บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1620 ต่อไปท่านจะเข้าใจเอง
นางหายใจเบาๆ กดความตื่นเต้นนิดๆ ที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้สาเหตุ ปรับสีหน้า แล้วค่อยๆ หันไปมองเขา “ฉะนั้น ที่จะแต่งงานกับพี่สาวอาหลานหญิงชาวบ้านเป่ยถัง ก็เป็นเรื่องเท็จทั้งหมด?”
รูม่านตาจิ่งเทียนหดเล็ก “เจ้า…โกรธหรือ?”
“เปล่า” เจ๋อหลานส่ายหน้า ประกายแสงสะท้อนอยู่บนใบหน้าสะอาดของนาง นัยน์ตาที่อยู่ด้านล่างหน้าผากอันเป็นระเบียบกลับคืนสู่ความนิ่งสงบแล้ว “เพียงแต่ เหตุใดท่านไม่ให้คนส่งจดหมายให้ข้าตรงๆ บอกว่าตามหาข้ามาตลอด? หากท่านส่งจดหมายมา ข้าก็ยินดีจะพบสหายสักหน่อย แต่ท่านกลับประกาศการแต่งงาน ทั้งยังเชิญแขกต่างแดน ทำจนเป็นเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ แล้วนี่ท่านจะยุติเรื่องอย่างไร?”
ทันใดนั้นเขาก็มีความกล้าอย่างทุบหม้อข้าวจมเรือ เดินไปยืนอยู่ตรงหน้านางช้าๆ มองนัยน์ตาดำสนิทของนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แทบเป็นการเอาแต่ใจ “มิจำเป็นต้องยุติ ข้าประกาศกับใต้หล้าแล้ว ว่าฮองเฮาของข้าก็คือหยู่เหวินเจ๋อหลาน ข้ากำลังรอเจ้าเติบโตอยู่”
เจ๋อหลานผงะ “ท่านพูดเช่นนี้จริงหรือ?”
จิ่งเทียนเห็นนางดูเหมือนจะเคืองนิดๆ จิตใจจึงดำดิ่งลงไปเล็กน้อย ดวงตาหงส์มีความเศร้าหมองปกคลุมชั้นหนึ่ง ถามหยั่งเชิง “เจ้า…ยินดีหรือไม่?”
เจ๋อหลานลังเลครู่หนึ่ง หนุ่มน้อยในความทรงจำคนนั้น เหยียบแสงดาวกลับมา เขาในตอนนั้นจับข้อมือนาง บอกกับนางอย่างอบอุ่น ว่าอีกสิบปีให้หลัง หากเขายังไม่ตายก็จะกลับมาสู่ขอนาง เสียงแห่งความยึดมั่นและความคลั่งนั้นก้องอยู่ในหัว อดีตและปัจจุบันพัวพันอยู่ด้วยกัน นางไม่รู้ว่าควรรับมืออย่างไร “ข้า…”
ครั้นจิ่งเทียนเห็นนางลังเล หัวใจก็ระส่ำ ตื่นตระหนก ตระหนกมาก เบี่ยงใบหน้าไปเล็กน้อย “เจ้าไม่จำเป็นต้องตอบเดี๋ยวนี้ อีกสองสามปี หรือจะอีกสิบปี ยี่สิบปีค่อยตอบก็ได้”
“แต่…”
“ไม่ ไม่ เจ้าไม่ต้องพูดอีก” เขาไม่อาจรักษาความน่าเกรงขามที่ผุดขึ้นมาชั่วแวบหนึ่งต่อหน้านางได้แล้ว แผนการนี้ เขารู้ตัวว่าสู้ด้วยเหตุผลไม่ได้ ใบหน้าสง่างามหล่อเหลาเจือความซีดขาวเล็กน้อย “ยังไม่ต้องตอบคำถามนี้ เรา…เจ้าเดินทางมาคงหิว ข้าให้คนเตรียมของที่เจ้าชอบแล้ว เรากินข้าวกันก่อนเถอะ ดีไหม?”
“ของที่ข้าชอบ?” เจ๋อหลานชะงัก
“ของที่ข้าเดาว่าเจ้าจะชอบ” ความมั่นใจของเขาพร่องลงไปทุกที หากนางรู้ว่าตนสืบเรื่องของนางมาตลอด จะโกรธมากกว่าเดิมหรือไม่?
เจ๋อหลานหัวเราะ รอยยิ้มสดใสยิ่งกว่าดวงดารา “ได้!”
ขณะที่นั่งลง นางก็พลอยโล่งอก
นางไม่อาจคาดเดาความคิดต่างๆ ของพี่ชายน้อยจิ่งเทียน เขาแอบทำเรื่องมากมายขนาดนี้ แต่นางกลับไม่สามารถตอบรับอะไรได้
นางไม่เคยคิดเรื่องการแต่งงานของตัวเอง
นางเพิ่งอายุสิบเอ็ดปี
เขาทำเพื่อนางมากมายเพียงนี้ ทำให้นางรู้สึกกดดันนิดๆ
แต่หากบอกว่าไม่ประทับใจเลยเช่นนั้นก็โกหก เด็กสาววัยนี้ลุ่มหลงง่ายมาก
ข้างโต๊ะวางของขวัญที่ใช้ผ้าต่วนห่อไว้ชิ้นหนึ่ง สายตานางเพิ่งกวาดมองไป จิ่งเทียนก็รีบไปหยิบแล้ววางลงกับพื้น สีหน้าไม่เคอะเขิน
“ให้ข้าหรือ?” นัยน์ตาเจ๋อหลานเป็นประกาย ท่าทางคาดหวังเล็กน้อย
จิ่งเทียนหน้าแดงระเรื่อ “ใช่!”
เขาค่อยๆ หยิบขึ้นมาแล้วเริ่มหัวเสีย หรือของขวัญชิ้นนี้จะบุ่มบ่ามไป
เวลานั้นเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นรูปแบบการพบหน้าเช่นนี้? เขาประมาณได้ไม่ดีเลยสักนิด
นิ้วมือดันของขวัญไปเบาๆ มอบอยู่ตรงหน้าเจ๋อหลาน แววตาหลบลี้เล็กน้อย “เป็นของเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเจ้าจะชอบหรือเปล่า”
เจ๋อหลานเปิดผ้าต่วนออก และเปิดกล่องผ้าแพรสีแดงอีกชั้น เป็นหยกแกะสลักชิ้นเล็กๆ
เป็นหยกชั้นดี เนื้องามใสมองเห็นทะลุราวกับกระจก สะอาดแวววาว ทีแรกเจ๋อหลานนึกว่าเป็นรูปสลักเจ้าแม่กวนอิม ไหนเลยจะรู้ว่าพอดูชัดๆ แล้ว กลับพบว่าที่แกะสลักนั้นเป็นโฉมหน้าของนางเอง
งานฝีมือประณีตมาก ใบหน้าราวมีชีวิต แม้แต่เส้นผมก็แกะได้อย่างชัดเจน ทั้งชิ้นงานหาตำหนิไม่เจอสักจุด องคาพยพวิจิตรได้ที่ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ซุกซน
เจ๋อหลานกำอยู่ในมือ สัมผัสเย็น ความเย็นของเนื้อหยกแทรกซึมเข้าไป รู้สึกสบายมาก
เขามองนางนิ่ง ครั้นเห็นนางเผยความแปลกใจตะลึงแล้ว ก็โล่งอกนิดๆ นางน่าจะชอบ
“ท่านทำเองหรือ?” เจ๋อหลานชอบจนวางไม่ลง ลูกตาที่ราวกับโอสถเต็มไปด้วยความนับถือ
“อือ!” เขาผงดศีรษะแรง มองนางด้วยดวงตาเป็นประกาย “เจ้าชอบไหม?”
“ชอบ ชอบมาก!” เจ๋อหลานก็ผงกศีรษะแรงเหมือนกัน รอยยิ้มที่กลีบริมฝีปากแย้มออกก็สดใสมากกว่าเดิม
เขาดูตื่นเต้นเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้ามอบให้ข้ากับมือได้หรือไม่?”
“หา?” เจ๋อหลานชะงักงัน “มอบให้ท่าน? นี่มิใช่ของที่ท่านมอบให้ข้าหรือ?”
ปลายนิ้วที่สั่นระริกของเขาล้วงเข้าแขนเสื้อ แล้วหยิบหยกแกะสลักน้ำงามอีกชิ้นออกมา วางอยู่ในมือ แล้วเอ่ยอย่างจริงจัง “ชิ้นนี้ เป็นของที่ข้ามอบให้เจ้ากับมือ”
เจ๋อหลานมองชิ้นหยกที่อยู่ในมือเขา เนื้อหยกเหมือนกัน ล้วนเป็นหยกน้ำงามชั้นเลิศ ใกล้เคียงกับกระจก แทบมองเห็นเส้นลายมือบนฝ่ามือของเขา เพียงแต่ที่แกะสลักเป็นตัวเขาเอง
สง่างามหล่อเหลา รอยยิ้มอบอุ่น เสื้อผ้าชุดนั้นที่แกะสลักออกมา เป็นชุดที่เขาใส่ในวันที่พวกเขาพบกัน แม้ไม่มีสีสัน แต่ลายปักก็แกะได้ชัดเจน
แต่ไหนมาความจำนางก็เป็นเลิศ จำได้แม่นยำ
นางเอาหยกสองชิ้นวางไว้บนฝ่ามือ เป็นพวกเขาเมื่อสามปีก่อน
เขาตามเวลาหวนคืนมา หยุดไว้ที่การพบกันเมื่อสามปีก่อน
จิ่งเทียนมองเจ๋อหลาน แม้พยายามคงความสงบ แต่ใครจะรู้ว่าหัวใจเขาแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
เจ๋อหลานวางหยกสองชิ้นกลับใส่กล่อง เอ่ย “หยกสองชิ้นนี้เก็บไว้ที่ท่านก่อนเถอะ”
จิ่งเทียนตาแดงเล็กน้อย มองกล่องที่ถูกคืนกลับมา อือเสียงหนึ่ง ดวงตาหลุบลง ปกปิดความผิดหวังที่บุกมาราวกับฟ้าฝ่า
เซินกงกงจัดอาหารสวยงามขึ้นโต๊ะ ล้วนเป็นสิ่งที่เจ๋อหลานชอบจริงๆ ขณะที่นางเห็นรูปแบบอาหารเหล่านั้นแล้วก็รู้ทันที
นางกินอย่างมีความสุขมาก บรรยากาศค่อยๆ ผ่อนคลาย ทว่ารอยยิ้มของจิ่งเทียนกลับหดหู่เล็กน้อย
เมื่อกินอาหารเสร็จ เจ๋อหลานก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก มองเขาเอ่ยอย่างจริงจัง “มีเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับผลประโยชน์ของทั้งสองแคว้น ข้าหวังจะร่วมใช้แร่ที่ชายแดนร่วมกับแคว้นจิน ท่านมีแนวคิดนี้หรือไม่?”
ครั้นพูดเรื่องงาน จิ่งเทียนก็เคร่งขรึมขึ้นมา “อือ เรื่องนี้ข้าก็เคยคิด และคิดจะคุยกับเจ้าเหมือนกัน แล้วข้ายังให้คนทำแผนออกมาแล้วด้วย เดิมคิดว่าอีกสองวันค่อยคุยเรื่องนี้กับเจ้าโดยละเอียด แต่หากเจ้าต้องการพูดตอนนี้ก็ย่อมได้”
เขาหันไปสั่งกับเซินกงกง “ไปหยิบเอกสารส่วนที่สามในห้องทรงอักษรมา”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เซินกงกงลงไปทันที
เขาตักน้ำบ๊วยให้เจ๋อหลานถ้วยหนึ่ง “อาหารเมื่อครู่มันอยู่บ้าง ดื่มน้ำบ๊วยแก้เลี่ยนสักถ้วยเถอะ”
“ขอบคุณ!” เจ๋อหลานเอ่ย
ดื่มไปสองอึกแล้ว เจ๋อหลานก็มองเขา “ที่ข้าไม่รับของขวัญจากท่าน ท่านโกรธหรือไม่?”
“ไม่!” จิ่งเทียนยิ้ม ดวงตาเบ้าลึกมองนาง “ข้าคิดทุกผลลัพธ์เอาไว้แล้ว พบเจ้าได้ก็ถือเป็นความดีใจที่สุดแล้ว เรื่องอื่น เป็นข้าที่ฝืนมากไป”
เจ๋อหลานคนน้ำบ๊วยเบาๆ เอ่ย “ที่จริงท่านมิจำเป็นต้องทำเพื่อข้ามากมายเช่นนี้ โดยเฉพาะตำแหน่งฮองเฮา …รีบร้อนไปหน่อยจริงๆ เวลานี้ท่านยังหนุ่ม บางทีอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่ชีวิตคนต้องการในแต่ละช่วงไม่เหมือนกัน ตอนนี้แค่เพราะข้าเคยช่วยท่านไว้ จึงมอบตำแหน่งฮองเฮาให้ แต่การสำนึกบุญคุณนั้นต่างจากความรัก ต่อไปท่านจะเข้าใจเอง”