อมต่อกับเมืองอื่น ๆ อีกหลายแห่ง เพื่อสร้างเป็นป้อมปราการปกป้องเป่ยถังไม่ให้ถูกรุกราน
เป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ใช่ว่าจะสามารถสร้างเสร็จภายในไม่กี่วัน แต่นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนมีพลัง
ตอนปีใหม่ พวกเด็กๆต่างกลับมาแล้ว รวมทั้งซาลาเปา ล้วนกลับมาฉลองปีใหม่ในเมืองหลวง
พวกแฝดสาม ต่างตัวสูงกว่าเจ้าห้านิดหน่อยแล้ว เมื่อยืนกับเจ้าห้า ดูเหมือนอย่างผู้ใหญ่
เจ้าแฝดก็กำลังตัวสูงขึ้น หยู่เหวินเห้าภาคภูมิใจมาก
แต่เขาก็เป็นกังวล รู้สึกว่ากวาเอ๋อตัวไม่ค่อยสูง ตัวเล็กกว่าลูกสาวหรงเยว่ครึ่งหัว ดังนั้นเขามักจะจับคางหยวนชิงหลิง พร้อมพูดเป็นนัยว่า “ไม่รู้ว่าความสูงของกวาเอ๋อเหมือนใคร? เหมือนเสด็จปู่หรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะพูดขึ้นอย่างประชดว่า “เจ้าพูดมาตรงๆเลยว่าเหมือนข้าไม่ดีกว่าหรือ?”
“ก็ไม่ใช่ หากเมื่อข้า งั้นเจ้าแฝดสามกับเจ้าแฝดก็เหมือนเจ้า ยังไงพ่อก็เตี้ย แม่ก็เตี้ยทั้งคอก เสด็จปู่ไม่สูง ใช้คำพูดของพวกเราทางนั้น ก็ประมาณหนึ่งเมตรเจ็ดสิบ และตอนนี้แก่แล้ว ยังหดลงอีก” เจ้าห้ายังรู้จักเอาตัวรอด
หยวนชิงหลิงเหลือบมองดูเขาแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ได้ ข้าจะกลับไปบอกเสด็จปู่ทุกคำ ไม่ตกหล่น”
“อย่าสิ พูดไม่ได้” หยู่เหวินเห้ารีบกอดหยวนชิงหลิงไว้ พร้อมพูดขอร้องขึ้นว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง อีกอย่าง กวาเอ๋อยังกำลังเติบโต คิดว่าต่อไปน่าจะสูงขึ้น”
“สูงหรือไม่สูง ไม่จำเป็น ตัวเล็กหน่อยไม่ดีหรือ?” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างไม่สนใจเลยสักนิด
“ใช่ ใช่ ที่จริงข้าก็คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กก็น่ารักดี” หยู่เหวินเห้ารีบพูดขึ้น
เจ้าห้ามักให้ความสำคัญกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ของเด็กๆ เป็นการส่วนตัวอยู่เสมอ เดี๋ยวภาคภูมิใจเดี๋ยวเป็นกังวล หยวนชิงหลิงเคยชินแล้ว นี่เป็นความสุขของเขา เขามีความสุขก็พอ
กวาเอ๋อไม่มีทางตัวเตี้ย ขาและแขนที่เรียวของเด็ก แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน
แค่ยังไม่ถึงตอนที่เจริญเติบโตอย่างเต็มที่
เมื่อก่อนหยวนชิงหลิงมักคาดหวังให้พวกเขาโตเร็วๆ ตอนนี้กลับหวังอยากให้เติบโตช้าหน่อย แบบนั้นจะได้อยู่ข้างกายนางนานหน่อย
อาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่า ตามธรรมเนียมเหมือนอย่างเคย ต้องไปที่จวนอ๋องซู่ร่วมฉลองกับอู๋ซ่างหวง แต่ปีนี้อู๋ซ่างหวงสั่งคนมาบอกแต่แรกแล้ว คืนวันส่งท้ายปีเก่าจวนอ๋องซู่ไม่รับแขก พวกเขามีกิจกรรมที่ยอดเยี่ยม ไม่อยากให้พวกเด็กๆมากวน
ฝ่าบาทหมิงหยวนค่อยโล่งอก
ยังไงอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสพวกนี้ เขาที่เป็นไท่ซ่างหวงคนนี้ช่างไม่มีความน่าเกรงขามเลย ทำได้เพียงเป็นคนรุ่นหลัง ยังต้องแสดงละคร ซึ่งเป็นการทรมานเขามาก
เขาสั่งคนเข้าวังไปบอกหยู่เหวินเห้า ให้ต่างคนต่างฉลอง ปีนี้ไม่ต้องร่วมตัวกันแล้ว
หวงไท่เฮาก็พาเจ้าหญิงน้อยกลับบ้านเกิด บอกว่าหลายปีมานี้ ยังไม่เคยฉลองปีใหม่กับครอบครัวพ่อกับแม่
หยู่เหวินเห้าก็ดีใจมาก หลายปีมานี้ ครึกครื้นกันทุกปี หลังจากฉลองปีใหม่เสร็จสิ้นก็เหนื่อยล้าหมดแรง ฉลองกันเองที่บ้านค่อยอิสระหน่อย
ไม่มีใครรบกวน สามารถมีโลกส่วนตัวกันแปดคน
ดังนั้นเมื่อได้รับข่าวแล้ว ก็กำหนดเมนูอาหาร ล้วนเป็นเมนูที่พวกเด็กๆกับเจ้าหยวนชอบทาน เดิมหยวนชิงหลิงอยากเชิญท่านย่าหยวน ท่านย่าหยวนอ้ำๆอึ้งๆอยู่นาน แล้วก็ปฏิเสธนาง บอกว่าได้ทานข้าวคุยกับนางบ่อยๆอยู่แล้ว แต่เจอคนเฒ่าในจวนอ๋องซู่น้อยครั้ง ดังนั้นจะไปฉลองปีใหม่กับพวกเขา
หยวนชิงหลิงฟังแล้วก็สงสัยอย่างมาก เจอพวกเขาน้อยครั้งยังไง? ปกติก็กำหนดวันตรวจสุขภาพให้พวกเขาตลอดไม่ใช่หรือ?
“แน่ใจว่าจะไม่ฉลองกับพวกเรา?” หยวนชิงหลิงยังคงถามอีกครั้งอย่างไม่มั่นใจ นางคิดว่าท่านย่าฉลองปีใหม่กับนางน่าจะมีความสุขกว่า อยู่ที่จวนอ๋องซู่ นางน่าจะไม่มีเรื่องอะไรที่สามารถพูดเข้ากับพวกเขาได้
“อืม….ปีหน้าฉลองกับเจ้า” ท่านย่าพูดขึ้น
หยวนชิงหลิงจำต้องพูดว่า “งั้นก็ได้ วันแรกของปีใหม่ ข้าจะพาลูกๆ ไปอวยพรปีใหม่”
“ได้ วันแรกของปีใหม่พวกเจ้ามาอวยพรที่จวนอ๋องซู่ ข้าน่าจะนอนที่นั่น”
“ยังจะนอนค้างคืนด้วย? ท่านมีห้องนอนหรือ?”
“มี ในห้องแม่นมสี่มีสองเตียง ข้าไปนอนที่นั่นอยู่บ้างเป็นบางครั้ง”
“จริงหรือ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกแปลกใจ ปกติท่านย่ามักจะบ่นว่าพวกเขาดื้อ ท่าทีโกรธมาก ยังนึกว่าไม่ชอบอยู่กับพวกเขาเสียอีก
กลับคิดไม่ถึงว่ามีการแอบไปนอนค้าง คนแก่มักจะปากไม่ตรงกับใจ
“อืม เอาแบบนี้แหละ ข้างานยุ่ง” ท่านย่าหยวนไล่หยวนชิงหลิงอย่างขอไปที
หยวนชิงหลิงกลับไปแล้วก็พูดบ่นอยู่สักพัก เจ้าห้ากลับพูดขึ้นอย่างเข้าใจว่า “คนแก่ก็ต้องมีเพื่อนมีชีวิตเป็นของตนเองบ้าง ข้าคิดว่าท่านย่ากับพวกเสด็จปู่ก็เข้ากันได้ดีมีความสุข เราไม่ต้องไปยุ่งมากขนาดนั้น เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอาหารค่ำวันส่งท้ายปีเก่าของเรากันเถอะ หายากนะที่เด็กๆล้วนกลับมาอยู่กับพวกเรา”
หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็ถูก ไม่เคยลองปีใหม่เพียงลำพังในครอบครัวแปดคนเลย
มื้อค่ำคืนฉลองปีใหม่อุดมสมบูรณ์อย่างมาก อาหารสิบแปดอย่าง ล้วนเป็นอาหารจากครัวเล็กของตำหนักเสี้ยวเยว่ ส่งมาทั้งที่ยังร้อนๆ
พวกเด็กๆนั่งอยู่ข้างโต๊ะ เจ๋อหลานรินเหล้าให้พ่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ คืนนี้ดื่มได้ แต่ห้ามดื่มเยอะ”
เจ้าห้าพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “กวาเอ๋อของพ่อว่าง่ายที่สุด”
ซาลาเปายกจอกเหล้าขึ้นมา พร้อมถามหยวนชิงหลิงว่า “แม่ ข้าดื่มกับพ่อสักจอกได้ไหม? แค่จอกเดียว”