บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1618 อ๋องอานน่าอนาถ
เมื่อจิ่งเทียนได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ก็ราวกับยกภูเขาออกจากอก ให้คนนำสุราขึ้นโต๊ะ หลังจากประทานสุราและใช้สุราคารวะรอบหนึ่งแล้ว แววตาของเขาก็เป็นประกาย เอ่ย “ข้าอยากเล่านิทานเรื่องหนึ่งกับทุกท่าน เมื่อฟังนิทานเรื่องนี้จบแล้ว ทุกท่านก็ทราบว่าเหตุใดจึงมีงานเลี้ยงหมั้นหมายในวันนี้”
ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ฟังนิทาน? แต่ไม่ว่าจะเป็นการหมั้นหรือแต่งงาน นี่ก็ไม่ใช่ขั้นตอนที่ควรมีกระมัง?
อ๋องเว่ยกระซิบข้างหูอ๋องอาน “ดูท่าต้องส่งจดหมายไปบอกน้องห้าแล้ว คนที่ว่าราชการแคว้นจินอาจมิใช่เขา บางทีอ๋องเจิ่นกั๋วอาจยังไม่ตาย เขาเป็นเพียงหุ่นเชิด”
“อือ เขาดูสมองเพี้ยนอยู่หน่อยๆ” อ๋องเว่ยก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ‘สมองเพี้ยน’ คำนี้ยังเป็นหลานคนโตสอนให้อีกแน่ะ
“เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน” เสียงของจิ่งเทียนดังขึ้น ชักนำอารมณ์ทุกคนให้ตื่นขึ้น “ตอนนั้นอ๋องเจิ่นกั๋วยังกุมอำนาจแคว้นจิน เขาอยากขึ้นมาแทนที่ข้า อ๋องเจิ่นกั๋วเกิดความคิดกำจัดฮ่องเต้ ข้าจำต้องโต้กลับ แต่กลับบาดเจ็บสาหัส ถูกหญิงนามว่าเสี่ยวเจ๋อช่วยเอาไว้ พูดได้ว่าหากไม่มีนาง ข้าคงตายไปนานแล้ว เวลานั้นข้ายังไม่รู้ฐานะของเสี่ยวเจ๋อ รู้เพียงนางเป็นคนของเมืองโร่ตู นอกเหนือจากนั้นก็แทบ…ไม่รู้อะไรเลย ระหว่างที่ข้ารักษาบาดแผลได้อยู่กับนางหลายวัน ข้าบอก ว่ารอข้าชิงอำนาจได้แล้ว จะสู่ของนางเป็นภรรยา นี่เป็นคำมั่นที่ข้าให้ไว้กับนาง แต่เรื่องที่นางช่วยชีวิตข้าถูกอ๋องเจิ่นกั๋วรู้เข้า อ๋องเจิ่นกั๋วจึงส่งคนไปเผาเรือนของนาง ภายหลังก็พบศพอยู่ในนั้น”
ทุกคนผงะ ตายแล้ว?
คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้แคว้นจินจะเล่าเรื่องการชิงอำนาจอันน่าอนาถนี้ออกมาได้
“ตอนที่ข้ารู้ ข้าแทบจะคลุ้มคลั่ง” จิ่งเทียนเอ่ยเสียงเบา ดวงตาเริ่มแดงระเรื่อ “ตอนนั้นข้ากระทั่งว่าลืมเรื่องที่จะชิงอำนาจ อยากฆ่าเขาเพื่อแก้แค้นให้เสี่ยวเจ๋อเท่านั้น หลังจากวางแผนซ่องสุมปีเศษ ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ นั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างถูกต้อง ดังนั้นข้าต้องการทำตามคำมั่น สู่ขอเสี่ยวเจ๋อเป็นภรรยา แต่งตั้งให้นางเป็นฮองเฮาแคว้นจิน”
เบื้องล่างวิพากษ์วิจารณ์อื้ออึง จะแต่งตั้งอย่างไร? คนก็ตายไปแล้ว จะแต่งตั้งคนตายเป็นฮองเฮาหรือ?
แม้เรื่องราวฟังดูแล้วจะน่าประทับใจมาก แต่เขาเป็นฮ่องเต้ ฮ่องเต้จะเอาแต่ใจเช่นนี่ได้อย่างไร? แต่งตั้งคนตายเป็นฮองเฮา?
ใครก็รู้ หลังจากแต่งตั้งคนตายเป็นฮองเฮาแล้ว เช่นนั้นต่อไปหากเขาแต่งงานอีก ที่แต่งก็จะเป็นฮองเฮาคนที่สองแล้ว
“ต่อมาข้าส่งคนไปตรวจสอบ บางทีตอนนั้นเสียวเจ๋ออาจไม่ตายในกองเพลิงวันนั้น บางทีนางอาจรอด ข้าต้องหานางให้พบ ดังนั้นวันนี้ที่เชิญทุกท่านมา ก็เพื่อต้องการให้ทุกท่านเป็นสักขีพยานในการหมั้นหมายของข้ากับเสี่ยวเจ๋อ และเป็นสักขีพยานพิธีแต่งตั้งฮองเฮาของข้าด้วย”
ทุกคนต่างไม่รู้ว่าที่แท้นี่เป็นงานหมั้นหมายที่ไม่มีเจ้าสาว เป็นพิธีแต่งตั้งฮองเฮาที่ไม่มีฮองเฮา
ทันใดนั้นก็เงียบกริบ แต่ก็ยังมีคนที่ซาบซึ้งใจอยู่ ก็อย่างขุนนางและราชนิกุลแคว้นจิน พวกเขาซาบซึ้ง เพราะหากไม่มีแม่นางน้อยที่ชื่อเสี่ยวเจ๋อ ก็คงไม่มีฮ่องเต้ในวันนี้
เรื่องนี้บรรดาขุนนางใหญ่ระแคะระคายมาบ้าง แต่ฮ่องเต้ไม่เคยเปิดเผยกับทุกคนเช่นนี้มาก่อน
จิ่งเทียนมองอ๋องอานกับอ๋องเว่ย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิงวอน “ท่านอ๋องทั้งสอง เนื่องจากเสี่ยวเจ๋อเป็นคนของเป่ยถัง และพวกท่านก็เป็นตัวแทนราชวงศ์เป่ยถัง เช่นนั้นตอนที่จัดพิธีแต่งตั้งฮองเฮา ก็ขอเชิญพวกท่านรับสมุดทองคำแทนเสี่ยวเจ๋อก่อน มิทราบจะได้หรือไม่?”
ทั้งสองต่างพยักหน้า นี่ก็ได้อยู่
แม้ว่าฮ่องเต้น้อยจะดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่กลับน่ายกย่อง เขาไม่ลืมคำมั่นของตัวเอง แม้จะเป็นหญิงชาวบ้านที่เป็นตายไม่แน่ชัดคนหนึ่งก็ตาม
รู้จักสำนึกในบุญคุณ แม้นอยู่สูงเป็นจักรพรรดิแต่ก็ไม่ลืมช่วงที่ตกต่ำทุกข์ยาก ช่างหายากยิ่ง
ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีทำการยึดมั่นคำสัตย์ของเขาให้สำเร็จ
ครั้นฮ่องเต้น้อยจิ่งเทียนได้ยินว่าพวกเขาเห็นด้วย ก็เบาใจนิดๆ
ปลายนิ้วเขาเริ่มสั่นระริก เพราะตามแผนการของเขา อีกครึ่งชั่วยามเสี่ยวเจ๋อก็จะเข้าวัง
งานเลี้ยงหมั้นดำเนินไปพร้อมกับพิธีแต่งตั้งฮองเฮา บรรดาเจ้าหน้าที่กรมพิธีการเข้ามาเป็นระเบียบ เสียงเพลงบรรเลงเริ่มขึ้น
โดยทั่วไปพิธีการแต่งตั้งฮองเฮาจะเริ่มหลังจากที่ฮ่องเต้อภิเษกสมรสแล้ว แต่พิธีหมั้นนี้กลับมาแทนที่พิธีอภิเษก เห็นได้ว่าในใจฮ่องเต้จิ่งเทียนยังอยากตามหาเสี่ยวเจ๋อคนนั้น แล้วค่อยจัดงานอภิเษกที่แท้จริง
ฮ่องเต้จิ่งเทียนหยิบสมุดทองคำของฮองเฮา อ๋องอานและอ๋องเว่ยยื่นมือออกไปรับพร้อมกัน
แต่หลังจากฮ่องเต้น้อยจิ่งเทียนลังเลครู่หนึ่งแล้ว ก็วางสมุดทองคำไว้บนมือของอ๋องอานเพียงคนเดียว
วินาทีที่อ๋องอานรับสมุดทองคำมา ก็รู้สึกแปลกทันที แต่ก็พูดไม่ถูกว่าแปลกตรงไหน
ไม่ หากจะพูดกันจริงๆ ทุกอย่างแปลกไปหมด
ครั้นเขาเปิดสมุดทองคำออก ก็เห็นชื่อที่อยู่ในนั้น ทันใดนั้นเอง เขาก็รู้ว่าแปลกที่ตรงไหน
เขาเงยหน้ามองฮ่องเต้จิ่งเทียนพรึบ เปลี่ยนสีหน้าโดยพลัน
ทว่าฮ่องเต้จิ่งเทียนกลับหันไป แล้วยืนอยู่บนแท่น อมยิ้มเอ่ย “หลังจากการสืบ ในที่สุดข้าก็รู้ชื่อของนาง นางชื่อหยู่เหวินเจ๋อหลาน ฮองเฮาของข้า ชื่อหยู่เหวินเจ๋อหลาน ข้าต้องหานางให้พบ หากนางมิยินดีเป็นฮองเฮาของข้า เช่นนั้น ตำแหน่งฮองเฮานี้ก็จะว่างไว้เพื่อนางตลอดไป”
อ๋องเว่ยหดมือกลับทันที สวรรค์! ตกใจจนเหงื่อออกท่วมตัว ดีที่เมื่อครู่ฮ่องเต้ไม่ได้วางสมุดทองคำไว้ในมือเขา ไม่ใช่เขาที่รับ
มิเช่นนั้นน้องห้าต้องบดขยี้เขาเป็นผุยผงแน่
ใบหน้าอ๋องอานดำทะมึน ถอยหลังกลับมากัดฟันกระซิบกับอ๋องเว่ย “เมื่อครู่ยังบอกว่าฮ่องเต้น้อยโง่เขลา แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีแผนร้ายเช่นนี้ ใช้อุบายบีบให้เราสองคนลงเรือลำเดียวกับเขา”
อ๋องเว่ยถอยอีกก้าว เอ่ยอย่างหน้าไม่เปลี่ยนสี “ข้ามิรู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร เมื่อครู่ข้าดื่มเหล้าไปสองจอก มึนเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อ้าว? แล้วนี่เจ้าถืออะไรอยู่?”
อ๋องอานอยากหักแขนเหล็กของเขาเสียจริง
งานเลี้ยงดำเนินต่อ อารมณ์ทุกคนเริ่มไต่ระดับขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าใครพูดว่าเจ้าหญิงน้อยของฮ่องเต้เป่ยถังก็ชื่อหยู่เหวินเจ๋อหลานเหมือนกัน
นี่จึงทำให้เกิดการคาดเดาต่างๆ นานา ผู้ที่ช่วยชีวิตฮ่องเต้แคว้นจินในตอนนั้น ที่แท้แล้วจะใช่เจ้าหญิงน้อยแห่งเป่ยถังหรือไม่?
หากใช่ เช่นนั้นฮ่องเต้แคว้นจินก็ช่างประมาทนัก นี่มิเท่ากับป่าวประกาศกับทั่วหล้า ว่าราชวงศ์เป่ยถังช่วยชีวิตเขาเอาไว้หรือ? หากภายภาคหน้าสองแคว้นนี้เกิดความขัดแย้ง แคว้นจินก็จะถูกคุณธรรมผูกมัด ไม่อาจต่อรองกับเป่ยถังได้อีก
นี่มิใช่เขลาหรือ?
แต่…อีกด้านหนึ่งก็จำต้องเลื่อมใสในความยึดถือคำมั่นและมิตรภาพ
ฮ่องเต้ที่เพิ่งกุมอำนาจไม่นานต้องใช้คุณธรรมในการสยบใจคน เขาทำเช่นนี้ ที่จริงก็ทำให้แคว้นจินได้รับความชื่นชมอยู่ไม่น้อย
เวลานี้ราวกับไม่มีใครนึกถึงข่าวลือที่แพร่สะพัดอยู่ข้างนอกในตอนแรก ว่าแม่นางผู้นั้นที่ฮ่องเต้แคว้นจินจะแต่งงานด้วย เป็นชาวบ้านของเมืองโร่ตู ชื่อหลานอะไรนั่น
ราวกับไม่มีอยู่อย่างนั้น
อารมณ์ของจิ่งเทียนตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆ เขาใช้อุบายเล็กน้อย นางจะโกรธหรือเปล่า?
นางใกล้จะมาแล้ว
เขาย่อมไม่ให้นางปรากฏตัวท่ามกลางสายตาทุกคน เขาต้องการโอกาสอยู่กับนางเพียงลำพัง และบางที…อาจต้องรับกับโทสะของนางด้วย
ที่เชิญแขกมาในงานเลี้ยง ก็เพื่อต้องการให้ทุกคนเป็นสักขีพยานในคำมั่นสัญญาของเขา
ดังนั้นเขาจึงประทานสุรา ลุกขึ้นยืนคารวะกับทุกคน ครั้นดื่มสามจอกติดกันแล้ว เขาก็ประกาศยุติงานเลี้ยง
เดิมอ๋องอานอยากคุยกับฮ่องเต้น้อยสักหน่อย ถามให้แน่ชัดว่าหยู่เหวินเจ๋อหลานนี้ใช่หยู่เหวินเจ๋อหลานที่เขารู้จักคนนั้นหรือไม่ แต่จิ่งเทียนอ้างว่าดื่มเมา ขอตัวก่อน
ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ถาม
จากนั้นเขาก็ถูกอ๋องเว่ยที่ใช้ข้ออ้างเดียวกันนี้ บอกว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลากตัวกลับไป