บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1599 นางตอบตกลงแล้ว
ในวันสู่ขอก็สามารถจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว ถือว่าเห็นได้ยากมาก
ตระกูลหยวนไม่พิธีรีตองอะไรมาก สินสอดทองหมั้นแล้วแต่จะให้ จัดงานเลี้ยงให้เต็มที่ก็พอ
เพราะงานเลี้ยงเป็นการประกาศให้โลกรู่ แม่นางเจ็ดของนางใช่ว่าจะไม่มีคนเอา จะแต่งงานกับคนสนิทข้างกายของฝ่าบาท
ดังนั้น งานเลี้ยงจะน้อยหน้าได้อย่างไร
ข้อนี้ ทังหยางก็สามารถรับประกันได้
หลายปีมานี้ ยังไงก็พอเก็บออมเงินไว้ได้บ้าง จัดงานเลี้ยงไม่ใช่ปัญหาเลย
ส่วนเรื่องแขก เขาทังหยางก็ถือว่ารู้จักคนไปทั่ว อย่าว่าพื้นที่เมืองอื่น แค่ในเมืองหลวง ก็สามารถจัดได้เป็น ร้อยโต๊ะแล้ว
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าเลขาฝ่าบาท ขุนนางในราชสำนัก ใครไม่รู้จักไปมาหาสู่กับเขาบ้าง?
หลังจากตกลงเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว ในที่สุดทังหยางก็สามารถได้ถามขึ้นว่า “เหล่าไท่จวิน หากแม่นางเจ็ดไม่ตอบตกลง จะทำยังไงดี?”
“นางต้องตอบตกลง ยังไงข้าก็พูดตรงนี้แล้ว จวนหยวน ถ้าไม่จัดงานแต่งงาน ก็จะจัดงานศพ ไม่มีทางเลือกอื่น” เหล่าไท่จวินพูดขึ้นอย่างเฉียบขาด
“นี่ก็…ไม่ถึงขนาดนั้น” ทังหยางรู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกว่าเหมือนเป็นการบีบบังคับแม่นางเจ็ด
การแต่งงานควรเป็นการยินยอมทั้งสองฝ่าย
ระหว่างเดินทางกลับ ทังหยางยังคงวิตกกังวล หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้นว่า “เจ้าอย่าพึ่งคิดมาก เตรียมตัวเตรียมใจเป็นเจ้าบ่าวให้ดี ทางด้านแม่นางเจ็ด คนของตระกูลหยวนจะพูดกับนางเอง”
“ข้าเพียงแค่กลัวว่านางจะไม่ยอม ทำให้นางลำบากใจ”
“นางจะตอบตกลงแน่ ไม่อย่างนั้นตอนที่อยู่เมืองโร่ตู ใช่ว่านางจะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ แต่นางกลับอยู่ดูแลเจ้า เห็นได้ชัดว่ายังมีความรู้สึกที่ดีกับเจ้า”
“เป็นเช่นนี้จริงหรือ?” ทังหยางอึ้งเล็กน้อย ใบหน้าเป็นประกาย
“อืม ดังนั้นจึงอย่าคิดมาก” หยวนชิงหลิงพูดพร้อมกับมองดูทังหยางแวบหนึ่ง บนใบหน้าของเขายังมีร่องรอยนิ้วมือ หรือว่านี่จะเป็นการขืนใจ? ไม่อย่างนั้นทำไมถึงถูกทำร้าย?
ในใจก็เกิดความวิตกกังวลขึ้นมาในทันใด
กลับมาถึงวัง ก็เล่าเรื่องพวกนี้ให้กับเจ้าห้าฟัง เจ้าห้าพูดขึ้นอย่างเคร่งเครียดว่า “มีบางครั้งใต้เท้าทังทำอะไรค่อนข้างรุนแรง ความสงสัยของเจ้าใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล”
“หากเรื่องนี้ไม่สมหวัง ใต้เท้าทังจะเสียใจขนาดไหน”
“ก็หวังเพียงว่า แม่นางเจ็ดจะมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง ไม่เช่นนั้น เรื่องนี้ไม่สมหวังจริงๆแน่” หยู่เหวินเห้าก็ค่อนข้างร้อนใจ ทังหยางอายุขนาดนี้แล้ว ต้องแต่งงานแล้ว
แม่นางเจ็ดได้รับจดหมายจากนกพิราบ บอกว่าท่านแม่ป่วยหนัก ก็ตกใจรีบเดินทางกลับเมืองหลวง
เมื่อกลับมาถึงจวน ใครรู้ว่าเป็นแผนหลอกลวงอีกแล้ว ก็โกรธเคืองอย่างมาก
เหล่าไท่จวินชี้ไปตรงเชือกที่แขวนอยู่ในห้อง ในเชือกยังมีห่วง ดำสนิทเหมือนดั่งกำลังอ้าปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าดูเอาเองละเจ้าดูเอาเองรักกันกัน หากไม่แต่ง ข้าก็จะไปแขวนคอ”
แม่นางเจ็ดพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ท่านจะต้องไล่ข้าออกไปให้ได้เลยหรือ? ข้าอยู่ดูแลข้างกายท่านไปร้อยปี ไม่ดียิ่งกว่าหรือ?”
“ข้ามีลูกหลานเต็มบ้าน ไม่ขาดแคลนคนคอยดูแลปรนนิบัติ” เหล่าไท่จวินพูดขึ้นอย่างใจแข็ง
แม่นางเจ็ดเบิกตาโต
ฮูหยินรองจึงพูดกล่อมว่า “เจ้าเจ็ด เจ้าเป็นคนของเขาแล้ว ทำไมจะแต่งงานไม่ได้ล่ะ?”
แม่นางเจ็ดนั่งลงอย่างโมโห พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นคนของเค้าแล้วอะไรกัน? พี่สะใภ้รองอย่าพูดไปเรื่อย”
“ทุกคนรู้หมดแล้ว วันนั้นทังหยางกลับเมืองหลวงแล้วมาถึงที่จวน ตกใจกลัวจนแทบจะขาดใจแล้ว เข้าประตูมาก็คุกเข่าขอโทษ บอกว่าได้เสียกับเจ้าแล้ว กลัวว่าเจ้าจะคิดสั้น ดังนั้นจึงรีบเดินทางมาตามหาเจ้าอย่างไม่หยุดพัก”
แม่นางเจ็ดขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เขาพูดไปเรื่อย ข้าไปได้เสียกับเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ทุกคนเห็นว่านางไม่เหมือนกำลังพูดโกหก จึงต่างก็อึ้ง
เหล่าไท่จวิน ถามขึ้นว่า “เจ้ากับเขา…. ไม่ได้ทำอะไรกัน?”
“ไม่มีแน่นอน วันนั้นเขาเมาอย่างมาก จะสามารถทำอะไรได้?” แม่นางเจ็ดพูดขึ้นอย่างโมโห
คราวนี้กลายเป็นเหล่าไท่จวินที่โมโห ทังหยางไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่สามารถทำได้ดี
“เจ้าคิดว่าพูดเช่นนี้ พวกเราก็จะเชื่อหรือ? งานแต่งงานกำหนดเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง ก็ยกเลิกไม่ได้ เจ้าไม่แต่ง ก็รอเก็บศพข้าเลย” เหล่าไท่จวินพูดขึ้น
แม่นางเจ็ดพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “แม่ ท่านจะมีเหตุผลหน่อยไม่ได้หรือ?”
“ข้ามีเหตุผลมาแล้วทั้งชีวิต มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว ไม่มีอะไรต้องพูดอีก ข้าเป็นคนตัดสินใจ เดิมงานแต่งงานของลูกสาว พ่อแม่ก็ควรเป็นคนตัดสินใจ และตอนนี้ก็มีฮองเฮาเป็นแม่สื่อ เจ้าไม่มีอำนาจปฏิเสธ ไสหัวไปเตรียมตัวให้ดี วันที่สิบห้าก็แต่งงานแล้ว”
“สิบห้า? งั้นก็วันมะรืนนี้ไม่ใช่หรือ? บ้าไปแล้วหรือ? จะให้ข้าแต่งงานออกไปอย่างรีบร้อนขนาดนี้เลยหรือ? ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?” แม่นางเจ็ดพูดขึ้น
เหล่าไท่จวินตบโต๊ะพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดเรื่องหน้ากับข้าหรือ? ข้าไม่มีหน้าตั้งแต่แรกแล้ว งานแต่งงานของเจ้าไม่ได้จัดสักที กลายเป็นหญิงแก่อยู่บ้านไม่มีใครเอา ทุกครั้งที่ออกไปร่วมงานเลี้ยง ข้าก็จะถูกถาม เจ้าเคยคิดถึงหน้าข้าไหม?”
“งั้นก็ไม่ควรที่จะแต่งไปเรื่อย ท่านฉลาดมาตลอด ทำไมถึงดักดานกับเรื่องนี้ขึ้นมา?”
เหล่าไท่จวินจ้องมองดูนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเรื่อยตรงไหน? ข้าถามเจ้า เจ้ายังมีความรู้สึกที่ดีให้กับทังหยางไหม?”
สายตาแม่นางเจ็ดสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องนี้”
“งั้นควรพูดอะไร? การแต่งงานไม่พูดถึงความรักแล้วควรพูดถึงอะไร? พูดถึงเรื่องเงิน? ตระกูลหยวนไม่ขาดแคลน”
“ต้องพูดถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม”
“งั้นเขาไม่เหมาะสมอะไรตรงไหน?”
“นิสัยเข้ากันไม่ได้”
“เหลวไหล”
แม่นางเจ็ดเห็นแม่ของตนเองโกรธจัด จนหายใจแรงแล้ว รู้ว่าไม่ควรแข็งข้อ จึงนั่งลงพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ ก่อนหน้านี้ท่านก็เคยพูด ว่าจะไม่ยุ่งเรื่องของใครอีก ทำไมจะต้องทำให้ข้าลำบากใจในตอนนี้ล่ะ?”
“แม่ไม่ได้ทำให้เจ้าลำบากใจ เจ้าควรที่จะทำให้ได้วางใจสิ ต่อไปเมื่อแม่ตายไปแล้ว ใครจะมาดูแลสนใจเจ้า?” เหล่าไท่จวินพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“ข้าดูแลสนใจตัวข้าเอง”
เหล่าไท่จวินพูดขึ้นด้วยสายตาโศกเศร้าว่า “เจ้ายังลิ้มรสความเหงาไม่เพียงพอหรือ? ตอนนี้ยังดี สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ ข้างกายไม่เคยขาดมิตร แต่เมื่อเจ้าแก่ เดินไม่ไหวแล้ว ข้างกายไม่มีแม้แต่คนรู้ใจสักคน เป็นเรื่องที่น่าเศร้าแค่ไหน? ทังหยางไม่เลว หลายปีมานี้แม่ค่อยดูเขามาตลอด มีความขยัน มีความรอบรู้ มีความสามารถ อุปนิสัยก็ดีกว่าผู้ชายอื่นมากมาย เจ้าไม่ต้องดื้ออีกต่อไปแล้ว แม่อายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่รู้ว่าจะหลับตาลงเมื่อไหร่ ในใจกลับยังคิดถึงเป็นห่วงเรื่องของเจ้า เจ้าทำได้ลงคอได้อย่างไร?”
คำพูดพวกนี้ พูดกับแม่นางเจ็ดเมื่อหลายปีก่อน ยังไงก็ไม่รับฟัง แต่เมื่อผ่านไปนานตามอายุ รู้ว่าความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ แม่คาดหวังอยากเห็นนางแต่งงานมีลูกมาตลอด มีชีวิตเหมือนอย่างผู้หญิงปกติทั่วไป ความปรารถนานี้ ยังไงก็ต้องทำให้สมหวัง ไม่อย่างนั้น คนที่เสียใจคือแม่และก็นางเอง
นางจับมือของแม่ไว้ ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นว่า “อย่าชอบพูดแบบนั้น ข้าตกลงก็ได้ แต่ท่านไม่เห็นว่ารีบร้อนไปหน่อยหรือ?”
เดิมเหล่าไท่จวินคิดว่า นางจะดื้อรั้นไปอีกสักพัก แล้วก็เดือดร้อนอย่างสุดขีด กลับคิดไม่ถึงว่ายอมตกลงแล้ว รู้สึกว่ามัดเชือกไว้อย่างเปล่าประโยชน์แล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “มีการตัดสินใจบางอย่างก็ต้องรีบร้อน ครุ่นคิดนานจะล้มเหลว เจ้าไม่เหลือเวลาให้สิ้นเปลืองแล้ว รีบจัดงาน ทุกคนก็จะได้มีความสุข วางใจ”
แม่นางเจ็ดไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี พร้อมพูดขึ้นว่า “เหมือนอย่างกับไล่ให้เป็ดขึ้นคอน มีงานแต่งงานที่ไหนพี่จัดอย่างรีบร้อนขนาดนี้?”
“ตกลงเรียบร้อยแล้ว วันมงคลก็เลือกเสร็จแล้ว เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ วันมงคลสามารถเลือกได้เพียงครั้งเดียว เลือกเยอะจะไม่เป็นมงคล เอาแบบนี้แหละ ในบ้านจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว เจ้าก็แค่ออกหน้า ให้งานแต่งงานเป็นไปอย่างเรียบร้อย อย่างอื่นไม่ต้องเป็นห่วง”
“……” แม่นางเจ็ดไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สองปีมานี้ใช่ว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงาน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นไปอย่างรีบร้อนขนาดนี้
“งั้นข้าจะไปคุยกับทังหยาง” แม่นางเจ็ดพูดขึ้น