บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1610 สารบ่งชี้ในเลือด
หยางหรูไห่กลับไปถึงห้องICU หารือแผนการต่อไปกับทีมผู้เชี่ยวชาญ
นอกจากการติดเชื้อจากแบคทีเรียแล้ว ยังมีผลข้างเคียงของยาอีก แล้วในรายละเอียดของทั้งสองอย่างนี้ก็ยังไม่แน่ชัด
เฝ้าอยู่ทั้งคืน สถานการณ์ยังไม่ดีมาก ความดันเลือดไม่เพิ่มเลย ไข้ก็ยังสูงอยู่ แสดงว่าตอนนี้ยาฤทธิ์พิเศษที่ใช้คุมการอักเสบของปอดไม่อยู่ อาการของเขาจึงหนักขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงกลางวันวันถัดมา ผลทรวงอกใหม่แสดงออกว่าปอดอักเสบหนักขึ้นจริงๆ และการหายใจก็เริ่มลำบาก ด้วยความจนใจจึงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
หยวนชิงหลิงเริ่มทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เฝ้าอยู่ข้างเตียงกับสวีอีตลอด ไม่ดื่มไม่กิน
หยางหรูไห่อยู่เป็นเพื่อนอยู่นาน สุดท้ายพอออกไปแล้วก็ไปโทรศัพท์ “คุณอ้าว คุณฟังนะ ฉันอาจต้องการเลือดของคุณนิดหน่อย…ไม่สิ ฉันยังไม่แน่ใจ ฉันแค่เผื่อเอาไว้เท่านั้น คุณอยู่ที่ไหนคะ? ห้องทดลองที่ไหน? คุณทดลองอะไรคะ? สกัดไวรัสจากเลือดของคุณ? คุณมั่นใจเหรอคะ? ผลเป็นไงคะ? คุณรอฉันก่อนนะคะ ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ ฉันอยากพูดซึ่งหน้ากับคุณ ได้ค่ะ คุณมาก็ได้ ฉันจะรอคุณ รีบหน่อยนะคะ”
สามชั่วโมงให้หลัง ไมบัคสีดำคันหนึ่งก็จอดอยู่นอกสถาบันวิจัย หยางหรูไห่ออกไปรับด้วยตัวเอง เป็นชายสูงใหญ่ในชุดสูท สวมแว่นตาดำ หน้าตาคมคายมาก บุคลิกน่าเกรงขาม หยวนชิงหลิงออกมาโทรศัพท์หาฟางหวูพอดี เห็นเขาเดินเข้ามากับหยางหรูไห่
ชายคนนี้ทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกได้ถึงความประหลาด เขาเดินเข้ามากับหยางหรูไห่ หัวสมองหยวนชิงหลิงปรากฏภาพคลื่นโลหิตโหมกระหน่ำ เธอแทบจะฉุดมือของหยางหรูไห่อย่างไม่รู้ตัว “เขา?”
“วางใจเถอะค่ะ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด ฉันขอแนะนำนะคะ” หยางหรูไห่ตบเธอเบาๆ ให้เธอผ่อนคลาย “นี่หลันอ้าวนี่หยวนชิงหลิง พวกคุณรู้จักกันไว้นะคะ”
หลันอ้าวยื่นมือออกมา หยวนชิงหลิงมองฝ่ามืออันกว้างใหญ่ของเขา นิ้วมือเรียวยาว ข้อกระดูกเห็นชัด ไม่เหมือนกับคนที่หลบซ่อนอยู่ในความมืด ทั้งสองจับมือกัน “สวัสดีครับ/ค่ะ!”
หยางหรูไห่เอ่ย “เข้ามาคุยในห้องทำงานของฉันเถอะค่ะ”
ทั้งสามเข้าห้องทำงาน หยางหรูไห่รินไวน์สามแก้ว ขณะที่ยื่นให้หยวนชิงหลิงก็พูด “ดื่มหน่อยเถอะค่ะ คุณต้องสงบสติอารมณ์”
หยวนชิงหลิงรับมา ดื่มอึกหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก
หลันอ้าวไม่ได้ดื่ม วางไว้บนโต๊ะ “อาการคนไข้กับรายงานการตรวจเลือด มีไหมครับ?”
“ปอดอักเสบหนัก สงสัยว่าจะติดเชื้อจากแบคทีเรีย พร้อมกันนั้นก็ฉีด LR ไป 3 มิลลิลิตร LR ยังอยู่ระหว่างการวิจัย สรรพคุณยากับเภสัชวิทยายังไม่แน่ชัด เฮโมโกลบิน 50 เม็ดเลือดขาว 222 ค่าสัมบูรณ์นิวโทรฟิลสูงมาก ความดันระดับล่าง 50 หายใจลำบาก ใช้เครื่องช่วยหายใจ”
“อะไรนะ แบคทีเรีย?”
“ยังไม่ได้ผลลัพธ์ แต่พบสารบ่งชี้อย่างหนึ่งในเลือด เราไม่รู้ว่าคืออะไร เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็น” หยางหรูไห่หันคอมพิวเตอร์มา เปิดผลการตรวจเลือดให้หลันอ้าวดู
หยวนชิงหลิงไม่รู้เรื่องสารบ่งชี้นี้ เธอชะงักงัน แล้วมองตาม
ปริมาณสารบ่งชี้ต่ำมาก ต่ำจนแทบตรวจไม่พบ
หลันอ้าวขมวดคิ้ว “เมื่อก่อนผมเคยเห็นคนไข้คนหนึ่ง เขาอยู่ในป่าลึกเขตร้อนถูกแมลงพิษกัด ในเลือดก็เจอสารบ่งชี้นี้เหมือนกัน แต่ผมไม่รู้ว่าเป็นชนิดเดียวกันหรือเปล่า เรารู้เรื่องไวรัสและแบคทีเรียน้อยเกินไป โลกนี้มีไวรัสกับแบคทีเรียกี่ชนิด จนป่านนี้พวกเราก็ยังไม่รู้”
“งั้นตอนหลังคนไข้คนนั้นเป็นยังไงคะ?” หยวนชิงหลิงรีบถาม
“เขาตายแล้วครับ ตายเพราะปอดอักเสบกำเริบ”
มือของหยวนชิงหลิงสั่นระริก
หลันอ้าวเอาขวดเล็กสีน้ำเงินบรรจุยาประมาณสิบมิลลิลิตรออกมา วางไว้ตรงหน้าทั้งสอง “นี่ก็คือยาที่ผมกับดอกเตอร์ต่งวิจัย เจาะเลือดของผมแล้วสกัดไวรัสในเลือดผมออกมา ยาสิบมิลลิลิตรนี้มีไวรัสหนึ่งในหมื่นของเลือดหยดหนึ่งของผม แต่กลับสามารถทำลายไวรัสและแบคทีเรียร้ายแรงได้ ตอนนี้อยู่ในการทดลองระยะที่สาม จะใช้หรือไม่ใช้ก็ขึ้นอยู่ที่พวกคุณนะครับ”
“ผลการทดลองสองระยะแรกเป็นยังไงบ้างคะ?”
หลันอ้าวเอาโทรศัพท์มือถือออกมา ค้นหาข้อมูลการทดลอง “พวกคุณดูเองเถอะครับ”
ทั้งสองดูครู่หนึ่ง ข้อมูลน่าพอใจมาก การระงับไวรัสและแบคทีเรียสูงถึงเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ การติดตามผลสามเดือนก็ไม่มีความผิดปกติ
“ข้อมูลน่าพอใจอย่างนี้ แต่ฉันมองออกถึงความลังเลของคุณ” หยวนชิงหลิงมองหลันอ้าวแล้วกล่าว
“ครับ เพราะอาการของสามีคุณพิเศษ เขาฉีด LR แล้วยังไม่รู้ว่าติดเชื้อแบคทีเรียอะไร ขณะเดียวกันในเลือดของเขาก็มีสารบ่งชี้ ผมไม่รู้เรื่อง LR แต่ก่อนหน้านี้ผมเคยแลกเปลี่ยนกับเสี่ยวหรู เธอบอกว่า LR อาจจะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ ไม่รู้ว่ายาของผมจะทำให้เขาเป็นยังไง ดีหรือไม่ดีผมไม่รู้ เพราะไม่เคยมีเคสตัวอย่าง”
หยวนชิงหลิงทำอะไรไม่ถูกทันที
สถาบันวิจัยใช้ยาปฏิชีวนะและอัลบูมินที่ดีที่สุดกับเจ้าห้า แต่กลับไม่ได้ผลสักนิด แถมอาการยังจะหนักขึ้นอีก เห็นชัดว่าไม่มียาอะไรใช้ได้แล้ว
หยางหรูไห่มองเธออย่างสงสาร “คุณพิจารณาให้ดี แต่อย่าให้นานนักนะคะ อาการของเขา ไม่สู้ดีนัก”
หยวนชิงหลิงยกไวน์ขึ้นดื่มในรวดเดียวอย่างสั่นๆ “ใช้ค่ะ!”
เธอทำงานด้านการศึกษายา รู้ว่าใช้ยามากมายขนาดนี้แล้วไม่เป็นผล แสดงว่ายาเหล่านี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาเลย ช่วยเขาไม่ได้
เธอมองหลันอ้าว น้ำตาไหลริน “ถ้าใช้แล้ว อาการเขาไม่ดีขึ้น หรือว่า… ฉันหวังว่าคุณจะช่วยเขา ถึงแม้ว่า…แม้ว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นก็ตามค่ะ”
หลันอ้าวนิ่งงันพักหนึ่ง “ถ้านี่เป็นการตัดสินใจของคุณ ผมก็จะช่วยคุณครับ”
หยางหรูไห่ยื่นมือกอดเธอ “ไม่เป็นไร คุณวางใจเถอะ วางใจก็พอ ถึงสุดท้ายต้องใช้เลือดของหลันอ้าว ก็ไม่เหมือนกับสมัยก่อนอย่างนั้นแล้ว ไวรัสในร่างกายของเขาช่วยระงับได้ จะไม่เป็นอย่างนั้น…อย่างที่ร่ำลือ เขายังจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้”
“ค่ะ!” หยวนชิงหลิงกลั้นน้ำตา แต่กลับระงับความหวาดกลัวในใจไม่อยู่
“ผู้เชี่ยวชาญที่หายไปคนนั้น คุณลองหาดูนะคะ คนทั้งคนจะหายไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยได้ยังไง หรือจะข้ามมิติเวลาเหมือนกับฉัน?” หยวนชิงหลิงถาม
“ฉันกำลังหาอยู่ค่ะ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย เพราะไม่มีเบาะแสอะไรเลย แล้วก่อนหน้านี้ก็ไม่มีลางอะไรด้วย อย่างที่คุณว่ามาฉันก็เคยคิดเหมือนกัน และกำลังหาในมิติเวลาด้วย วางใจเถอะค่ะ อีกไม่นานต้องมีข่าวแน่”
คำพูดของหยางหรูไห่ไม่เพียงพอที่จะทำให้หยวนชิงหลิงรู้สึกอุ่นใจ ครั้งนี้จู่ๆ ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีการเตรียมการใดๆ กระทั่งไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ก่อนหน้านี้ที่ข้ามมิติเวลา ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอก็รู้เรื่องสรรพคุณยา เพราะนั่นเป็นยาที่ตัวเองวิจัยและทำขึ้น
“อย่าคิดมากเลยค่ะ เราจะพยายามช่วยเขาสุดความสามารถ” หยางหรูไห่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบอะไรได้อีก สถานการณ์ครั้งนี้ เหนือความคาดหมายจริงๆ
อีกอย่าง ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญคนนั้นก็ลบไปบ้างแล้ว หรือว่าเธอจะค้นพบอะไร หรือว่าความไม่แน่นอนของยาจะศึกษาไม่ได้
“ค่ะ ลำบากพวกคุณแล้ว” หยวนชิงหลิงพูดเสียงเบา
“ค่ะ งั้นพวกเราก็เอาตามนี้ ใช้ยาของคุณอ้าวก่อน ฉันเชื่อว่ายาของคุณอ้าวจะทำให้เขาพ้นวิกฤตได้ชั่วคราว”
ชั่วคราว… สองคำนี้ช่างหนักอึ้งอะไรขนาดนั้น? หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบา!
อีกอย่าง หยางหรูไห่เองก็คงไม่มั่นใจด้วย