บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1613 บังเอิญเหรอ
หยางหรูไห่เรียกคนของทีมผู้เชี่ยวชาญมาด่วน แม้แต่คนที่รับผิดชอบโปรเจค LR ก่อนหน้านี้ก็ถูกเรียกมาด้วย
แต่ด้วยข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ ทุกคนถกเถียงกันทั้งคืนก็ไม่เจอปัญหาอะไร นี่จึงหมายถึงหยู่เหวินเห้าต้องอยู่รับการตรวจสอบต่อ
ดังนั้นหยวนชิงหลิงจึงกลับไปทำสิ่งที่เจ้าห้าไม่ต้องการ บอกว่าอยู่ต่ออีกสามวัน แน่ใจว่าไม่มีอะไรแล้วค่อยไป
หยู่เหวินเห้ารับปากอยู่ต่อ แต่เจ้าหยวนต้องพาเขาออกไปเที่ยว บอกว่ากว่าจะได้มาครั้งหนึ่ง อย่างน้อยก็ต้องไปเดินเที่ยวสักหน่อยค่อยกลับไป และต้องไปกราบคารวะพ่อแม่และฮ่องเต้ฮุยจงด้วย
หยวนชิงหลิงเกรงว่าออกจากสถาบันวิจัยแล้วจะเกิดเรื่อง แต่เจ้าห้าก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ อย่างไรผู้ชายก็ยังต้องเอาใจ ดังนั้นจึงปรึกษากับหยางหรูไห่ว่าจะออกไปวันหนึ่ง แล้วกลับมาตรวจต่อ
หยางหรูไห่กล่าว “งั้นพวกคุณก็ไปเถอะค่ะ ฉันจะตามพวกคุณอยู่ห่างๆ ป้องกันเรื่องไม่คาดคิด”
“งั้นก็ลำบากคุณแล้วค่ะ” หยวนชิงหลิงกล่าว
“ช่วยไม่ได้นี่คะ ต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเขา”
พักหนึ่งแล้วก็ปลอบใจหยวนชิงหลิงอีก “คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกค่ะ ดูจากความกระปรี้กระเปร่าของแล้วก็ยังดีอยู่มาก”
“ค่ะ ต้องไม่เป็นไร” หยวนชิงหลิงพยายามคิดแง่ดี
หยางหรูไห่เตรียมรถให้พวกเขา กลับไปเยี่ยมเยียนผู้เฒ่าเฝ้ารัง
พ่อแม่ของหยวนชิงหลิงปลดเกษียณแล้ว แต่ยังทำเรื่องของกลับไปทำงาน ออกตรวจอาทิตย์ละสามวัน ไม่ยุ่งมากเหมือนเมื่อก่อน
พวกเขามีแผนการของตัวเองเหมือนกัน ก็คือปีหน้าหลังจากหมดสัญญาแล้ว จะไปเที่ยวรอบโลกกันก่อน แล้วไปอยู่กับหยวนชิงหลิงทางนั้นสักระยะหนึ่ง คิดถึงหลานๆ มาก
พอเห็นลูกเขยกับลูกสาวกลับมา ก็ดีใจกันยกใหญ่ รับรองกินข้าวมื้อหนึ่ง แต่พอได้ยินว่าพวกเขาต้องรีบกลับ ครั้งนี้เพราะยุ่งงวดหาเวลามา อยู่ได้แค่ครึ่งวันแล้วก็สงสารลูกเขยขึ้นมา “ต่อไปถ้าไม่ว่างก็ไม่ต้องรีบร้อนกลับมาอย่างนี้ จะกินข้าวสักมื้อก็กินให้สบายไม่ได้ พักผ่อนอยู่บ้านเถอะ เอาไว้อีกสองปีเราจะไปหาพวกเธอ”
หยู่เหวินเห้าเห็นพวกเขาเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของตนนานแล้ว รับความสงสารของพวกเขา หัวเราะเอ่ย “แม้จะยุ่ง แต่หากได้พบกับพวกท่านสักหน่อยก็ยังคุ้มค่ามาก”
พ่อแม่ของหยวนชิงหลิงชอบเขามากกว่าเดิม ลูกเขยคนนี้ช่างรู้ความจริง
หลังจากกินข้าวเสร็จ เดิมทีหยู่เหวินเห้ายังคิดจะไปเยี่ยมฮ่องเต้ฮุยจงสักหน่อย
แต่หยวนชิงหลิงห้ามไว้ เอ่ย “ครั้งที่แล้วข้ากลับมา เขาก็เอาแต่ขอให้ข้าพาเขากลับเป่ยถังให้ได้ หากเจ้าไป เช่นนั้นคงดิ้นไม่หลุดแน่”
หยู่เหวินเห้าฟังแล้วก็รู้สึกกลัว รีบปัดมือ “เช่นนั้นก็ไม่ไปแล้ว เราไปเที่ยวกันเถอะ”
รักษาตัวอยู่ในสถาบันวิจัยหลายวัน อึดอัดจะแย่ ตอนนี้จึงอยากออกไปผ่อนคลายสักหน่อย
ตอนนี้หยวนชิงหลิงยอมให้เขาทุกอย่าง เขาพอใจก็พอ
ครั้นบอกลากับพ่อแม่ และโทรศัพท์หาพี่ชายแล้ว ก็ใช้รถของพ่อขับพาเจ้าห้ากับสวีอีไปเที่ยว
ตอนแรกคิดจะพาเจ้าห้าไปเที่ยวที่จุดชมวิว แต่เจ้าห้าดึงดันจะไปเที่ยวชายทะเล
หยวนชิงหลิงไม่เห็นด้วย บอกว่าเขายังไม่หายดี โดนน้ำไม่ได้ แต่เจ้าห้ายกมือให้สัญญาว่าจะไปถึงที่นั่นแล้วจะมองเฉยๆ ไม่ลงน้ำเด็ดขาด เจ้าหยวนจนปัญญากับเขา จึงได้แต่ยอม
ไม่ใช่หน้าร้อนจัด คนที่ชายทะเลมีไม่มาก เจ้าห้าเอ่ย “ตั้งแต่ไปล่องเรือสำราญสุดหรูบนทะเลแล้ว ก็หลงใหลในมหาท้องสมุทรนัก ผู้ชายก็ควรชอบทะเลนั่นแหละ”
เขาอยากลงน้ำ ไม่ว่าหยวนชิงหลิงจะห้ามอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาไม่สนใจการโต้แย้งของเจ้าหยวน จะลงน้ำให้ได้
เขาเช่าเจ็ตสกีลำหนึ่ง ห้ามไม่ให้หยวนชิงหลิงตาม บอกว่าอันตราย
เขาพาสวีอีที่เป็นดั่งตอไม้ไปด้วย วิ่งฉิวผ่านผิวน้ำทะเลไป
หยวนชิงหลิงนั่งอยู่ที่ชายหาด มองพวกเขาอยู่ไกลๆ เป็นห่วงมาก แต่ก็จนปัญญา น้อยนักที่เขาจะดื้อดึงแบบนี้
เจ้าห้าปล่อยตัวเป็นอิสระ เห็นได้ว่าช่วงที่อยู่สถาบันวิจัย ทำให้เขาอึดอัดมากจริงๆ
ห้อตะบึงอยู่บนทะเล สัมผัสความเร็วและความเร้าใจ เสียแต่ลมไม่ค่อยแรง เกิดเป็นคลื่นใหญ่ไม่ได้ เขารู้สึกเสียดายมาก ตะโกนโหวกเหวก “คลื่นยักษ์มาสักหน่อยสิ ข้าจะขี่วายุทลายคลื่น!”
สวีอีคลื่นไส้เล็กน้อย ได้ยินดังนั้นแล้วก็พูดแบบเซ็งๆ “อย่าได้มีคลื่นยักษ์เลยจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกลัว”
แต่สวีอีเพิ่งพูดจบ ก็เห็นคลื่นหนึ่งพัดเข้ามา หยู่เหวินเห้าขี่เจ็ตสกี ดีใจอย่างกับเด็ก “มาสิ มาเลย!”
เจ็ตสกีผ่านคลื่นไปแล้วทอดตัวอยู่ที่ไกลมาก เขาตะโกนอย่างร่าเริงอีก “เอาอีก เอาอีก!”
ครั้นเห็นคลื่นพัดมาอีก ก็โหวกเหวกจะถาโถมเข้าไป เจ็ตสกีลอยขึ้นแล้วร่างลงน้ำ เร้าใจมาก
สวีอีแทบจะเป็นลม รู้สึกว่าตัวเองต้องจมอยู่ที่นี่แล้ว สั่นพั่บๆ ตะโกน “ฝ่าบาท เรากลับกันเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมฉี่จะราดแล้ว!”
“เจ้าคนขลาด!” หยู่เหวินเห้ากำลังเล่นสนุก สีหน้าแช่มชื่น “มาอีกหน่อยสิ ทางที่ดีก็คลื่นซ้อนเลย นั่นแหละจึงจะสนุก”
ครั้นพูดจบ ก็เห็นทะเลพัดคลื่นใหญ่มาอีกหลายลูก หยู่เหวินเห้าดีใจสุดขีด พูดกับสวีอีอย่างตื่นเต้น “ดูสิ มาแล้ว มาแล้ว เจ้าจับให้ดี ตกลงไปข้าไม่ช่วยเจ้านะ”
สวีอีเห็นคลื่นมาซ้อนกัน ตกใจกอดฮ่องเต้ ปากก็ท่องอามิตตาพุทธๆ เขามีบาป แต่ก็ไม่อยากตายอยู่ในทะเล เขาไม่ชอบทะเลสักนิด
หยวนชิงหลิงมองดูอยู่บนชายหาด ครั้นเห็นคลื่นพัดมาทางเจ้าห้าระลอกแล้วระลอกเล่าก็ประหลาดใจ เมื่อกี้คลื่นลมยังสงบอยู่แล้ว ทำไมจู่ๆ ก็มีคลื่นได้?
ลมก็ไม่แรงนี่
หยวนชิงหลิงเริ่มเป็นห่วง ดังนั้นจึงตะโกนหาเจ้าห้า “อย่าเล่นอีกเลย รีบกลับมาเร็ว”
เสียงของหยวนชิงหลิงถูกเสียงคลื่นทะเลกลบไปหมด เจ้าห้าไม่ได้ยิน ยังเล่นสนุกสนานอยู่
ดีที่ให้ตายสวีอีก็จะกลับให้ได้ กระทั่งขู่ว่าหากยังไม่เลี้ยวกลับอีก เขาจะกระโดดลงทะเล เมื่อนั้นหยู่เหวินเห้าจึงหันกลับอย่างอาลัยอาวรณ์ ขับไปทางเขตน้ำตื้น
เมื่อขึ้นฝั่งแล้ว หยู่เหวินเห้ายังสนุกครึกครื้นอยู่ บอกว่าคลื่นทะเลน่าสนุกมาก บอกให้มาก็มา
หยวนชิงหลิงให้เขาไปเปลี่ยนชุดทันที อย่าให้ได้หนาว
เขาผายมือออก “ไม่เป็นไร ข้าไม่หนาวสักนิด หากไม่ใช่เพราะสวีอีขี้ขลาด ข้ายังไม่กลับมาหรอก”
“เมื่อก่อนยังไม่คิดว่าเจ้าจะชอบทะเลขนาดนี้” หยวนชิงหลิงหยิบผ้าขนหนูเช็ดผมให้เขา
“ไม่รู้สิ ตอนนี้จู่ๆ ก็รู้สึกชอบมากขึ้นมา เจ้าไม่เห็น เมื่อครู่ข้าเรียกให้คลื่นใหญ่มา มันก็มาจริงๆ อย่างกับฟังคำสั่งข้าอย่างนั้นแหละ” ใบหน้าสดชื่นของหยู่เหวินเห้า ครั้นอยู่ใต้แสงแดดก็ยิ่งเป็นประกายมากกว่าเดิม
ไม่เหมือนคนป่วยสักนิด
หยวนชิงหลิงสะกิดใจ เมื่อครู่เห็นพวกเขาเล่นอยู่ในทะเล รู้สึกว่าคลื่นนั้นมาแปลกอยู่บ้าง
“ดื่มน้ำก่อนเถอะ ข้าจะดูสิว่าเจ้ามีไข้หรือไม่” หยวนชิงหลิงยื่นน้ำแร่ให้เขา แล้วหาปรอทในกระเป๋า
“ไม่มีไข้ ไม่กระหายน้ำด้วย”
“กระหม่อมกระหายพ่ะย่ะค่ะ ประทานให้กระหม่อมเถิด” สวีอีคอแห้งผาก กลืนน้ำทะเลไปหลายอึก ทั้งขมทั้งเค็ม รู้สึกไม่สบายในปาก
เมื่อวัดอุณหภูมิแล้ว ไม่มีไข้จริงๆ แถมยังดูมีชีวิตชีวามากอีก
“เอาล่ะ กลับกันเถอะ” หยวนชิงหลิงมักรู้สึกกระวนกระวายใจ จะเล่นไม่ได้อีก
“จะกลับแล้วหรือ? ยังเช้าอยู่แล้ว” หยู่เหวินเห้าเสียดายเล็กน้อย หันกลับไปมองทะเลทีหนึ่ง “คลื่นใหญ่มาอีกสิ ข้าจะออกไปเล่นอีก”
ครั้นสิ้นเสียงก็เห็นทะเลมีคลื่นพัดมาระลอกหนึ่งทันที ม้วนพัดเข้ามา เจ้าห้าดีใจอย่างกับเด็ก วิ่งโร่ออกไปมุดเข้าทะเลทันที
หยวนชิงหลิงตะลึงงัน
อย่างไรกันเนี่ย? บังเอิญหรือ?