บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1612 เจ้าดึงหน้าให้ข้า
เช้าวันถัดมาก็เจาะไขกระดูกเจ้าห้าไปตรวจ แล้วทำการตรวจร่างกายอีกครั้ง
สมาชิกทีมตรวจทั้งหมดทำงานล่วงเวลา เพื่อประกันว่าผลลัพธ์จะออกได้เร็วที่สุด
และก่อนจะถึงตอนนั้น หยวนชิงหลิงก็ปิดปากกับเจ้าห้าสนิท ไม่บอกอะไรทั้งนั้น เขาจะได้ไม่กังวล
เจ้าห้าคิดว่านี่เป็นการตรวจให้ชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ไหนๆ เขาก็รู้สึกดีแล้ว ยังประลองกับสวีอีได้ แล้วยังจะเป็นอะไรได้อีก?
ดังนั้นเขาจึงสบายใจ หยิบแท็บเล็ตของเจ้าหยวนมาดูละครกับสวีอี
ครั้นผลลัพธ์ออกมาแล้ว หยางหรูไห่ก็เรียกหยวนชิงหลิงไปหาทันที
“ยีนไขกระดูกตรวจออกมาแล้ว มีการกลายพันธุ์ แล้วยังเป็นการกลายพันธุ์ตามธรรมชาติของตัวมันเองอีก ไม่ได้เป็นผลจากปัจจัยภายนอก แล้ว…ตุ่มที่นิ้วเท้าเขา พอนำส่วนประกอบไปตรวจสอบจำนวนหนึ่งแล้ว ก็คล้ายคลึงกับหนอนน้ำแข็งชนิดหนึ่งมาก”
“หนอนน้ำแข็ง? หนอนน้ำแข็งอะไรคะ?” หยวนชิงหลิงตะลึงงัน “แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกว่าตุ่มไม่เจออะไรเหรอคะ?”
“ตอนแรกไม่เจอค่ะ แต่ตอนหลังอาม่านเอาส่วนประกอบนิดหนึ่งไปตรวจแล้วถึงเจอ ความสามารถในการดำรงชีวิตของหนอนน้ำแข็งสูงมาก ที่บอกว่าเป็นหนอน แต่จริงๆ แล้วเป็นแบคทีเรีย ส่วนหนอนน้ำแข็งจะขยายพันธุ์ยังไง หรือว่าจะเป็นหนอนน้ำแข็งส่งผลกระทบกับความสามารถในการสร้างเลือดทำให้เกล็ดเลือดต่ำลงหรือเปล่านั้น ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้ค่ะ ยังต้องใช้ข้อมูลอีกมากในการสนับสนุน ฉะนั้นเราจะลองเพาะแบคทีเรียหนอนน้ำแข็งชนิดนี้ดู หวังว่าจะได้เจออะไรมากขึ้น และรู้ว่าจะระงับหรือกำจัดยังไง”
“หนอนน้ำแข็งอยู่ในน้ำแข็งเหรอคะ? แต่ตอนที่เขาถูกกัด อยู่ในทะเลสาบนี่คะ”
“เปล่าค่ะ แรกเริ่มหนอนน้ำแข็งถูกพบอยู่ในน้ำแข็ง แต่ก็อยู่ที่อื่นได้ หรือไม่ก็จำศีล มองหาโอกาสเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ อย่างเช่นการที่มือสัมผัสถูกมัน แล้วโดนถูกบาดแผล มันก็เข้าจากบาดแผลได้ แต่พวกเรายังไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่มีหนอนน้ำแข็ง จำนวนมาก ได้ติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านนี้แล้ว”
หยวนชิงหลิงใจตุ้มๆ ต่อมๆ ขึ้นมาอีก “งั้นแบคทีเรียนี้จะทำให้การแพร่เชื้อหนักกว่าเดิมไหมคะ? ตอนนี้เหมือนเขาจะไม่เป็นไร ถึงข้อมูลทางเลือดจะแย่อย่างนี้ แต่เขาก็ยังมีชีวิตชีวา”
“เราก็แปลกใจเหมือนกันค่ะ ตามหลักแล้วเกล็ดเลือดของเขาต่ำขนาดนี้ ตอนนี้น่าจะมีเลือดออกตามใต้ผิวหนังแล้ว คุณเห็นเขาเป็นอย่างนี้ไหมคะ?”
“ไม่นะคะ ตอนเช้าฉันเพิ่งเช็ดตัวให้เขา แต่ไม่เห็นเลือดออกใต้ผิวหนัง สารบ่งชี้ในเลือดก็เป็นเพราะแบคทีเรียหนอนน้ำแข็งนี้เหรอคะ?”
“ก็เป็นไปได้ค่ะ” หยางหรูไห่กล่าว
“งั้นตอนนี้เราทำอะไรได้บ้างคะ” หยวนชิงหลิงถาม
“ตอนนี้ได้แต่สังเกตการณ์ค่ะ ฉันไม่แนะนำให้พวกคุณกลับไปนะคะ”
หยวนชิงหลิงก็รู้ว่ากลับไปไม่ได้ เพราะถ้าไปแล้วเกิดมีอันตรายอะไรก็ไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี
“ผล NMRล่ะคะ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ไม่พบมีอะไรพิเศษค่ะ” หยางหรูไห่ตอบ
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้วแน่น “หรือก็หมายถึงเขาจะเป็นยังไงกันแน่ เราก็ไม่รู้”
“ใช่ค่ะ ค่อนข้างซับซ้อน นอกจากหนอนน้ำแข็งนี้ ยังมีการฉีด LR ไปอีก แล้วยังยาเลือดของหลันอ้าว แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ ยาเลือดของหลันอ้าวทำให้เขาผ่านช่วงวิกฤตมาได้ แต่จะทำให้ร่างกายเขาเกิดความผิดปกติอะไรไหม หรือว่าแบคทีเรียหนอนน้ำแข็งจะส่งผลกระทบอะไรกับเขาหรือเปล่า เรายังไม่รู้ค่ะ”
หยวนชิงหลิงถอนหายใจหนัก ทรมานใจนัก รู้สึกทำอะไรไม่ถูก
หลังจากออกจากห้องทำงานของหยางหรูไห่แล้ว เธอก็ลองใช้จิตติดต่อกับลูกๆ ลูกๆ ไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับพ่อเลย หรือก็คือไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ
แม้แต่ซาลาเปาที่อยู่เมืองหลวงก็ไม่รู้สึกด้วย
พักอยู่ที่สถาบันวิจัยอีกสองวัน เจ้าห้าก็โวยวายจะออกจากที่นั่น
หยวนชิงหลิงได้แต่เกลี้ยกล่อมเขา ให้อยู่ต่ออีกสองวัน ยังต้องเจาะเลือดไปตรวจอีกครั้ง แล้วที่เจาะไขกระดูกไปก่อนหน้านี้ บาดแผลก็ยังเจ็บอยู่มิใช่หรือ?
“หายเจ็บตั้งนานแล้ว ข้าจับยังไม่รู้สึกเลย” หยู่เหวินเห้าเลิกเสื้อขึ้นมาให้หยวนชิงหลิงดู บนบาดแผลยังแปะเทปการแพทย์อยู่ เวลาที่หยวนชิงหลิงเช็ดตัวให้เขาก็พยายามไม่ให้โดนน้ำ
“ข้าจะทายาที่แผลให้เจ้า” หยวนชิงหลิงกล่าว
หยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปฉีกเทป เมื่อนั้นก็ชะงักเล็กน้อย บาดแผลเหลือแค่รอยแดงจางๆ เท่านั้น หายไวขนาดนี้เชียว? เมื่อวานตอนที่เปลี่ยนเทปยังมีเลือดนิดหน่อยอยู่แล้ว
“หายเร็วขนาดนี้เชียวหรือพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีชะโงกมาดูแวบหนึ่ง ตะลึงเล็กน้อยเหมือนกัน
ตอนที่ฝ่าบาทเจาะไขกระดูกออกมา ยังบอกว่าเจ็บมาก เขาเคยเห็น เป็นรูเล็กๆ รูหนึ่ง แต่น่ากลัวมาก
“อือ ดีขึ้นมากแล้ว ป่วยครั้งนี้ ข้ารู้สึกว่ากระปรี้กระเปร่ามากกว่าเมื่อก่อนอีก สวีอีเจ้าดูผมขาวที่ข้างหูข้าสิ หายไปแล้วมิใช่หรือ?” หยู่เหวินเห้าเอียงศีรษะให้สวีอีดู
สวีอีมองเส้นผมของเขา แล้วมีใบหน้าของเขาอีก เอ่ย “ไม่เพียงแต่พระเกศาขาวจะไม่มีนะพ่ะย่ะค่ะ ตีนกาที่มุมพระเนตรก็หายไปแล้ว เอ๊ะ! ไม่สิ ฝ่าบาท! ทำไมกระหม่อมถึงรู้สึกว่าพระองค์ดูพระเยาว์ขึ้นล่ะ? ฮองเฮาทรงว่าจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ครั้นหยวนชิงหลิงได้ยินสวีอีว่าอย่างนั้นก็สะดุ้งในใจ มองเจ้าห้าอย่างละเอียด ผิวพรรณขาวสะอาดขึ้นมาก แต่นี่อาจเป็นเพราะป่วยจึงไม่ได้โดนแดด สำหรับผมหงอกสองสามเส้นนั้น ก็ถอนออกได้
ทว่าริ้วรอยขีดสองขีดที่มุมตา หายไปแล้วจริงๆ แถมสภาพผิวทั้งหมด ความกระชับยังมากกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อก่อนอย่างไรก็เป็นคนอายุสามสิบปลายๆ แต่ตอนนี้หน้าตาอย่างกับที่เพิ่งรู้จักเขาใหม่ๆ เป็นบุรุษงามหน้าตาสดใส คิ้วดาบยาว
หยู่เหวินเห้าเอากระจกมาส่องดู จิตใจว้าวุ่นนิดๆ ดึงหยวนชิงหลิงมากดเสียงต่ำกระซิบกระซาบ “เจ้าช่วยข้าทำอย่างนั้นหรือเปล่า ที่เหมือนกับฮ่องเต้ฮุยจง ดึงหน้า?”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?” หยวนชิงหลิงดึงอารมณ์กลับ ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี ทำไมถึงคิดไปทางนั้นได้เล่า
“แต่ข้าดูตัวเองแล้ว รู้สึกหนุ่มขึ้นจริงๆ คล้ายกับตอนนั้นที่เจ้าผ่าตัดที่นี่ หรือว่าการรักษาที่นี่จะทำให้คนอ่อนเยาว์ขึ้นหรือ?” หยู่เหวินเห้าฉงนใจถาม
สวีอีตาร้อนทันที “ถ้ากระหม่อมป่วยบ้างก็คงดีพ่ะย่ะค่ะ”
“พูดไปเรื่อย ป่วยก็มิใช่จะอ่อนเยาว์ได้” หยวนชิงหลิงตำหนิ
“แต่ฝ่าบาททรงดูอ่อนเยาว์มากขึ้นจริงๆ นะพ่ะย่ะค่ะ” สวีอียิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าโฉมหน้านี้งามตานัก เหมือนกับเมื่อก่อน ฝ่าบาทยังคงหล่อเหลาเช่นนั้น
“ทำไม? ข้าอ่อนเยาว์ขึ้นแล้วเจ้าไม่ดีใจหรือ?” หยู่เหวินเห้ามองหยวนชิงหลิง นางขมวดคิ้วหนัก อย่างกับไม่ดีใจอย่างนั้น
หยวนชิงหลิงฝืนยิ้ม “เปล่า ก็ต้องดีใจสิ ข้าแค่กำลังคิดเรื่องการวิจัย เพราะอีกไม่นานเราก็ต้องกลับไปแล้ว เรื่องการวิจัยข้ายังต้องสื่อสารกับทีมวิจัยทางนี้อีกหน่อย พวกเจ้าคุยกันก่อน ข้าจะออกไปหาหยางหรูไห่”
ว่าแล้วก็รีบร้อนเดินจากไป
หยู่เหวินเห้ากับสวีอีเข้ามาชะโงกจ้องคนในกระจกด้วยกัน ศีรษะเบียดอยู่ใกล้กัน หยู่เหวินเห้าจึงโหม่งเขาไป “เจ้าก็ดูหน้าข้าเลยมิได้หรือ? ยังดูกระจกอะไรอีก?”
“ในกระจกยังดูดีกว่าอีกพ่ะย่ะค่ะ” สวีอีอิจฉาตาร้อนเสียไม่มี
“ไม่เช่นนั้น…ดึงหน้าให้เจ้าไหม?” หยู่เหวินเห้ายังคิดว่าตอนที่ตนป่วยสะลึมสะลือถูกคนดึงหน้าไป หน้าของฮ่องเต้ฮุยจงก็เป็นเช่นนี้ ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาก แต่การดึงหน้านี้ทำให้เขาเสียศักดิ์ศรีอยู่หน่อย เจ้าหยวนรังเกียจที่เขาแก่แล้วหรือ?
“ไม่พ่ะย่ะค่ะ!” สวีอีปฏิเสธฉับพลัน
ไอ้ของพรรค์นี้ ดูท่าทางไม่น่าเชื่อถือสักนิด!