บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1611 ช่วยได้แล้ว
หยางหรูไห่กับหลันอ้าวเริ่มใช้ยากับหยู่เหวินเห้า
หยวนชิงหลิงอยู่นอกห้องICU ยืนมองอยู่หน้ากระจกกับสวีอี ยาสีน้ำเงินผสมอยู่ในยาฉีดขวดใหญ่ ค่อยๆ ไหลเข้าไปในหลอดเลือดของเจ้าห้า
สายน้ำเกลือช้ามาก ทีละหยดๆ ราวกับรดใส่ในดวงใจของหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงจิตใจสับสนไร้ทิศทาง คิดความเป็นไปได้หลายๆ อย่าง แต่วิธีแก้ไขสุดท้ายก็คงมีแต่เลือดขอหลันอ้าวแล้ว
ฐานะของหลันอ้าวมากน้อยก็พอรู้อยู่บ้าง มีคนบอกว่าเขาเป็นราชาแวมไพร์ แต่คนที่ทำงานวิจัยไวรัสบอกว่าร่างกายของเขาอยู่ร่วมกับไวรัสชนิดหนึ่ง ไวรัสชนิดนี้เปลี่ยนยีนของเขา เปลี่ยนเซลล์ของเขา เปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างของเขา เซลล์สามารถแบ่งออกแล้วสร้างขึ้นใหม่ได้ ยีนทำการซ่อมแซมตัวเองไม่หยุด ใช้รูปแบบที่แปลกมากอย่างหนึ่ง
เลือดของเขา ก็ตรวจเจอไวรัสชนิดหนึ่งจริงๆ แต่ไวรัสชนิดนี้ก็กลายพันธุ์อยู่ตลอดด้วย ไวรัสชนิดนี้ถ่ายทอดผ่านเลือดได้เท่านั้น
ต่อหน้าการสำรวจทางวิทยาศาสตร์ ทุกสิ่งที่มนุษย์ทำได้ช่างน้อยเหลือเกิน ที่รู้ก็น้อยมากเช่นกัน
หลังจากใช้ยาไปแล้วหนึ่งชั่วโมง อาการหัวใจติดขัดก็คลายมาได้ระดับหนึ่ง ไข้สูงที่ถึงสี่สิบองศาก็ลดลงมาเหลือสามสิบแปดองศา
ครั้นผ่านไปสองชั่วโมงก็ไม่มีไข้แล้ว
ตอนนี้เพิ่งจะใช้ยาไปมากกว่าหนึ่งในสามกว่า
สถานการณ์ในตอนนี้ ดูแล้วยังดีมาก
จากนั้นความดันก็ค่อยๆ สูงขึ้น ความดันเส้นล่างก็กลับถึงเจ็บสิบ
ใช้ยาไปสามชั่วโมง ร่วมกับการเติมเลือด
ครั้นถึงตอนกลางคืนก็เจาะเลือดออกมาตรวจสอบ เฮโมโกลบินเพิ่มขึ้น เกล็ดเลือดก็เพิ่มขึ้น เม็ดเลือดขาวลดลง นิวโทรฟิลกลับคืนสู่ความปกติ
นี่ก็หมายถึงอาการติดเชื้อควบคุมได้แล้ว และยังควบคุมได้ดีอีกด้วย
หยวนชิงหลิงไม่กล้าเบาใจ ยังจ้องติดตามสถานการณ์ของเขาต่อ
หลังจากสภาพการณ์ในตอนนี้ค่อยๆ มั่นคงแล้ว ก็ปลดเครื่องช่วยหายใจออกได้ หยวนชิงหลิงก็เข้าไปเฝ้าข้างในได้แล้ว
สวีอีไม่ได้เข้าไป นั่งยองอยู่ข้างปากประตูตลอดเวลา เขาที่ไม่รู้เรื่องการแพทย์เลย สองวันมานี้เวียนศีรษะไปหมด ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง รู้สึกแต่ตัวเองเป็นตอไม้ที่เกะกะ
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาเป็นห่วงมาก ให้เขาเปลี่ยนชุดป้องกันเข้ามา อยู่เฝ้าด้วยกัน
ครั้นกลางดึกหยู่เหวินเห้าก็ตื่นขึ้นมา
ตอนนี้การหายใจ เส้นชีพจร เลือด ทั้งหมดกลับคืนเป็นปกติแล้ว
ขณะที่ลืมตาเรียกหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงฟุบอยู่ที่ข้างเตียง ร้องไห้จนแทบหายใจไม่ทัน
แม้หยู่เหวินเห้าจะหมดสติมาตลอด แต่ก็เหมือนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ลูบศีรษะหยวนชิงหลิงเบาๆ สะอื้นหนัก พูดไม่ออก
สวีอีก็ร้องไห้ตามด้วย
หยู่เหวินเห้ากรอกตาขาวใส่เขา เจ้าทึ่มนี่ สมองเพิ่งสั่งการให้ร้องไห้หรือ? ถ้าอยู่ในท้องพระโรง เขากระแอมทีเดียว ขุนนางก็เริ่มร้องไห้แล้ว
เห็นได้ว่ามิใช่วัสดุชั้นเลิศในสนามขุนนาง
“ไม่เป็นไร มิตายหรอก กลับมาแล้ว”
รอให้หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมา เขาก็หัวเราะเอ่ยหยอก
หยวนชิงหลิงจมูกตัน “รู้ไหม เจ้าทำข้าตกใจหมดเลย?”
“ขอโทษ ต่อไปจะไม่เป็นอย่างนี้อีกแล้ว” หยู่เหวินเห้ากุมมือนาง กุมแน่น แล้วย้ายไปอยู่ที่หน้าอก จ้องนาง ผอมซูบไปหมดแล้ว ช่างน่าปวดใจนัก
แพทย์พยาบาลเข้ามาด้วยการนำของหยางหรูไห่ เกลี้ยกล่อมหยวนชิงหลิง “ต้องพาเขาไปตรวจแล้วนะคะ”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน “ได้ค่ะ ฉันจะตามไปด้วย”
“ได้ค่ะ มาเถอะ!” หยางหรูไห่ยิ้มพูด “ยินดีกับพวกคุณด้วยนะคะ มีบุญวาสนาจริงๆ”
เมื่อนั้นสวีอีก็ถามขึ้นอย่างความรู้สึกช้า “เช่นนั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้วหรือ?”
“ไม่เป็นไรชั่วคราวค่ะ” หยางหรูไห่ยิ้มพลางมองเขา “คุณไม่ได้นอนมาหลายวัน ฉวยตอนที่เขาไปตรวจก็ไปนอนสักหน่อยเถอะค่ะ”
ครั้นสวีอีวางใจก็รู้สึกถูกความง่วงโจมตีทันที รอจนหยู่เหวินเห้าถูกย้ายเตียงพาไปแล้ว เขาก็ล้มลงนอนที่เตียงผู้ป่วยทันที
กระทั่งหยู่เหวินเห้าตรวจเสร็จกลับมา เขาก็นอนกรนอย่างกับโรงสี
หยวนชิงหลิงไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เขาก็ไม่รู้จักหาเตียงอื่นนอนเล่า? จำต้องมานอนบนเตียงผู้ป่วยของเจ้าห้า
ส่วนตัวหยู่เหวินเห้าก็สงสารสวีอีอยู่เหมือนกัน จึงเอ่ย “อย่ากวนเขาเลย ให้เขานอนไปเถอะ ครั้งนี้ทำเขาตกใจแย่ เขาฉีดยาให้ข้า หากข้าเกิดเรื่องจริง เขาก็เป็นผู้ปองร้ายฮ่องเต้”
หยวนชิงหลิงกลั้นหัวเราะไม่อยู่ หากพูดตามความเนื้อผ้าก็เป็นเช่นนั้นจริง สวีอีล่ะหนา ก่อเรื่องไม่น้อยจริงเชียว
เมื่อไปที่ห้องพักผู้ป่วยห้องข้างๆ แล้ว ไม่นานรายงานก็ส่งมาถึง
สถานการณ์ปอดอักเสบดีขึ้นมาก ค่าต่างๆ ในร่างกายก็มีแนวโน้มไปทางปกติ แต่สารบ่งชี้ในเลือดยังคงอยู่ ตอนนี้ไม่เห็นว่าเซลล์หรือน้ำเหลืองจะมีความผิดปกติอะไร
รายงานแบคทีเรียก็ออกมาแล้วเหมือนกัน เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ไม่ถูกค้นพบมาก่อน
ส่วนตุ่มที่เท้าเขา เนื่องจากผ่านมาหลายวันแล้ว และแช่น้ำอยู่นาน จึงไม่ได้ของที่ใช้ประโยชน์อะไรได้ เหล็กในที่คาดเดาเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไม่มี
ทั้งหมดราวกับเรื่องลึกลับ เป็นความบังเอิญเรื่องหนึ่งต่อกับอีกเรื่องหนึ่ง แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ไข้สูง ปอดอักเสบและแบคทีเรียล้วนไม่ใช้เพราะการฉีด LR แต่ LR กลับอาจทำให้การติดเชื้อแบคทีเรียหนักขึ้น
หลันอ้าวกลับไปแล้ว ให้หยางหรูไห่สังเกตสภาพเลือดของหยู่เหวินเห้าต่อ นอกจากสารบ่งชี้ถ้าพบการเปลี่ยนแปลงอะไรก็บอกเขาทันที
ดังนั้นหยู่เหวินเห้าจึงยังกลับไม่ได้ ยังต้องสังเกตการณ์ต่อ รอเจาะเลือดตรวจ
พอถึงวันที่ห้าก็ตรวจอีกครั้ง
ตกหัวค่ำหยู่เหวินเห้าก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นอะไรแล้ว ออกไปเดินได้ หยวนชิงหลิงกับสวีอีพาเขาเดินในสวนข้างนอกสถาบันวิจัย
ทั้งสามเพิ่งออกไป ผู้เชี่ยวชาญก็เอา CT สแกนใหม่ล่าสุดมาให้หยางหรูไห่
“หือ?” หยางหรูไห่รับมาดูแวบหนึ่ง ตะลึงเล็กน้อย “ยังไงกันเนี่ย? ทำไมระบบลิมบิกถึงว่องไวขนาดนี้?”
“ก่อนหน้านี้ไม่นะคะ แต่ใช้ยาแล้วถึงเป็นอย่างนี้ เรายังรู้สึกแปลกเลย ก็เลยเอามาให้คุณดูนี่แหละค่ะ แล้วก็…รูปลักษณะของโพรงสมองที่ห้าที่หก ที่เข้ามาก็ไม่มี แปลกมากเลยค่ะ”
“ฉันเห็นแล้ว” หยางหรูไห่วางรายงานลง “นี่เป็นเพราะอะไรกันนะ? แล้วระบบประสาทส่วนกลางในพื้นที่สมองพวกคุณก็ต่างจากก่อนหน้านี้นิดหน่อยด้วย นี่เป็นอันล่าสุดแล้วเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่พบปัญหาพวกนี้ แต่รายงานผลการตรวจเลือดอันล่าสุดก็ออกมาแล้วด้วย”
“การตรวจเลือดเมื่อวานไม่ปกติเหรอคะ?”
“คุณดูอันล่าสุดก่อน”
หยางหรูไห่รับมา มองแวบหนึ่ง ขมวดคิ้ว “เกล็ดเลือดต่ำขนาดนี้อีกแล้ว? เม็ดเลือดขาวค่อนข้างสูง เส้นสารบ่งชี้…ประหลาดหน่อยๆ สองวันก่อนยังปกติอยู่เลยนี่”
“ฉันขอเสนอให้เจาะไขกระดูกมาตรวจสอบนะคะ” ผู้เชี่ยวชาญกล่าว
หยางหรูไห่นิ่งงันไปพักหนึ่ง “ค่ะ แต่เรื่องนี้ฉันจะปรึกษากับดอกเตอร์หยวนก่อนนะคะ”
ทั้งสามแยกย้ายกันกลับ หยวนชิงหลิงถูกเรียกไปที่ห้องทำงานของหยางหรูไห่
ก่อนเข้าไปหยวนชิงหลิงก็พอรู้อยู่แล้ว พอเห็นหยางหรูไห่ยื่นรายงานการตรวจเลือดและ CT สแกนสมองล่าสุดมาให้ เธอก็ประหลาดใจ “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะคะ? เพิ่งจะวันเดียวเอง”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ฉันขอเสนอให้เจาะไขกระดูกมาตรวจสอบ กับทำ NMR สมองด้วย” หยางหรูไห่กล่าว
หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกอีก “คุณสงสัยอะไรคะ?”
“ไม่รู้ค่ะ ทั้งหมดยังไม่แน่ชัด ก็เลยต้องเจาะไขกระดูกไปตรวจสอบยีนทั้งหมดอีกครั้ง” หยางหรูไห่ถอนหายใจกล่าว
“ค่ะ” จิตใจหยวนชิงหลิงหนักอึ้งไปทันที ความรู้สึกว้าวุ่นก็เข้าโจมตีอีก