บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1601 ฮ่องเต้ฮุยจงอยากกลับมาสักครั้ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1601 ฮ่องเต้ฮุยจงอยากกลับมาสักครั้ง
ตอนใหม่จะมาในอีก5-6วันข้างหน้า
หยู่เหวินเห้าจึงมีราชโองการพระราชทานมงคลสมรสเสียเลย เพิ่มสีสันให้กับงานแต่งงานของทังหยาง
ทั้งเมืองหลวงต่างพากันจับจ้องงานแต่งงานของทังหยาง
ใครก็รู้ว่าทังหยางเป็นขุนนางของฮ่องเต้ ช่วยประคับประคองฮ่องเต้มาตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในจวนอ๋อง จนถึงบัดนี้สายใยของพวกเขาราชาขุนนางก็ไม่ด้อยไปกว่าพี่น้องเลย
พระราชทานมงคลสมรสของฮ่องเต้ นั่นเป็นเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้ ย่อมต้องเตรียมของขวัญแสดงความยินดีชิ้นใหญ่
งานแต่งงานจัดที่จวนอ๋องฉู่ เวลานี้คนที่จวนอ๋องฉู่มีไม่มากแล้ว การจัดงานมงคลครั้งนี้จึงได้คนช่วยจากทุกสารทิศ จวนอ๋องต่างๆ พากันส่งคนมา หรงเยว่ยังช่วยออกเงินสมทบ แบกรับค่าใช้จ่ายในงานไปถึงสามส่วน
แม่นมสี่ก็กลับมาช่วยงานด้วย เรื่องทั้งหมดที่ต้องวางแผน จำต้องพูดเลยว่าแม้แม่นมสี่จะอายุมาก แต่ความสามารถในการทำงานยังเชี่ยวอยู่ สั่งการคนในจวนอ๋องได้อย่างเฉียบขาดเป็นระเบียบ
ครั้นถึงวันงาน ฮ่องเต้และฮองเฮาก็มา
รับตัวเจ้าสาวมาแล้ว ขณะที่ไหว้ฟ้าดิน หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงนั่งอยู่ที่ปะรำพิธี ไหว้จักรพรรดิ แล้วจึงไหว้แม่นมฉี
หยู่เหวินเห้ากุมมือหยวนชิงหลิง เอ่ยอย่างปลาบปลื้มเป็นที่สุด “ในที่สุดใต้เท้าทังก็เติบใหญ่สักที มีครอบครัว ข้าล่ะดีใจจริงๆ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “เช่นนั้นเจ้าก็วางใจได้แล้วกระมัง? ต่อไปก็ไม่ต้องจู้จี้อีก”
“ก็ยังต้องจู้จี้เหมือนเดิมนั่นแหละ เร่งให้เขามีลูกไวๆ” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตนมีเรื่องให้ต้องห่วงไม่จบสิ้น
หยวนชิงหลิงหลุดหัวเราะ “เรื่องลูกก็ปล่อยไปตามฟ้าลิขิตเถอะ”
“ข้ายังมีเทคนิคเล็กน้อยถ่ายทอดให้tomได้นะ” หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างได้ใจ
“เจ้าก็พูดให้ดังกว่านี้อีกสิ กลัวคนอื่นจะไม่ได้ยินหรือ?” หยวนชิงหลิงเคืองใส่เขาแวบหนึ่ง
ก็จริง ทุกคนต่างพากันมองมา อิจฉาจังเลย ฝ่าบาทช่างพรั่งพร้อมบริบูรณ์
หลายคนแม้นมีฮูหยินมีอนุหลายคน ก็ยังมีลูกไม่มากเท่าเขา
ช่วงงานเลี้ยงตอนกลางคืน หยู่เหวินเห้าดื่มหนักมาก หยวนชิงหลิงปล่อยให้เขาสนุกเต็มที่ครั้งหนึ่ง ไม่ได้ห้ามไว้ ก็ความปลาบปลื้มเฉกเช่นบิดาเฒ่าชราอย่างเขา ก็ต้องใช้เหล้ามาเติมเต็มให้สมบูรณ์นะสิ
คืนนี้ไม่กลับวังหลวง อยู่พักที่จวนอ๋องฉู่
หลายปีมานี้จวนอ๋องฉู่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงมาก ลานบ้าน สวน ศาลา ตำหนักเซี่ยวเยว่
ของตกแต่งและเครื่องเรือนทั้งหมดในตำหนักเซี่ยวเยว่ยังเหมือนเดิม
ตอนที่เข้าวังครั้งนั้น ทิ้งสิ่งของไว้ที่นี่มาก แม่นมฉีก็จัดการได้ดี บอกว่ารอฝ่าบาทและฮองเฮามีเวลาก็กลับมาพักสองสามวัน
หลายปีมานี้เคยกลับมาอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยได้ค้างคืน
แม่นมฉีเตรียมซุปสร่างเมาด้วยตนเอง ให้เขาคลายความทรมานจากอาการเมา
บางทีอาจเป็นเพราะอารมณ์คึกคัก หยู่เหวินเห้าจึงไม่รู้สึกว่าการเมาครั้งนี้จะทรมานสักเท่าไร ทั้งยังกระชุ่มกระชวยอีก
เรือนหอของทังหยางกับแม่นางเจ็ดอยู่ที่เรือนเซวียนเยว่ ค่อนข้างไกลจากตำหนักเซี่ยวเยว่
หยู่เหวินเห้านอนอยู่บนเตียง สองมือหนุนศีรษะมองหยวนชิงหลิงที่กำลังล้างเครื่องสำอาง เอ่ยถาม “เจ้าว่า…ใต้เท้าทังกำลังเข้าหออยู่หรือเปล่า?”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ “แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร? คืนเข้าหอ ยังทำอะไรได้อีกหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองนางอย่างร้อนรน กางมือทั้งสองออก “ไม่รู้ทำไม ข้ามักอิจฉาคนอื่นแต่งงานกัน”
“ยังจะอิจฉาอีก?” หยวนชิงหลิงเดินไปหา แล้วเข้าซบในอกเขา “เราก็จัดงานแต่งสองครั้งแล้วมิใช่หรือ? เจ้ายังจะเอาอะไรอีก?”
“ไม่เอาอะไร ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น คืนนี้สำออยเสียเลย แต่ที่สำคัญเพราะประทับใจมาก ถึงข้าจะรบเร้าให้ใต้เท้าทังแต่งงานมาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะได้ลงเอยกับแม่นางเจ็ด”
“ไม่ถือว่าสำออย!” หยวนชิงหลิงกอดเขา เงี่ยหูฟังเสียงหัวใจเต้นของเขา “อย่างไรทังหยางก็เป็นคนที่ฝ่าฟันกับพวกเรามาตลอด เขาสามารถลงเอยกับนางในดวงใจได้ เราก็ต้องดีใจอยู่แล้ว”
หยู่เหวินเห้าเวียนศีรษะเล็กน้อย หลังจากเมามายก็มักรู้สึกว่าทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นมโนภาพ
มองเพดานมุ้งที่คุ้นเคย คนที่คุ้นเคย โต๊ะเก้าอี้ที่คุ้นเคย ทุกสิ่งที่จัดวางอยู่ในนี้ ท่ามกลางการออกฤทธิ์ของฤทธิ์สุรา ทำให้เขารู้สึกว่าทุกอย่างในหลายปีนี้เป็นความฝัน
ราวกับเขายังเป็นอ๋องฉู่หยู่เหวินเห้า และเพิ่งรู้ใจกับเจ้าหยวน
ตอนนั้นสถานการณ์ด้านนอกสั่นคลอน การแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทเพิ่งจะเริ่ม พี่น้องแตกหัก ต้องระวังทุกย่างก้าว บัดนี้ครั้นหันกลับไปมองก็รู้สึกโชคดีเหลือเกิน ตลอดทางที่ผ่านมาเขาไม่เคยสูญเสียอะไร ทั้งยังจะได้มากขึ้นทุกวัน
เขามองหยวนชิงหลิง เอ่ยเสียงเบา “เจ้าหยวน หลายปีมานี้อย่างกันความฝันที่ยาวนาน แต่พอข้านึกย้อนกลับไปก็รู้สึกโชคดีมาก แต่ความจริงความโชคดีและความสุขทั้งหมดก็มาจากการวิจัยผิดพลาดของเจ้า ข้ากำลังคิด ถ้าเจ้าไม่ได้มา เช่นนั้นชีวิตข้าจะเป็นอย่างไร?”
หยวนชิงหลิงเอ่ย “มีคนบอกว่าโลกนี้มีมิติเวลามากมาย มีพวกเราจำนวนนับไม่ถ้วนใช้ชีวิตอยู่ตามมิติเวลาต่างๆ บางทีอาจมีมิติเวลาหนึ่งที่เจ้าไม่มีข้า แต่มีคนอื่นอยู่ข้างกายแทน”
หยู่เหวินเห้าส่ายหน้า “เช่นนั้นข้าในมิติเวลานั้นก็ต้องน่าอนาถมาก”
“ไม่แน่ เพราะเจ้าคนนั้นก็ไม่รู้จักข้า ไม่รู้ว่าชีวิตพวกเราในเวลานี้มีความสุขแค่ไหน นิยามความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็อย่างคนที่หอจัยซิง สำหรับพวกเขาแล้วที่มีความสุขที่สุดก็คือการมีเนื้อกินทุกมื้อ ก็เหมือนคนทำงานที่พยายามดำรงชีวิต หวังว่าเงินเดือนจะขึ้น ครอบครัวปลอดภัยราบรื่น ร่างกายแข็งแรง หรือบางทีมีบางคนอะไรก็มีพร้อม แต่กลับยังอยากขึ้นสูงมากขึ้น คนที่ไร้ความคิดเช่นนั้น พวกเราไม่ต้องไปสนใจ คิดมากไปก็ป่วยการ”
“โลกใบนี้ช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ต่อไปจะมีใครไขข้อสงสัยแต่ละเรื่องในใจของเราไหมนะ?” หยู่เหวินเห้าคิดอนาคตอันยาวไกลและคิดเป็นวงกว้าง หากไม่มีเจ้าหยวน เขาก็คงไม่คิดถึงปัญหาเหล่านี้
ในโลกของเจ้าหยวน นักวิทยาศาสตร์เหล่านั้นเก่งมาก สามารถทำความเข้าใจเรื่องที่มนุษย์ไม่รู้มากมาย แม้แต่ดวงจันทร์ก็ไปมาแล้ว
และเจ้าหยวนของเขา ก็เคยเป็นนักวิจัยที่ทุ่มเทในการศึกษายารักษาโรค นางก็เยี่ยมยอดมากเช่นกัน
สองสามีภรรยาหลับสนิท บางทีอาจเป็นเพราะคุยเรื่องแบบนั้น ในฝันจึงมักปรากฏมิติเวลาและภาพเสมือนของพวกเขาจำนวนหนึ่ง
แต่ในมิติเวลาอื่น พวกเขาผ่านเรื่องราวมากมาย สุดท้ายก็ได้อยู่ด้วยกัน
บางทีคนที่อยู่ต่างมิติเวลาอาจประสบเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน แต่หากรักคนหนึ่งมากพอ ลึกซึ้งพอ เช่นนั้นคนผู้นั้นก็ต้องมาอยู่ข้างกายตนในท้ายที่สุด
หลังจากทังหยางแต่งงาน หยวนชิงหลิงก็ส่งข้อมูลของยายชิวกลับยุคปัจจุบันอีกครั้ง อยู่ที่นั่นหนึ่งสัปดาห์ ฮ่องเต้ฮุยจงโทรติดต่อนางตลอด ใช้ทุกกลเม็ดวิธีให้นางพาเขากลับไปสักครั้ง
หยวนชิงหลิงไม่กล้าตัดสินใจเอง เรื่องนี้ต้องตัดสินใจร่วมกับอ๋องชินเฟิงอัน
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ขอแบบนี้
ดังนั้นหลังจากกลับไปแล้ว นางก็ไปคุยเรื่องนี้กับอ๋องชินเฟิงอัน
ครั้นอ๋องชินเฟิงอันได้ยินแล้วก็ประหลาดใจเล็กน้อย “เขาไม่เคยพูดกับข้านี่”
“หรือเพคะ? แต่ทรงโทรศัพท์หาหม่อมฉันทุกวัน” หยวนชิงหลิงจะหัวเราะก็ไม่ใช่ ร้องไห้ก็ไม่เชิง นี่เลือกบีบพลับนิ่มหรืออย่างไร?
“ข้ายังคิดว่าเขาจะยินดีที่ไม่ต้องคิดถึงเป่ยถังเสียอีก” แม้อ๋องชินเฟิงอันกล่าวไปเช่นนี้ แต่กลับไม่ได้รับปากให้เขากลับมา
หยวนชิงหลิงคิดถึงว่าต่อไปตนยังต้องกลับไปบ่อยๆ ครั้งนี้ทำความหวังเขาให้เป็นจริงไม่ได้ ครั้งหน้ายังต้องเอาอีกแน่ ดังนั้นจึงถามอีก “เช่นนั้นทรงคิดว่าต้องพาพระองค์กลับมาสักครั้งหรือไม่เพคะ?”
“ไว้ครั้งหน้าข้าไปแล้วจะพาเขากลับมาแล้วกัน” อ๋องชินเฟิงอันเอ่ย
ไอ้แก่ตัวยุ่งคนนั้น ใครก็อย่าได้พามา หากจะให้เขามาครั้งหนึ่งจริงๆ ก็ต้องให้เขาพากลับมาด้วยตัวเอง
หลังจากหยวนชิงหลิงไปแล้ว พระชายาโล่หมันก็เอ่ยถาม “เมื่อก่อนเขาไม่เคยบอกเจ้าว่าอยากกลับมาหรือ? แต่ทำไมข้าจำได้ว่าพูดหลายครั้งแล้วล่ะ?”
“ข้าลืมไปแล้ว” อ๋องชินเฟิงอันหยุดครู่หนึ่ง “เจ้าก็รู้นิสัยของเขาดีนี่ กว่าจะได้กลับมา เขามิต้องสร้างความวุ่นวายหน่อยหรือ? ที่นี่เขาตายแล้ว อยู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมามิทำให้ผู้คนต้องตกใจตายหรือ?”
“เช่นนั้นก็จับตาดูเขาไว้สิ” พระชายารู้สึกว่าการกลับบ้านเกิดไม่ได้ตลอดชีวิต ช่างอเนจอนาถนัก แม้ที่ยุคปัจจุบันเขาจะอยู่อย่างมีอรรถรส แต่บ้านเกิดก็ยังเป็นความคิดถึง