บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1628 ให้ดีที่สุดคือเก็บเลือดมาหยดหนึ่ง
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1628 ให้ดีที่สุดคือเก็บเลือดมาหยดหนึ่ง
หลังจากพูดเรื่องของเจ๋อหลานแล้ว หยู่เหวินเห้าก็พูดว่า “เจ้าออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาตกลับไปต้องให้แม่ทัพของเจ้าสั่งลงโทษทางวินัย กฎเกณฑ์ของทหารไม่สามารถใช้ชื่อเสียงบารมีอวดอ้างปากเปล่าได้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครมีสถานะอะไร ล้วนต้องปฏิบัติตามกฎเมื่อเข้าสู่กองทัพ วันหลังถ้าจะออกจะไปไหน ก็ควรบอกกล่าวทำเรื่องลาล่วงหน้า”
“พ่ะย่ะค่ะ ลูกเข้าใจแล้ว” หยู่เหวินหลี่ตอบรับ
หยู่เหวินเห้าปรายตามองลูกชายแวบหนึ่ง ในใจยังคงรู้สึกโล่งใจอยู่มาก พูดว่า “ไปเถอะ พวกเรากลับไปกินข้าวกับแม่ของเจ้ากันดีกว่า”
กลับไปถึงตำหนักเสี้ยวเยว่ เมื่อหยวนชิงหลิงเห็นลูกชายกลับมา ก็มีความสุขมาก สั่งให้คนเตรียมอาหารเพิ่มอีกหลายอย่าง ส่วนการออกจากค่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตนางไม่พูดถึงอีก เพราะเจ้าห้าจะต้องพูดแล้วแน่นอน
นางถามถึงเรื่องของเมืองโร่ตูเล็กน้อย หยู่เหวินหลี่บอกกับนางว่า ตอนนี้เมืองโร่ตูได้ฟื้นฟูระบบระเบียบการดำรงชีวิตของผู้คนแล้ว กำลังยุ่งอยู่กับการพัฒนา ส่วนน้องสาวได้ลงนามในสัญญากับแคว้นจิน เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเหมืองแร่ การพัฒนาของโร่ตูเวลานี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกภูมิใจอยู่เสมอ บรรดาลูกชายและลูกสาวของเขา ทุกคนล้วนมีความสามารถ โดดเด่นมีแวว เป็นศิษย์ที่ได้รับการอบรมรมสั่งสอนจากครู แต่กลับเก่งกาจกว่าครูเสียอีก
เดิมทีเมืองโร่ตูเป็นเมืองที่ทำให้เขากังวลใจมากที่สุด แต่คาดไม่ถึงว่าแค่เกิดแผ่นดินไหวเพียงครั้ง กลับเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งหมดไปโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่า นี่เป็นความดีความชอบของกวาเอ๋ออย่างปฏิเสธไม่ได้
หลังจากหยู่เหวินหลี่กินมื้อเย็นเสร็จ ก็กลับไปที่ค่ายทหาร
วันพรุ่งนี้หยวนชิงหลิงจะไปที่เมืองโร่ตู ดังนั้น เจ้าห้าจึงลากนางมากำชับกำชาให้ใส่ใจความปลอดภัยระหว่างเดินทาง กินดื่มให้เป็นเวลา อย่าให้ถูกลมเย็นจนเป็นหวัด และต้องระวังฝุ่นทรายที่มากับลม
หลังจากพร่ำเพ้อตลอดทั้งคืน เขาก็พูดอย่างเศร้าสลดว่า อันที่จริงข้าก็อยากไปเหมือนกัน
“ข้ารู้ว่าเจ้าห่วงใยเด็ก ๆ เอาอย่างนี้ดีกว่า ครั้งนี้ข้าจะพาพวกเขากลับมาด้วย ดีหรือไม่?”หยวนชิงหลิงปลอบใจเขา
“แต่ถ้าเจ้าจะพาพวกเขากลับมา เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปที่นั่นเองก็ได้นี่? แค่ส่งจดหมายไปบอกให้พวกเขากลับมาก็พอ”
“เอ่อ… อย่างไรก็ควรต้องไปสักครั้ง แวะไปดูการพัฒนาของเมืองโร่ตูให้เห็นกับตาสักหน่อย”
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ถ้ามีเวลาพอ ลองแวะไปดูเมืองปราการอื่น ๆ ด้วยสักหน่อยก็ดีนะ”
หยวนชิงหลิงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ได้ ล้วนฟังเจ้าทั้งหมด”
ผู้ชายที่คิดถึงลูก มักทำให้คนรู้สึกว่ามีเสน่ห์เป็นพิเศษเสมอ หยวนชิงหลิงเป็นฝ่ายเริ่มส่งจุมพิตเบา ๆ ก่อน เจ้าห้าก็กอดเอวของนางไว้ แล้วกดตัวลงไป
ช่วงนี้เจ้าห้าดูมีพลังกระชุ่มกระชวยกว่าเมื่อก่อน เรียกว่าดีขึ้นกว่าเดิมมาก
หลังกลับมาจากอาการป่วยครั้งนี้ ก็กลายเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยไปเลยทีเดียว
เพื่อป้องกันไม่ให้เวลาเขาโกรธขึ้นมาอีก จะไปส่งผลกระตุ้นให้สูญเสียการควบคุมน้ำ หยวนชิงหลิงจึงอาศัยอาการป่วยของเขา ว่าจำเป็นต้องฉีดยาเพิ่มอีกเข็ม เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ก็ฉีดยาที่หยางหรูไห่ให้มาไปอีกเข็ม ซึ่งสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายของเขาให้เป็นปกติได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถใช้ควบคุมได้นานนัก ครั้งหนึ่งอยู่ได้ราว ๆ สิบวันแปดวันเท่านั้น
หลังจากฉีดยาเสร็จ หยวนชิงหลิงก็ออกเดินทางไปเมืองโร่ตู
เนื่องจากเดินทางคนเดียว จึงสามารถใช้ความเร็วที่เร็วขึ้นได้
นางคิดว่าหากอยู่ที่เมืองโร่ตูนานเกินไป เจ้าห้าคงรอข่าวจากนางอย่างร้อนอกร้อนใจแน่
เจ๋อหลานคิดไม่ถึงว่าแม่จะมาด้วยตัวเอง จึงดีใจมาก นางเอาตัวพุ่งทะยานเข้าไปในอ้อมแขนของแม่ต่อหน้าสาธารณชน แล้วพูดอย่างตื่นเต้นยินดีว่า “ท่านแม่ ข้ายังคิดว่าตัวเองตาฝาดไปเสียแล้ว ท่านแม่จะมาหา ทำไมถึงไม่บอกลูกล่วงหน้าสักหน่อยล่ะเจ้าคะ?”
ไม่มีแม้แต่การส่งกระแสจิตมาบอกก่อนเลย
หยวนชิงหลิงเห็นปฏิกิริยาของเจ๋อหลาน ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แม้ว่าลูกสาวจะเป็นคนเรียบร้อย แต่ที่ผ่านมานางก็มีความเป็นผู้ใหญ่มาตลอด น้อยครั้งมากที่จะเห็นนางมีท่าทีเหมือนเด็กผู้หญิงอายุน้อยเช่นนี้ ต่อให้มีความสุขมากจริง ๆ ก็จะไม่แสดงออกมาจนมากเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนเยอะ ๆ แบบนี้ นางจะยับยั้งอารมณ์ตัวเองอย่างมาก
แต่หยวนชิงหลิงเห็นปฏิกิริยาของลูกที่เป็นแบบนี้ กลับมีความรู้สึกว่าอยากจะร้องไห้ ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บแปลบ กอดลูกสาวพลางยิ้ม แล้วพูดด้วยดวงตาสีแดงเรื่อ ๆ ว่า “แม่อยากมาทำให้ลูกประหลาดใจอย่างไรล่ะ ดีใจหรือไม่?”
“ ดีใจ ลูกดีใจแทบแย่เลยเจ้าค่ะ” เจ๋อหลานเงยหน้าขึ้นจากอ้อมแขน ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อไปทั้งหน้า ความปิติยินดีในดวงตาฉายชัดโดยไม่มีปิดบังแม้แต่น้อย
แม่นางโจวกับเหลิ่งหมิงหยู่ต่างก็เข้ามาคารวะหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงไม่ถือยศถา ทักทายทั้งแม่นางโจวกับเหลิ่งหมิงหยู่ด้วยความใส่ใจ จากนั้นจึงเข้าไปคุยกันข้างใน
เจ๋อหลานรีบหันไปพูดกับแม่นางโจวว่า “เจ้ารีบไปกรมการปกครอง เรียกพี่หูหมิงกลับมาเร็วเข้า พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน”
เพคะ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้ แม่นางโจวประสานมือแล้วหันกายจากไปทันที
เหลิ่งหมิงหยู่มีไหวพริบไม่น้อย ไม่ตามพวกนางเข้าไปข้างใน ปล่อยให้สองคนแม่ลูกกลับห้องไปคุยกันตามประสา
หยวนชิงหลิงต้องถามเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายที่ฮ่องเต้แคว้นจินก่อไว้ ทั้งเรื่องงานแต่งงาน รวมถึงพิธีการแต่งตั้งฮองเฮา เจ๋อหลานไม่ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับพี่ชายไปจนหมด แต่กับแม่ นางไม่มีการซ่อนเร้นปิดบังอะไรทั้งสิ้น
“เขาเปลี่ยนไปมากเลย สูงพอ ๆ กับพี่ใหญ่แล้ว ทั้งยังดูดีมากด้วย แต่เทียบกับพี่ชายแล้วยังด้อยกว่านิดหน่อย เขาพูดกับลูกอ่อนโยนมากเลยเจ้าค่ะ เหมือนที่ท่านพ่อชอบพูดกับลูกแบบนั้น แต่เขาไม่ได้ดูมีอำนาจบารมี ไม่เด็ดขาดเหมือนกับท่านพ่อ”
“โอ้ แบบนี้นี่เอง” หยวนชิงหลิงมองดูสีหน้าของลูกสาว เด็กอายุสิบเอ็ด ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไม่เข้าใจเรื่องของความรักความรู้สึก แต่จะรู้สึกประทับใจต่อความทุ่มเทของเด็กผู้ชายคนหนึ่งได้ง่าย ๆ
“ ใช่เจ้าค่ะ เมื่อก่อนลูกเคยคิดว่าเขาน่าสงสารมาก ถูกอ๋องเจิ่นกั๋วคอยสกัดกั้นทุกทาง แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เขานั่งบัลลังก์แคว้นจิน แค่ระยะเวลาสั้น ๆ เพียงสองปี แคว้นจินภายใต้การปกครองของเขา ทั้งมีระบบระเบียบ การพัฒนาก็ค่อนข้างเร็ว ที่สำคัญที่สุดคือเขาไม่สร้างเรื่องน่าลำบากใจอะไรให้ทางเราในสัญญาการทำเหมืองร่วมกัน เงื่อนไขที่เขาเสนอให้นั้นดีมากจริง ๆ ข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะเขียนจดหมายถึงท่านพ่อ ท่านแม่ก็มาพอดีเลย”
“ อืม ดูเหมือนว่าลูกจะชื่นชมเขามากเลยนะ” หยวนชิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกลับคิดว่าถ้าเจ้าห้ามาได้ยินลูกชื่นชมฮ่องเต้แคว้นจินขนาดนี้ เจ้าห้ามีหวังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอีกแน่
“ เขาเป็นฮ่องเต้ที่ดี มีค่าควรแก่การชื่นชมจริง ๆ เจ้าค่ะ” เจ๋อหลานยืนยัน
“แล้วเรื่องแต่งตั้งฮองเฮา .…” หยวนชิงหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คำตอบนี้เจ้าห้าจะต้องอยากรู้มากแน่ ๆ แต่การถามกวาเอ๋อตอนนี้ จะเป็นการฝืนบังคับให้นางต้องหวนคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกน่ะสิ
เจ๋อหลานกอดแขนแม่เอาไว้แน่น เอาหัวพิงแนบไหล่แล้วพูดว่า “ท่านแม่ เรื่องแต่งตั้งฮองเฮานี้ไม่มีผลกระทบอะไรกับลูกหรอกเจ้าค่ะ เรื่องที่ข้าสมควรทำในตอนนี้ กับเรื่องที่เขาสมควรทำในตอนนี้ล้วนไม่ใช่เรื่องนี้ ถ้าเขาเข้าใจที่ลูกพูด เขาต้องไปเน้นให้ความสำคัญเรื่องบ้านเมืองก่อน ให้ท่านพ่อสบายใจเถอะ ตราบใดที่ลูกยังอายุไม่ถึงยี่สิบ ลูกจะไม่พูดถึงเรื่องการแต่งงานเด็ดขาด”
“ดังนั้น ถ้าลูกได้เจอหน้าเขา จะไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนอะไรใช่หรือไม่?” หยวนชิงหลิงถาม
“ไม่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ” หยวนชิงหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เอียงหน้าไปมองลูกสาว “อันที่จริงที่แม่มาครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้เรื่องเดียวหรอกนะ ยังจำได้ไหมว่าลูกเคยบอกแม่ว่าฮ่องเต้แคว้นจินรู้ศาสตร์วิชาควบคุมน้ำ?”
“โอ้ ใช่เจ้าค่ะ เขารู้ศาสตร์วิชาควบคุมน้ำ มีอะไรหรือเจ้าคะ?”
หยวนชิงหลิงเล่าเรื่องตั้งแต่ที่หยู่เหวินเห้าได้รับจดหมาย ไปจนถึงการฉีดยาผิด ผลสุดท้ายอาการโรคกำเริบจนต้องกลับไปรักษาที่ยุคปัจจุบัน รวมไปจนถึงการคาดเดาข้อมูลทุกประเภท ให้เจ๋อหลานฟัง สุดท้ายก็ค่อยพูดขึ้นว่า ” ดังนั้น แม่ต้องไปราชวังของแคว้นจิน ไปตรวจสอบเรื่องหนอนน้ำแข็ง ให้ดีที่สุดคือต้องขอเลือดเขาไปสักหยด เพื่อเอาไปใช้ทดลองทางเคมีด้วย”
เจ๋อหลานเริ่มกังวลขึ้นมา “แล้วท่านพ่อจะเป็นอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”
หยวนชิงหลิงลูบใบหน้าลูกสาวเบา ๆ พูดปลอบนางอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่หรอก ไม่ต้องกังวลไป พวกเราตรวจร่างกายพ่อของลูกมาหลายครั้งแล้ว แม้ว่าข้อมูลบางส่วนของเขาจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็กำลังก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นอกจากเรื่องที่พวกเราพบว่าเขารู้ศาสตร์ควบคุมน้ำแล้ว ก็ไม่มีความผิดปกติอื่นใดอีก”
เมื่อรู้ดังนั้นเจ๋อหลานจึงไม่ได้รู้สึกกังวลมากนัก แต่แล้วก็ถามขึ้นอีกครั้งว่า “แล้วหลังจากที่ท่านพ่อรู้ว่าเขารู้ศาสตร์ควบคุมน้ำ เขามีท่าทีตอบสนองอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างขมขื่น “ตัวเขาเองยังไม่รู้หรอก รอให้แม่ตรวจสอบเรื่องหนอนน้ำแข็งที่แคว้นจินเสียก่อน ค่อยบอกเขาช้า ๆ จะดีกว่า”
“ทำไมไม่บอกท่านพ่อล่ะ? ถ้าเขาไม่รู้เรื่องนี้ เขาก็จะไม่รู้ว่าต้องควบคุมตัวเองอย่างไร ถ้าเขาเกิดสร้างปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”
หยวนชิงหลิงตอบว่า “วางใจเถอะ อย่ากังวล แม่ฉีดยาให้เขาเพื่อระงับความสามารถนี้ไว้เป็นการชั่วคราวแล้ว แต่ยานี้เป็นยาที่มีฤทธิ์ระยะสั้น คล้ายกับสารยับยั้งที่หยางหรูไห่ให้มา ไม่ใช่ยาที่ใช้เฉพาะอาการของเขา ดังนั้น แม่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนอนน้ำแข็ง เพื่อที่จะพัฒนายาที่เหมาะสมสำหรับอาการของเขา วันพรุ่งนี้เราออกเดินทางไปแคว้นจินกันเถอะ”
“เจ้าค่ะ พรุ่งนี้เราไปกัน” เจ๋อหลานยังคงเป็นห่วงอาการของพ่ออยู่มาก