บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1600 รับปาก
เหล่าไท่จวินโบกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ได้ ก่อนแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเจอหน้ากันไม่ได้ นี่คือธรรมเนียม ปฏิบัติ เราไม่ควรฝ่าฝืน”
แม่นางเจ็ดหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “งานแต่งงานนี้จัดอย่างยังมีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่หรือ? ท่านก็แค่เป็นห่วงว่าข้าไปหาเขา คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วทะเลาะกันทำให้งานล้มเหลวไม่ใช่หรือ? ในเมื่อข้ารับปากท่านแล้ว ก็จะแต่งแน่นอน พอใจไหม?”
เหล่าไท่จวินได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็ค่อยหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นได้ เจ้าเป็นคนทำมาค้าขาย รู้จักรักษาคำพูด ในเมื่อรับปากแล้วก็จะไม่เปลี่ยนใจ ไม่อย่างนั้นเชือกของข้าอันนี้ สามารถใช้ได้ตลอด”
แม่นางเจ็ดพูดขึ้นว่า “ไม่เคยเห็นแม่ที่ไหนหน้าโมโหขนาดนี้”
“ก็ไม่เคยเห็นลูกสาวที่ดื้อรั้นแบบเจ้า” เหล่าไท่จวินยิ้มหน้าบาน
เสียงหัวเราะดังออกมา คนของตระกูลหยวนเห็นแล้ว ต่างก็โล่งอก จากนั้นก็คิดว่าสมดังฝันแล้ว แม่นางเจ็ด จะได้แต่งงานจริงๆแล้ว
งานแต่งงานของแม่นางเจ็ด ล้วนเป็นปมในใจของคนตระกูลหยวน
ทังหยางรู้ว่าแม่นางเจ็ดกลับมาถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัย ก็ค่อยโล่งอกเหมือนกัน หลังจากโล่งอกแล้ว แล้วก็มีความรู้สึกเหมือนอยากน้ำตาจะไหล จมูกจิ๊ดๆ โชคดีที่ไม่เกิดอะไรขึ้น
ตอนกลางคืน แม่นางเจ็ดมาหาถึงจวนอ๋องฉู่
ทังหยางเชิญนางเข้ามา แล้วก็ให้ทุกคนออกไป เหลือไว้เพียงทั้งสองคนคุยกันตามลำพังในห้อง
ทังหยางมองดูนาง สวมชุดสีแดงเลือดหมู ผมม้วนเกล้าไว้เรียบร้อยสวยงาม ตาคิ้วมีร่องรอยของความมีอายุ แต่ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้มากขึ้น
ตอนที่รู้จักนาง ยังเป็นวัยรุ่นที่สวมใส่ชุดสีสดใส ผ่านไปมาในโลกนี้ เพียงแปบเดียว ทุกคนต่างแก่มากแล้ว
ทังหยางไม่รู้จะพูดอะไร หนึ่งพันความคิดอันแน่นเต็มอก ไม่สามารถพูดออกมาเป็นประโยคได้
โดยเฉพาะหลังจากผ่านเรื่องที่เมืองโร่ตูมา เขาไม่รู้จริงๆว่าจะเปิดปากพูดอย่างไรก่อนดี ทำได้เพียงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำว่า “ขอโทษ”
แม่นางเจ็ดกลับตรงไปตรงมา คงเพราะคิดได้แล้ว ความอัดอั้นในใจบางอย่างก็ปล่อยวางแล้ว
“ที่จริง ตอนที่อยู่เมืองโร่ตู เจ้าดื่มจนเมา พวกเราไม่ได้มีอะไรกัน เพียงแค่ตอนนั้นข้าหมั่นไส้เจ้า จึงตบเจ้าไปหลายทีแค่นั้นเอง”
ทังหยางอึ้งพร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋า?”
แม่นางเจ็ดมองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นเช่นนี้จริง เจ้าเป็นผู้ชาย น่าจะรู้ว่าผู้ชายเมาจนขนาดนี้แล้ว ไม่มีทางสามารถทำอะไรได้”
ในใจทังหยางรู้สึกแย่ มองดูนางพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
แม่นางเจ็ดหัวเราะพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าล่องใต้ขึ้นเหนือมาหลายปีนี้ คนที่ทำการค้ากับข้าล้วนเป็นผู้ชาย ข้าจะไม่รู้เรื่องของผู้ชายเลยหรือ?”
ในใจทังหยางเจ็บปวด พร้อมพูดขึ้นว่า “หลายปีมานี้ ลำบากเจ้ามากจริงๆ….แต่ว่า หลังจากที่ข้าตื่นขึ้นมา บนกายไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น บนใบหน้าก็มีร่องรอยฝ่ามือ ยังคิดว่าข้ากระทำผิดไปแล้ว”
แม่นางเจ็ดพูดขึ้นว่า “เจ้าถอดของเจ้าเอง ข้าก็นั่งอยู่ในห้อง มองดูเจ้าโยนเสื้อผ้าออกมาทีละชิ้น”
ทังหยางอับอาย จู่ๆก็หน้าเหมือนกุ้งต้ม แดงตั้งแต่คอจรดหลังใบหู
ภาพตอนนั้น จะน่าอับอายขนาดไหน
รู้สึกว่าไม่สามารถคุยกันต่อไปได้อีก นั่งตรงเหมือนอย่างนั่งบนหมุดเข็ม
แม่นางเจ็ดกลับเป็นกันเอง หัวเราะพร้อมถามเขาว่า “ข้านิสัยเป็นอย่างไร เจ้าน่าจะพอรู้ จะแต่งงานจริงหรือ?”
ทังหยางพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ถวิลหาแม้ในยามฝัน”
แม่นางเจ็ดพูดขึ้นด้วยสายตาค่อนข้างแดงว่า “จริงหรือ?”
สายตาทังหยางเป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “หากพูดปดแม้เพียงคำเดียว ขอให้ข้าไม่ได้ตายดี”
แม่นางเจ็ดถอนหายใจเบาๆ ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาของเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “วนไปเวียนมา สุดท้ายแล้วก็ยังอยู่กับเจ้า แต่ขอบอกไว้ก่อน การแต่งงานในครั้งนี้ค่อนข้างรีบร้อนเกินไป ข้าก็เหมือนดั่งขี่หลังเสือยากที่จะลง หลังจากแต่งงานแล้ว เราเป็นสามีภรรยากันในนาม แต่ยังคงรักษาสถานะความเป็นเพื่อน หากเจ้ารับปากเราก็จะแต่งงานกัน หากไม่รับปาก เรื่องนี้ก็จบกันแค่นี้”
ทังหยางไม่แม้แต่จะคิด พูดขึ้นทันทีว่า “ข้ารับปาก อะไรก็รับปากทุกอย่าง ขอเพียงเจ้ายอมแต่งงานกับข้า ต่อให้แค่ในนามก็ไม่เป็นไร”
สมปรารถนาตามที่เขาใฝ่ฝันมานานหลายปี
“งั้นเจ้าลองคิดดูว่าจะอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าไม่มีทางอาศัยอยู่ในบ้านของเจ้า ที่นั่นเคยมีคนอื่นอยู่” แม่นางเจ็ดพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
ทังหยางรีบพูดขึ้นว่า “เจ้าวางใจ ข้าปรึกษากับฮองเฮาแล้ว ยังไงตอนนี้จวนอ๋องฉู่ก็ไม่มีคนอยู่ พวกเราไปอยู่ในจวนก่อน บ้านก่อนหน้านี้นั้นข้าก็ไม่อยู่แล้ว ยกให้สวีอีแล้ว”
“เจ้าเคยคิดที่จะซื้อบ้านเป็นของตนเองไหม?” แม่นางเจ็ดถามขึ้น
“เมื่อก่อนอยู่ตัวคนเดียว ไม่เคยคิด ยังไงจวนอ๋องฉู่ก็ต้องมีคนคอยดูแล แต่ตอนนี้เจ้าคิดว่ามีความต้องการ ข้าจะลองแบ่งเงินออกมา น่าจะพอเหลือซื้อบ้านหลังเล็กได้”
แม่นางเจ็ดหันมองดูจวนนี้ ไม่ถือว่าหรูหรา แต่ก็สบายอย่างมาก แต่ยังไงก็เป็นจวนเก่าของฝ่าบาท ไม่สามารถที่จะอยู่ไปตลอดชีวิต จึงพูดขึ้นว่า “อยู่ที่นี่ก่อนเป็นการชั่วคราว แล้วค่อยซื้อที่ดินสักผืน สร้างเองขึ้นมาสักหลัง”
ซื้อที่ดินสร้างบ้าน อยู่ในเมืองหลวงนี้ หากไม่ใช่คนรวยไม่สามารถพูดออกมาได้
ทังหยางรู้สึกว่าตนเองใช้ชีวิตผ่านมาอย่างไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
เอาพูดขึ้นอย่างตั้งใจว่า “เจ้าวางใจ เรื่องนี้ข้าจะจำไว้ในใจ”
แม่นางเจ็ดส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าเป็นคนซื้อที่ดิน บ้านข้าก็เป็นคนสร้าง ต่อไปหากเจ้าไม่ดีกับข้า ข้าก็สามารถไล่เจ้าออกไปได้”
พูดเสร็จ นางก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว จึงลุกขึ้นเดินกลับไป
ทังหยางมองดูเงาหลังของนาง ยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่านางยอมแต่งงานให้กับเขาแล้ว
ไปเมืองโร่ตูครั้งนี้ กลับเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ก่อนไป เขาไม่เคยกล้าแม้แต่จะคิด
แต่ในเรื่องที่เขาดื่มเหล้าจนเมา แล้วไม่ได้ทำอะไรเลย เขาไม่กล้ามั่นใจ แน่นอนว่าหวังว่าไม่ได้ทำอะไร แบบนั้น อย่างน้อยต่อหน้าแม่นางเจ็ด เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษคนหนึ่ง
หากก้าวผิดพลั้งไป ในใจแม่นางเจ็ดจะดูถูกเขาไหม?
คนในจวน ยังไม่รู้เรื่องที่เขาจะแต่งงาน ดังนั้นหลังจากแม่นางเจ็ดกลับไปแล้ว เขาไปหาแม่นมฉีที่เรือนด้านหลัง พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “แม่บุญธรรม ข้าจะแต่งงานแล้ว”
แม่นมฉีเงยหัวขึ้น ยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุข พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม เจ้าคิดได้ก็ดี ควรที่จะแต่งงานแล้วจริงๆ เดี๋ยวให้คนช่วยเจ้าลองหาดู จะแต่งงานต้องได้ภรรยาที่ดี อย่าให้ความสำคัญกับสถานะ”
ทังหยางส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ วันมะรืนก็จะแต่งงานแล้ว เจ้าสาวก็มีแล้ว คือแม่นางเจ็ดของตระกูลหยวน”
แม่นมฉีรีบวางงานในมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “จริงหรือ? แม่นางเจ็ดยอมแต่งงานกับเจ้าจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน วันมงคลก็เลือกแล้ว” ทังหยางยิ้มแย้ม แม่บุญธรรมดีใจ เหมือนอย่างกับหกเกอเอ๋อจะแต่งงาน
แม่นมฉีพูดขึ้นยังดีใจว่า “งั้นก็เป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ทำไมถึงเพิ่งมาบอกข้าล่ะ? วันมะรืนก็ถึงวันแต่งงานแล้ว เราจะเตรียมงานทันหรือ?”
ทังหยางพูดขึ้นว่า “เพิ่งตกลงเมื่อวันก่อน ที่ไม่ได้บอกท่าน เพราะข้ายังไม่รู้ว่าเจ้าสาวจะยอมแต่งหรือไม่ วันนี้นางมาแล้ว นางตอบตกลงแล้ว วันนั้นข้าจึงกล้ามาบอกท่าน ท่านจะได้ไม่ดีใจเปล่าไง”
แม่นมฉีพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจว่า “แม่นางเจ็ดดีมาก น่ายินดีมากจริงๆ งั้นเราก็รีบเตรียมงาน อย่าให้ต้องเสียวันมงคล ห้องหอยังไม่ได้เตรียมเลย วางแผนที่จะสู่ขอไปที่ไหน?”
“เรื่องนี้ ข้าต้องเข้าหวังไปถามฝ่าบาท ดูว่าสามารถสู่ขอมาอยู่ในจวนอ๋องฉู่ก่อนได้ไหม ข้าเลือกเรือนที่ค่อนข้างสงบสักหลัง แล้วอาศัยอยู่ก่อนชั่วคราว รอข้าได้ที่ดินเหมาะสมแล้ว ข้าจะสร้างเองขึ้นมาใหม่”
“ได้ งั้นเจ้ารีบไปถาม ถามเสร็จแล้ว เราก็จัดเตรียมห้องหอกันก่อน” แม่นมฉีรีบเร่งให้เขาไปจัดการ