บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1590 เป็นที่ต้องการ
หยวนชิงหลิงจูบเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นมาว่า “เชื่อฟัง ข้าไปสั่งคนเตรียมสุกี้หม้อไฟ”
หยู่เหวินเห้าเอียงหัวมองดูภรรยาเดินออกไป ยกมือเท้าคาง เขารู้ว่าตนเองน่ารำคาญ แต่เมื่อคิดถึงตลอดทั้งชีวิต ความโชคดีที่สุดของเขาก็คือการได้เจอกับเจ้าหยวน ในทุกๆวันที่ได้อยู่กับ ในใจมีความสุขอย่างมาก
เขาแค่หวังว่า tomก็เป็นเช่นนี้
ถ้าในใจของเขาไม่มีแม่นางเจ็ด ต่อให้ไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต เขาก็ไม่ร้อนใจ มากสุดก็บ่นไม่กี่ค่ำ แต่ก็เพราะมีคนคนนี้อยู่ น่าเสียดาย
ทานสุกี้หม้อไฟอย่างอิ่มหนำสำราญ ช่วงวันเวลาที่ไม่มีพวกลูกๆอยู่ข้างกาย เริ่มต้นใหม่อีกครั้งแล้ว
ช่วงนี้งานราชการค่อนข้างยุ่ง หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ก็เอาฎีกากลับมาอ่าน หยวนชิงหลิงอยู่เป็นเพื่อนข้างกายเขา บางครั้งก็พูดคุยกันบ้าง ค่ำคืนเงียบสงบ แต่ก็ดีมาก
ดูฎีกาเสร็จแล้ว ก็เที่ยงคืนแล้ว มู่หรูกงกงเข้ามาบอกหลายครั้งแล้วว่า ถึงเวลานอนแล้ว
หยู่เหวินเห้าไม่ง่วง แต่จะให้เจ้าหยวนต้องมาอดหลับอดนอนเป็นเพื่อนไม่ได้ จึงพากันไปนอน
เช้าวันรุ่งขึ้น หยวนชิงหลิงบอกกับเขาว่าอีกไม่กี่วันนางจะต้องกลับไป เป็นเรื่องของโครงการ พร้อมทั้งดูข้อมูลยาตัวใหม่อีกทีมของหยางหรูไห่ และก็เอาเลือดของยายชิวกลับไปทำการทดสอบ เพื่อดูผลของการยับยั้ง และนางจะกลับมาปรับเปลี่ยนเอง
“ไปนานแค่ไหน?” หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ข้าก็ไม่สามารถอยู่นาน กลัวว่าทางนี้จะเกิดปัญหากับยายชิว” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น
“งั้นได้ ข้าส่งเจ้าไปถึงทะเลสาบจิ้ง”
“ไม่ต้อง ไม่ไกลเสียหน่อย ส่งกันไปส่งกันมาวุ่นวาย” หยวนชิงหลิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้น
หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “เอาเถอะ พวกลูกๆไปแล้ว เหลิ่งจิ้งเหยียนกับหงเย่ไปแล้ว สวีอีก็ไปแล้ว ทังหยางไปแล้ว ตอนนี้เจ้าก็จะไป อยู่ดีๆก็รู้สึกเหมือนข้าเหงาที่สุด”
หยวนชิงหลิงโอบกอดเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “ไปแปบเดียวข้าก็กลับมาแล้ว อย่าพูดเช่นนี้”
หยู่เหวินเห้าโอบกอดเอวของนาง พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “พูดล้อเจ้าเล่น พวกเจ้าไปทำงานสำคัญ ข้าจะตำหนิได้อย่างไร? อีกอย่างช่วงนี้ข้าก็งานยุ่งมาก”
“อาหารวันละสามมื้อ ห้ามขาดสักมื้อ ห้ามไปดื่มเหล้ากับกู้ซือกับท่านชาย พวกเจ้าหลายคนดื่มด้วยกันแล้วไม่รู้จักหยุด ตนเองอยากดื่มเท่าไหร่ก็ดื่ม ตอนที่ทานข้าวดื่มกับกงกงสักแก้วก็พอ ห้ามดื่มเยอะ หลังจากดื่มเหล้าแล้วห้ามอาบน้ำ…”
หยู่เหวินเห้าจูบปากของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ขี้บ่น”
มู่หรูกงกงกำลังหอบชุดคลุมมังกรผลักประตูเข้ามาเพื่อจะปรนนิบัติเปลี่ยนเสื้อผ้า เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ก็รีบถอยออกไป อมยิ้มหน้าบาน จริงๆเลย ฝ่าบาทกับฮองเฮาถึงตอนนี้แล้วก็ยังรักใคร่กันขนาดนี้ เห็นได้น้อยคนจริงๆ
รออยู่สักพัก ก็ได้ยินฝ่าบาทตะโกนพูดว่า “มู่หรู ชุดคลุมมังกร”
มู่หรูกงกงรีบผลักประตูเข้ามา พร้อมพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “กระหม่อมมาแล้ว ฝ่าบาท กระหม่อมเปลี่ยนชุดให้กับพระองค์…”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือคว้าหยิบมาพร้อมพูดขึ้นว่า “บอกแล้วว่าไม่ต้อง หลายปีขนาดนี้แล้วก็ยังไม่จำ ต่อไปเจ้าไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนี้ ข้างนอกมีคนอยู่เวร ให้พวกเขารีดเสร็จแล้วเอามาให้ก็พอ”
“นั่นเป็นงานในความรับผิดชอบของกระหม่อม” มู่หรูกงกงเข้ามาปรนนิบัติ ต่อให้แค่ได้ช่วยจับแขนเสื้อ จัดคอเสื้อ ยังไงก็ทำเป็นเหมือนปรนนิบัติ การปรนนิบัติฝ่าบาทเขาทำมาแล้วหลายสิบปี พอไม่ให้เขาปรนนิบัติ เขาก็จะเคยชิน
ตอนนี้ภายในวัง เรื่องอย่างอื่นอะไรเขาก็ไม่ต้องทำ มีเพียงงานปรนนิบัติฝ่าบาท หากยังจะไม่ให้เขาทำ เขาก็ไร้ค่าไร้ประโยชน์จริงๆแล้ว
คนไร้ค่าไร้ประโยชน์คนหนึ่ง จะมีชีวิตต่อไปยังไงล่ะ?
หลังจากหยู่เหวินเห้าจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พูดกับมู่หรูกงกงว่า “เจ้าไม่ต้องไปกับข้า กลับไปพักผ่อนเถอะ”
พูดเสร็จแล้วก็ก้าวเท้ายาวออกไป สายตามู่หรูกงกงฉายแววโศกเศร้า เขาแก่แล้ว ฝ่าบาทที่อายุน้อยต้องการคนที่มีกำลัง ดังนั้นเขาจึงเรียกให้ใต้เท้าสวีเข้าวังมาคอยปรนนิบัติรับใช้ใช่ไหม?
หยวนชิงหลิงมองเห็นความเศร้าในสายตาของเขา เมื่อคิดดูแล้ว ก็เข้าใจขึ้นมาทันที
มู่หรูกงกง ขาดการให้ความสำคัญ
ที่จริงเจ้าห้าเป็นห่วงเขา กลัวเขาจะเหน็ดเหนื่อย ยังไงก็ปรนนิบัติรับใช้ไท่ซ่างหวงมาตั้งนานหลายปีขนาดนี้ ผ่านการทำงานมาอย่างหนัก อยากให้เขาได้สงบสุขในชีวิตบั้นปลาย
แต่คนคนหนึ่งที่มีงานยุ่งมาตลอด จู่ๆก็ว่าง และอายุของเขาก็ไม่ถือว่าเยอะมาก ฝีมือการต่อสู้ก็ดีขนาดนั้น สุขภาพร่างกายไม่ได้แย่กว่าคนหนุ่มมากนัก
จู่ๆก็ให้เขาอยู่ว่างๆ เขาจะเคยชินได้อย่างไรล่ะ?
และตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นห้องทรงพระอักษร ตำหนักเสี้ยวเยว่ ถึงแม้จะมีเขาอยู่ แต่เจ้าห้าใช้คนทำงาน ก็จะไม่ใช้เขา เป็นตัวเขาเองที่เสนอตัวมา คงคิดว่าเจ้าห้ารังเกียจที่เขาอายุมากแล้วมั้ง?
“กงกง” หยวนชิงหลิงเรียกเขา พร้อมพูดขึ้นอย่างค่อนข้างเศร้าว่า “ช่วงนี้เจ้าห้านอนดึก อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน มีอาการร้อนใน เจ้าคิดว่าควรที่จะไปให้หมอหลวงจ่ายยาแก้ร้อนในไหม?”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ฝ่าบาทเป็นร้อนในหรือ? งั้นจะต้องตามหมอหลวงมาช่วยตรวจดูชีพจร”
“ไม่ถึงขั้นต้องตรวจชีพจร ข้าดูให้เขาแล้ว เป็นแค่ร้อนใน เจ้าไปหายามาให้กับเขา ต้มแล้วก็เอาไปให้เขาที่ห้องทรงพระอักษรเถอะ”
มู่หรูกงกงรีบพูดตอบว่า “ได้ ได้ กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้”
พูดเสร็จเขาก็ถวายบังคมทูลลาแล้วก็ออกไป ท่าทีเร่งรีบขึ้นมา
เหมือนดั่งมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง
หยวนชิงหลิงเขียนโน้ตลงกระดาษ แล้วก็สั่งให้ลู่หยาเอาไปให้เจ้าห้าที่ห้องทรงพระอักษร รอให้มีเวลาว่างจากงานแล้วค่อยส่งเข้าไป อย่ารบกวนการทำงานของเขา
ลู่หยารับกระดาษโน้ตมา แล้วก็ไปรออยู่ด้านนอกห้องทรงพระอักษร รอเมื่อมีโอกาสแล้วก็เรียกองครักษ์นำเข้าไปให้ฝ่าบาท บอกว่าฮองเฮาส่งมาให้
วันนี้เจ้าห้าทะเลาะเถียงกับพวกขุนนางจนริมฝีปากแห้ง ขุนนางคนหนึ่งที่เขาสนับสนุนขึ้นมาก่อนหน้านี้ กระทำผิดเล็กน้อย ถูกพวกขุนนางแก่พวกนี้จับได้ แล้วสนับสนุนให้ลงโทษสถานหนัก
ตอนนี้คุณนางคนนั้นทำงานอยู่กับท่านชายสี่ ถือเป็นขุนนางของกรมพัฒนาที่ทำการปกครอง มีความสามารถในการทำงาน แต่อุปนิสัยค่อนข้างหยิ่ง ปกติทำงานอย่างตรงไปตรงมา ล่วงเกินขุนนางแก่พวกนี้ในด้านมารยาท ถือเป็นคนประเภทที่ผูกมิตรได้แย่ที่สุดแบบนั้น
และครั้งนี้ ฮูหยินของเขารับสินบนมาหนึ่งพันตำลึง ประมูลงานก่อสร้างที่พักคนเดินทางตรงชานเมือง ที่พักคนเดินทางนี้ มีไว้สำหรับต้อนรับพ่อค้าต่างแดนที่ต้องการมาลงทุนในเป่ยถัง จึงเป็นงานก่อสร้างค่อนข้างใหญ่ เป็นงานที่กรมโยธาธิการกับกรมพัฒนาทำด้วยกัน ตัดสินใจจ้างบริษัทภายนอกโดยการประมูลราคา นักธุรกิจให้ความสำคัญกับผลกำไรและประสิทธิภาพ กรมโยธาธิการกับกรมพัฒนาควบคุมดูแล นั่นเป็นการลงทุนลงแรงมาก แต่ผลตอบแทนที่ได้น้อยเป็นทวีคูณ
และหลังจากฮูหยินคนนี้รับเงินมา ก็ไม่ได้บอกกับสามี และเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผู้รับเหมาคนที่ส่งเงินมาให้เป็นผู้ประมูลได้
หลังจากที่เกิดเรื่องนี้ คุณนางคนนี้ก็รีบมาขอรับโทษจากเขา
หยู่เหวินเห้าเคยให้ท่านชายสี่ไปสืบมาแล้ว เขาไม่รู้เรื่องจริงๆ และเลือกผู้รับเหมาคนนั้นท่านชายสี่ก็เป็นคนเลือก ไม่เกี่ยวกับเขา
หยู่เหวินเห้าก็เคยชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย ขุนนางคนนี้มีความสามารถในการทำงานจริง บวกกับในเรื่องนี้ก็มีการเข้าใจผิดอย่างมาก อย่างน้อยสิ่งที่ดีก็คือเขาไม่รู้เรื่องที่ฮูหยินรับเงินมา หลังจากรู้เรื่องแล้วก็รีบคืนเงินแล้วก็มาขอรับโทษ จึงหวังที่จะได้รับการลงโทษในสถานเบา โดยเสียค่าปรับสามปี
แต่พวกขุนนางเก่าแก่ กว่าจะได้มีโอกาสจับคนของเขาได้ ตอนนี้จึงรวบรวมรายชื่อเสนอฎีกา ต้องการให้สั่งพักตำแหน่งขุนนางหนุ่มคนนี้แล้วสวบสวน
กว่าจะได้คนมีความสามารถมาไม่ใช่เรื่องง่าย หยู่เหวินเห้าจะยอมสั่งพักงานเขาแล้วสอบสวนหรือ? ไม่ว่าจะพูดดีอย่างไร กรมข้าราชการพลเรือนบันทึกไว้ว่า ภายในห้าปีห้ามมีการย้ายหรือเลื่อนตำแหน่ง
เถียงเรื่องนี้เสร็จแล้ว หยู่เหวินเห้านั่งอยู่บนเก้าอี้ มองดูพวกขุนนางออกไปกันอย่างพอใจ ปกติมักจะชอบพูดว่าตรงนั้นเจ็บตรงนี้เจ็บ ตอนทะเลาะกันขึ้นมากลับดูแข็งแรงกันอย่างมาก
ถึงว่าเมื่อก่อนเสด็จพ่อไม่ชอบพูดอะไรต่อหน้าพวกเขา ทะเลาะกันแบบนี้ ทำให้ไม่อยากพูดอะไรทั้งวันเลย
เสียงแหบคอแห้งหมดแล้ว
เขาเพิ่งว่างแล้วหยิบกระดาษโน้ตของเจ้าหยวนขึ้นมาดู บนกระดาษเขียนไว้ว่า ช่วงนี้ละเลยมู่หรูกงกงเกินไปแล้ว เขาต้องการการให้ความสำคัญ
หยู่เหวินเห้าอึ้ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม เขาเป็นห่วงมู่หรู แต่เขาลืมไปว่าคุณค่าสูงสุดของการดำรงอยู่ของมนุษย์คือการให้ความสำคัญ
“ฝ่าบาท” มู่หรูกงกงแง้มเปิดประตูห้องทรงพระอักษร มืออีกข้างหนึ่งถือถ้วยยา โผล่หัวเข้ามาพร้อมถามขึ้นว่า “กระหม่อมเข้าไปได้ไหม?