บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1597 รีบหาคนไปสู่ขอ
เหลิ่งจิ้งเหยียนขมวดคิ้ว หรือว่าครั้งนี้จะเล่นใหญ่ไป?
เดิมตั้งใจจะทำให้ทังหยางเมา ให้เขามีความกล้าที่จะพูดความในใจให้แม่นางเจ็ดฟัง
หลายปีมานี้ทังหยางทุกข์ยากลำบากแค่ไหน ไม่เพียงฝ่าบาทที่เห็น ทุกคนต่างก็เห็น ทุกคนต่างก็เป็นห่วงเขา
ตั้งแต่เจ้าห้ายังเป็นอ๋องฉู่ ทังหยางก็ทำงานอยู่ในจวนอ๋องฉู่มาตลอด ทำเพื่อเจ้าห้า เพื่อประเทศ เพื่อประชาชนก็ไม่น้อย
ครึ่งชีวิตนี้ของเขา ล้วนทุ่มเทให้กับเป่ยถัง คนที่ติดตามเขา ที่จริงมีไม่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเคยกระทำผิดพลาดบางอย่างที่ตัวเขาเองไม่อยากจะทำ และตัวเขาเองก็ไม่ให้อภัยตนเองมาตลอด ดังนั้นถึงแม้เขาจะทำงานเพื่อราชสำนัก กลับไม่ยอมรับสิ่งของพระราชทานและไม่ยอมรับตำแหน่งขุนนาง
เขากำลังไถ่บาป
แต่คนที่เป็นห่วงเขาจริงๆ จะไม่โทษเขา คนเราหาใช่เทพเทวดา ใครบ้างไม่เคยผิดพลาด? เขาทำได้ดีอย่างที่สุดแล้ว ทำได้ดีกว่าผู้คนมากมาย
และความผิดนั้น ตัวเขาเองก็ไม่รู้
พลั้งเพราะความรัก เป็นสิ่งที่นักรบทุกคนต่างทักกระทำผิด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีเพียงเขาคนเดียว
เขาอยู่ต่อหน้าแม่นางเจ็ด ถึงแม้จะยังรักษาสถานะความเป็นเพื่อน แต่ภายในใจของเขานั้นรู้สึกผิดมาตลอด คำพูดบางอย่าง ตอนที่มีสติอยู่ เขาจะไม่กล้าพูดเด็ดขาด
จึงคิดอยากที่จะอาศัยตอนที่เขาเมา และเป็นสถานที่ห่างไกลเมืองหลวง ในเมืองที่ร้อนอบอ้าวเช่นนี้ บางทีอาจจะสามารถทำให้เขาพูดความในใจออกมาได้บ้าง
กลับคิดไม่ถึง ภายในใจใต้เท้าทังซ่อนความรู้สึกอัดแน่นไว้มากมายขนาดไหน? ภายใต้สภาพเมามาย ยังกระทำจนเป็นเรื่องได้ เขาเก็บงำไว้ในใจมานานแค่ไหนแล้ว?
นี่ช่างแย่ยิ่งนัก
ใต้เท้าทังแย่จริงๆ
แล้วนี่จะจัดการอย่างไรถึงจะดี? กลุ่มแม่ทัพหญิงตระกูลหยวน ไม่สามารถที่จะล่วงเกินได้
ใต้เท้าเหลิ่ง รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
หันหลังไปมองเห็นเหลิ่งหมิงหยู่ยืนอยู่ข้างหลัง เหลิ่งหมิงหยู่เอียงหัว พร้อมถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “พ่อ ทำไมใต้เท้าทังต้องนอนกับแม่นางเจ็ด?”
ใต้เท้าเหลิ่งมองดูเหลิ่งหมิงหยู่สักครู่ จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมาว่า “เหล่าหง เหล่าหง ลูกชายของเจ้ามีปัญหา เจ้าออกมาตอบเลย”
พูดเสร็จ แล้วก็ก้าวเท้ายาวเดินจากไป เหลือเหลิ่งหมิงหยู่ที่ยังคงเอียงหัว สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
หงเย่ยื่นหัวออกมาตรงหน้าระเบียง ลิงก็ยื่นตาม ชิ คำถามที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก ใครจะไปรู้?
แม่นางเจ็ดควบขี่ม้าเดินทางกลับเมืองหลวง
อย่างสบายอกสบายใจ
คิดถึงเมื่อคืน ได้ตบเขาอย่างแรง รู้สึกสุขภาพจิตดีขึ้นมาทันที
เดิมคิดจะดูแลเขาเข้านอน แล้วก็กลับห้อง เจ้าเฒ่านี่เข้าประตูไปแล้วก็บีบพานางไปที่เตียง บอกว่าจะขอแต่งงาน ถุย ดื่มเมาแล้วค่อยกล้าพูด ถือเป็นผู้ชายที่ดีตรงไหน?
แต่เขาพูดสำนึกผิดตลอด ทำให้นางคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ความเจ็บปวดและความเกลียดชังเกิดขึ้นในใจ จึงยกฝ่ามือตบลงไปหลายที จนรู้สึกสบายอย่างมาก
แต่กลัวว่าเขาจะเมาจนตาย เมื่อคืนจึงเฝ้าอยู่เป็นเพื่อนเขาทั้งคืน
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเขานอนหลับแล้ว กลับถอดเสื้อผ้าตนเองอยู่ในผ้าห่มแล้วโยนออกมา รู้สึกเหมือนเขากำลังฝันว่าทำอะไรอยู่ เจ้าเฒ่านี่ ในใจสกปรกอย่างมาก น่าชัง
ไม่อยากสนใจเขา ฟ้ายังไม่ทันสว่าง นางก็ไปจูงม้าที่โรงเก็บม้า แล้วก็จากไป
ไม่ใช่ว่าตั้งใจจะหลบหน้า แต่การกลับเมืองหลวงตามลำพัง สามารถได้สงบจิตใจครุ่นคิด
หลายปีมานี้มัวแต่ยุ่งกับการทำการค้าขาย เริ่มแรกเป็นการหนีปัญหา ต่อมาเป็นเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จ คิดว่าตลอดชีวิตนี้หากไม่มีความรัก อย่างน้อยก็มีธุรกิจมาทดแทน ไม่ถึงกับมีชีวิตอย่างสูญเปล่า
เหมือนอย่างตอนนี้ อารมณ์สงบลงแล้ว ชมวิวสวยๆของเป่ยถัง ผ่อนคลาย สบายใจ
ที่แท้ เมื่อคนคนหนึ่งไม่มีความกลัว ก็จะรู้สึกสบายใจ
นางไม่เดินเส้นทางหลัก แต่ใช้เส้นทางเล็ก ไปตามที่ใจต้องการ
กลับคิดไม่ถึงว่าข้างหลัง ทังหยางไล่ตามมาอย่างสุดชีวิต
เขาไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรลงไป แต่ยังไงมีความเป็นไปได้มากว่าทำไปแล้ว ไม่อย่างนั้นแม่นางเจ็ดไม่หนีไปแน่
ฝันร้ายที่มีมานานหลายปี พลุ่งพล่านขึ้นมาในใจ กลัวอย่างมาก กลัวนางคิดสั้น ตบตัวเองแรงๆหลายที แล้วก็รีบเดินทางต่อ
หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นดีที่สุด ไม่อย่างนั้น เขาตายไปก็ยากที่จะให้อภัย
แต่ไล่ตามมาตลอดทางก็ไม่เห็นนาง นางวิ่งเร็วขนาดนี้เลยหรือ?
กลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็ไม่พัก รีบตรงไปยังจวนตระกูลหยวน
สวีอีกับอะซี่พาลูกมาเยี่ยมบ้านพอดี เพิ่งมาถึงหน้าประตูใหญ่ก็เห็นใต้เท้าทังที่เหมือนอย่างขอทานกระโจนเข้าหาคนเฝ้าประตู ใบหน้าของเขาดำคล้ำเปื้อนไปด้วยฝุ่น เผยให้เห็นฟันสีขาว จับคอเสื้อคนเฝ้าประตู พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นางเจ็ดล่ะ? แม่นางเจ็ดของพวกเจ้าล่ะ?”
คนเฝ้าประตูตกตะลึง ไม่เคยเห็นใต้เท้าทังดุขนาดนี้ พูดขึ้นอย่างอ้ำอึ้งว่า “เจ็ด…แม่นางเจ็ดไปเมืองโร่ตูกับท่านไม่ใช่หรือ?”
“ยังไม่กลับมา?” ทังหยางตะโกนพูดขึ้น
ไม่…ไม่เห็น
สวีอีเดินไปดึงใต้เท้าทัง พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าปล่อยเขาก่อน เสื้อผ้าของเขาจะขาดแล้ว”
ใต้เท้าทังคุกเข่าลง กอดหัวพูดด้วยความเจ็บปวดว่า “ครั้งนี้แย่แล้ว ข้าทำร้ายนางแล้ว ข้าตายไปก็ไม่สามารถไถ่โทษได้แล้ว”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ป้าของข้าล่ะ?” อะซี่รีบถามขึ้น
“นาง…” ทังหยางทำหน้าเศร้า น้ำตาไหลผ่านใบหน้าที่ดำแดง ชะล้างออกมาเป็นสองร่องรอย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหน นาง…ข้านึกว่านางกลับมาแล้ว”
เสียงฝีเท้าดังขึ้น พร้อมกับเสียงไม้ค้ำยัน มีสาวใช้พยุงเหล่าไท่จวินตระกูลหยวนออกมา
ทังหยางเงยหัวขึ้น เห็นสายตาเฉียบคมของเหล่าไท่จวิน ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลง พูดขึ้นอย่างกระวนกระวายว่า “เหล่าไท่จวิน ทังหยางมาขอรับโทษ”
เหล่าไท่จวินขมวดคิ้วชนกัน พร้อมพูดสั่งด้วยเสียงเข้มว่า “พาตัวเขาเข้ามา ไปคุยกันในห้อง”
องครักษ์ในจวนประคองทังหยาง เข้าวังไปอย่างโซซัดโซเซ ทังหยางคุกเข่าอยู่บนพื้น ในใจกระวนกระวาย คิดไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่อง ไม่อย่างนั้นนางคงไม่กลับมาจนตอนนี้
เหล่าไท่จวินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “พูดมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ทังหยางรู้ตัวว่าจะต้องอธิบายให้คนตระกูลหยวนฟัง จึงระงับความเศร้าโศก พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นความผิดของข้า ข้ากระทำผิดในบางเรื่อง ตอนนี้ไม่รู้ว่านางหายไปไหน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วหรือเปล่า”
ฮูหยินรองตระกูลหยวนอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรนี่ นางเพิ่งส่ง….”
เหล่าไท่จวินยื่นมือห้าม จ้องมองทังหยาง พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้าทำอะไรผิดหรือ?”
ทังหยางละอายแก่ใจไม่กล้ามองหน้าใคร ก้มหน้าก้มตาพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้า…ข้าดื่มจนเมา พวกเรา….ข้ากระทำกับนางยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน ข้า…”
“อ๋า?” ทุกคนตกตะลึง ต่างหันมาจ้องมองทังหยาง
เขากับแม่นางเจ็ดมีอะไรกัน?
สวีอีนิ่งอึ้ง ใต้เท้าทังสามารถกระทำเรื่องแบบนี้ได้? โอ้พระเจ้า เหล่าไท่จวินไม่โมโหตายหรือ?
“งั้นนางล่ะ?” สวีอีถามขึ้น
ทังหยางก็พูดขึ้นอย่างหมดหนทางว่า “คน….นางหนีไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่านางจะคิดสั้นไหม หากเกิดอะไรขึ้นกับนาง ข้ายอมตายเพื่อไถ่โทษ”
เหล่าไท่จวินจ้องมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “หากนางปลอดภัยกลับมา เจ้าจะยอมรับผิดชอบไหม?”
แม่ทัพหญิงตระกูลหยวนต่างก้าวเดินมาข้างหน้า ด้วยหน้าตาโหดเหี้ยม รอเพียงคำตอบของเขา หากบอกว่าไม่รับผิดชอบ เห็นทีว่าหัวสมองของทังหยางคงจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว
ทังหยางไม่เคยได้คิดถึงขั้นนี้ ตลอดทางรีบเดินทางกลับมาอย่างเดียว เพียงเพื่อแน่ใจว่านางปลอดภัยดี ตอนนี้ได้ยินเหล่าไท่จวินถาม เขารีบเงยหัวขึ้นมา นิ่งอึ้งไม่พูดไม่จา
เหล่าไท่จวินกลับคิดว่าเขาไม่ยินยอม จึงตบโต๊ะอย่างโกรธจัดพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่อยากรับผิดชอบ?”
ทังหยางรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ ไม่ ข้าจะต้องรับผิดชอบอย่างแน่นอน ข้าอยากแต่งงานกับนางมาตลอด ไม่ ข้าไม่ใช่ ข้าไม่กล้าคิด แต่หากนางยินยอม ข้าพร้อมเต็มแก่”
เหล่าไท่จวินพูดขึ้นอย่างเด็ดขาดว่า “เจ้ารีบกลับไปเตรียมตัว แล้วก็หาแม่สื่อมาสู่ขอ”
“อ๋า?”
“ยังไม่ไสหัวไป?” เหล่าไท่จวินแสดงท่าทีสง่างาม โบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “สวีอี พาเขากลับไป แล้วเจ้าช่วยไปหาแม่สื่อมา ห้ามชักช้าภายในวันพรุ่งนี้จัดการเรื่องสู่ขอให้แล้วเสร็จ”
ทังหยางยังไม่ได้สติกลับมา ก็ถูกสวีอีลากออกไปแล้ว