บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1591 เจ้าหญิงน่าสงสาร
สีหน้าหยู่เหวินเห้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กำกระดาษโน้ต พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาอะไรมา? รีบเอามาให้ข้าดื่ม ข้ากระหายจะตายแล้ว”
มู่หรูกงกงรีบเข้ามา ยกน้ำชามาให้ พร้อมพูดขึ้นว่า “นี่เป็นน้ำยาต้มลดอาการร้อนในที่เอามาจากหมอหลวง มีรสชาติขมหวาน มีเติงซินกับเซี่ยคูเฉ่า ยังเพิ่มดีบัวนิดหน่อย ช่วยลดร้อนในได้เป็นอย่างดี กระหม่อมกลัวว่าพระองค์จะรู้สึกขม แจ้งเพิ่มน้ำตาลพุทราเข้าไป”
เขาวางน้ำยาต้มไว้บนโต๊ะ แล้วก็หาพัดมาพัด หยู่เหวินเห้าใช้มือยกขึ้นมาใกล้ริมฝีปากแล้วก็เปล่า จากนั้นค่อยดื่มอย่างเชื่องช้า
อากาศค่อนข้างเย็น ตอนที่เอายามากำลังอุ่น เป่าไม่กี่ทีก็เหมาะที่จะดื่มแล้ว
ดื่มลงไปทีเดียวจนหมด วางถ้วยลง เขามองดูมู่หรูกงกงพร้อมพูดขึ้นว่า “ยังดีที่มีเจ้าละเอียดอ่อน ต่อไปเรื่องการอยู่การกินของข้า เจ้าต้องคอยดูแลด้วยนะ”
“นี่เป็นหน้าที่ของกระหม่อม” มู่หรูกงกงพูดขึ้นอย่างค่อนข้างตื่นเต้น
“อีกอย่าง เจ้าไม่รู้ว่าวันนี้ข้าต้องสู้กับพวกขุนนางแก่พวกนั้นยังไง ต่อไปเจ้าต้องอยู่ด้วย ช่วยข้าพูดหน่อย ข้ายังทะเลาะสู้พวกเขาไม่ไหวจริงๆ”
มู่หรูกงกงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “ฝ่าบาทวางใจ ต่อไปไม่ว่าพระองค์อยู่ที่ไหน กระหม่อมก็จะคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ที่นั่น จะไม่ให้พระองค์ต้องรับศึกอย่างโดดเดี่ยว”
แววตาที่โศกเศร้านั้น เหมือนเต็มไปด้วยความโกรธขึ้นมาในทันใด หยู่เหวินเห้ามองดู ต้องขอบคุณเจ้าหยวนจริงๆ นางมักจะคอยเตือนเขาในสิ่งที่เขาทำได้ไม่ดี
เจ้าหยวนมักจะพยายามทำให้ชีวิตของเขาไม่ต้องพบกับความเสียใจเลยสักนิดมาตลอด
วันเกิดของเสด็จพ่อเสด็จแม่ นางล้วนจดจำไว้ คนเฒ่าทางด้านจวนอ๋องซู่ นางก็ คอยอยู่เป็นเพื่อน ดูแลอย่างดีที่สุด และนางยังต้องทำงานของตนเอง
มีบางครั้งที่รู้สึกเหนื่อย คิดถึงนางแล้วความเหนื่อยล้าก็จะหายไป
“ฝ่าบาท? คิดถึงฮ่องเฮาหรือ?” มู่หรูกงกงมองก็รู้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิด พร้อมยิ้มพูดขึ้นว่า “อาศัยตอนนี้ที่มีเวลาว่าง กลับตำหนักเสี้ยวเยว่ไปทานข้าวกับฮองเฮาไหม?”
“ก็ดี ไป เรากลับกัน” หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมา บีบนวดเอว ยื่นแขนทั้งสองข้าง แล้วก็พามู่หรูกงกงกลับตำหนักเสี้ยวเยว่
หยวนชิงหลิงกำลังคุยอยู่กับอะซี่ ดูแลลูก เห็นเขากลับมา อะซี่จึงพาลูกกลับแล้ว สวีอีไม่ได้อยู่ในวัง นางก็เบื่ออย่างมาก ยังดีที่บางครั้งยังได้คุยกับหวงไท่เฮา ได้พูดคุยกันก็สามารถแก้เบื่อได้บ้าง
อะซี่พูดว่า รอลูกชายโตขึ้นหน่อย เหมือนนางสามารถไปได้แล้ว ก็จะตามพี่หยวนไปทุกที่ นางจะอยู่บ้านอย่างไร้ประโยชน์ไม่ได้
หลังจากทานมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว ทั้งสองคนนอนพักกลางวันกันสักพัก แล้วก็ลุกมาต่างคนต่างไปทำงาน
หยวนชิงหลิงไปที่จวนอ๋องซู่ ไปดูอาการของยายชิว
เพราะอีกหลายวันจะต้องกลับไป ดังนั้นข้อมูลในช่วงนี้ก็ค่อนข้างสำคัญ นางจึงต้องพยายามออกมาจากวังทุกวัน
อาการของยายชิวค่อนข้างคงที่ ดื่มกินก็เป็นเวลา ดูเอิบอิ่มกว่าที่ผ่านมา
สามารถทานจนอ้วนได้ แสดงว่าอาการป่วยถูกยับยั้งไว้ได้อย่างไม่เลว
และหลังจากเจ๋อหลานกลับไปถึงเมืองโร่ตู แม่นางโจวบอกกับนางว่า ทางแคว้นจินส่งคนมาจำนวนหนึ่ง นางให้คนคอยจับตาดู พบว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาหาเรื่อง และก็ไม่ได้มาสร้างเรื่องเดือดร้อน แต่มาตามหาบ้านของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเจ๋อหลาน พ่อของนางชื่อเจ้าห้า
ในเมืองโร่ตูคนที่ชื่อเจ้าค่ะมีจำนวนมาก แต่คนในบ้านเจ้าห้าคนนี้ กลับไม่มีลูกชื่อเจ๋อหลาน
และโชคดีที่ประชาชนของเมืองโร่ตู ต่างรู้เพียงว่าหลังคือองค์หญิงเจิ่นกั๋ว ไม่รู้ว่านางชื่อเจ๋อหลาน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้
แม่นางโจวรู้ว่ามาหานาง แต่ก็ไม่เคลื่อนไหวอะไร เห็นเจ๋อหลานกลับมาแล้วค่อยบอกเรื่องนี้ให้นางรู้
“เป็นอ๋องเจิ่นกั๋วของแคว้นจินหรือ?” แม่นางโจวถามขึ้น
เจ๋อหลานส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “น่าจะไม่ใช่ น่าจะเป็นฝ่าบาทน้อยของแคว้นจินส่งคนมา”
“เขาตามหาเจ้าทำไม?” แม่นางโจวแปลกใจยิ่งนัก ปกติฝ่าบาทน้อยคนนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่ แคว้นจินมีอ๋องเจิ่นกั๋วคอยสำเร็จราชการ
“งั้นไม่รู้” เจ๋อหลานก็ไม่เข้าใจ ฝ่าบาทน้อยจะมาตามหาทำไม? ก่อนหน้านี้ที่สืบหา คิดว่านางตายแล้วไม่ใช่หรือ ตั้งนั้นจึงใช้วิชาคุมน้ำแข็งทุบอ๋องเจิ่นกั๋วไม่ใช่หรือ?
เจ๋อหลานคิดไปคิดมาแล้วก็พูดขึ้นว่า “เจ้าไปสืบดู พวกเขาตามหาเจ๋อหลานกับ….เจ้าห้าทำไม?”
“ได้ ข้าจะสั่งคนไปสืบดู เจ้าเพิ่งกลับมา เข้าไปนั่งพักก่อน ระหว่างทางเหนื่อยไหม” แม่นางโจวมองดูผู้ชายตัวโตด้านนอกคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วก็นึกขึ้นมาได้พูดขึ้นว่า “เขาคือใต้เท้าสวีอีใช่ไหม? เขาเป็นคนส่งท่านกลับมาหรือ?”
“คือลุงสวีอีของข้า เจ้าหาวิธีจัดการดูแลเขาให้ดี ไม่ต้องให้เขาออกไป อย่าให้เขารู้เรื่องที่มีคนมาตามหาข้า อีกสองวันข้าก็จะจัดการให้เขากลับไป”
ลุงสวีอีไม่ได้ใหญ่ธรรมดา หากรู้ว่าฝ่าบาทน้อยของแคว้นจินตามหานาง หากเขากลับไปถึงเมืองหลวง คนทั่วทั้งเป่ยถังก็จะรู้ พ่อค่อนข้างอคติกับฝ่าบาทน้อยแคว้นจิน จะต้องไม่ให้เขารู้
แม่นางโจวเรียกหูหมิงแล้วไปหาสวีอี ทวนคำสั่งของเจ้าหญิงให้เขาฟัง หูหมิงหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ลุงสวีอีของข้ามาหรือ งั้นข้าต้องดูแลต้อนรับเลี้ยงเหล้าเป็นอย่างดี วางใจ มอบให้ข้า เขาไปไหนไม่ได้”
พูดเสร็จ แล้วก็หันไปสั่งคนไปซื้อเหล้า ซื้อเหล้าที่ดีที่สุดของเมืองโร่ตู มอมเหล้าลุงสวีอีก่อนค่อยว่ากัน
สวีอีเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทาง หลังจากมาถึงจวนเจียงเป่ย แยกย้ายจากพวกองค์ชายแล้ว เขาตั้งใจมาส่งเจ๋อหลานถึงเมืองโร่ตู ฝ่าบาทตรัสแล้ว เขาจะต้องส่งเจ้าหญิงมาถึงเมืองโร่ตูอย่างปลอดภัย แล้วก็สืบดูสถานการณ์ภายในเมืองโร่ตู ถึงจะกลับได้
ดังนั้นหลังจากมาถึงแล้ว ก็อยากออกไปเดินเที่ยว เพิ่งเดินออกจากประตูก็ถูกหูหมิงรั้งไว้ บอกว่าไม่ได้เจอลุงสวีอีตั้งนาน คิดถึงอย่างมาก จะต้องดื่มเหล้ากับเขาสักแก้ว
สวีอีเป็นคนชอบดื่มเหล้า เห็นว่ายังไงก็พลบค่ำแล้ว พรุ่งนี้ค่อยออกไปเดินเที่ยวก็ได้
ดังนั้นเหล้าจึงลงท้องไปทีละถ้วยทีละถ้วย จนสวีอีนอนหลับไป
รอเมื่อตื่นขึ้นมาก็บ่ายของอีกวันแล้ว ตื่นขึ้นมาดื่มน้ำต้มสร่างเมา แล้วก็ล้างเนื้อตัวที่เหม็น เมื่อสดชื่นแล้วก็เตรียมตัวที่จะออกไปเดินเที่ยว หูหมิงก็มา บอกว่าจะพาเขาออกไปเดินเที่ยว ไปดูสถานการณ์ฟื้นฟูโร่ตูเฉิหลังจากภัยพิบัติ
ตลอดทางมีหูหมิงนำทาง จึงไม่เกิดปัญหาอะไร สวีอีเห็นเฉพาะพื้นที่ภัยพิบัติ และก็เห็นประชาชนเป็นมิตรขึ้นมาก จึงค่อยวางใจ
เพราะยังไม่หายจากอาการเมา เขาเดินไปได้ไม่นานก็กลับจวนแล้ว
รอเมื่อถึงตอนค่ำ หูหมิงก็ถือเหล้ามาอีก
เป็นแบบนี้อยู่สามวัน สวีอีก็เรียกได้ว่าเดินวนไปทั่วทั้งเมืองโร่ตูอย่างมึนๆงงๆแล้ว เจ๋อหลานบอกกับเขาว่าต้องรีบกลับเมืองหลวงแล้ว จ้าทิ้งคุณน้าอะซี่กับน้องชายนานไม่ได้
สวีอีก็คิดถึงบ้านแล้วเหมือนกัน ยังไงก็เห็นทั่วทั้งเมืองโร่ตู ควรที่จะกลับไปได้แล้ว
แล้วแบบนี้ สวีอีก็เดินทางกลับไปอย่างมึนงง
ก่อนกลับ พูดย้ำกับแม่นางโจวกับหูหมิงว่า จะต้องดูแลเจ้าหญิงให้ดีที่สุด จะให้นางทุกข์ทรมานไม่ได้เด็ดขาด
ทุกคนต่างก็รับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด สวีอีค่อยกลับไปอย่างทำใจไม่ค่อยได้
สวีอีทำใจไม่ได้ที่จะจากเจ๋อหลานไปจริงๆ ยังไงก็โตประมาณถังกั่วเอ๋อของเขา ยังคลอดที่จวนอ๋องฉู่ด้วยกัน เด็กเล็กขนาดนี้ก็ต้องจากพ่อแม่มาแล้ว ในใจลุงสวีอีทรมานอย่างมาก รู้สึกว่าโชคชะตาของเด็กคนนี้ทุกข์ยากอย่างมาก
ไม่เข้าใจฝ่าบาท ทำไมถึงยอมให้นางมาอยู่เมืองโร่ตู พื้นที่ห่างไกลขนาดนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ วิ่งจนม้าตายก็ต้องหลายวันค่อยถึง
หากเป็นเขา ไม่มีทางยอมส่งถังกั่วเอ๋อไปไกลขนาดนี้ หากลูกไม่ได้อยู่ภายใต้สายตาตัวเอง จะมีชีวิตอยู่อย่างสงบได้อย่างไร?
ต่อไปต่อให้แต่งงานแล้ว ก็จะไม่ยอมให้ไปจากเมืองหลวง
ช่างน่าเศร้าแทนฝ่าบาทกับฮองเฮา มีลูกตั้งเยอะขนาดนี้ ไม่มีใครอยู่ข้างกายสักคน โชคดีที่อะซี่กับได้อยู่ในวังเป็นเพื่อน ไม่อย่างนั้นเหลือแค่พวกเขาสองคน คงเหงาอย่างมาก