บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1630 ทุกคนต่างร้อนใจ
คนที่มาคืออาจารย์ของเจ๋อหลาน ฉีฮั่วนั่นเอง
แต่หยวนชิงหลิงแทบจะจำเขาไม่ได้
เห็นเขาแต่งกายในชุดของแคว้นจิน เป็นชุดเสื้อคลุมตัวกว้าง ใบหน้าดูอิ่มสมบูรณ์ขาวขึ้นมาก ทั้งยังไว้หนวดเครา ถ้าไม่ใช่เพราะดวงตาคมกริบวาววับที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คู่นั้นของเขา ก็คงจะจำไม่ได้แล้วจริง ๆ
“อาจารย์ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เจ๋อหลานถามด้วยท่าทางดีใจ
ฉีฮั่วลูบเคราของตัวเอง มองลูกศิษย์พลางแย้มยิ้ม “อาจารย์มาอยู่ที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้วล่ะ มาเป็นราชครูอยู่ที่แคว้นจิน พอจะหลบเลี่ยงอาจารย์แม่ของเจ้าไปได้ช่วงหนึ่ง แล้วพวกเจ้ามาทำอะไรที่แคว้นจินกันหรือ?”
“มาที่แคว้นจินนานแค่ไหนแล้วเจ้าคะ? แล้วทำไมถึงไม่มาหาข้าบ้างเลย?” เจ๋อหลานถาม
“มีเรื่องบางอย่างต้องทำน่ะ” ฉีฮั่วดูมีบุคลิกที่มั่นคงหนักแน่นขึ้นมาก ท่วงท่ายามพูดจามีความสง่างามยิ่งใหญ่สมกับตำแหน่งราชครู หยวนชิงหลิงจำได้ว่าหยางหรูไห่เคยบอกว่าเขาเป็นร่างทรง มาตอนนี้เขาเริ่มมีลักษณะตามที่ว่านั้นจริง ๆ แล้ว
“ เจ๋อหลาน เจ้ากับแม่ตามข้ากลับไปที่จวนของข้าก่อนเถอะ พวกเราไปคุยกันที่นั่น” ฉีฮั่วพูด
ดวงตาของเจ๋อหลานเบิกกว้าง “ตอนนี้ท่านมีจวนแล้วอย่างนั้นรึ?”
ฉีฮั่วพูดด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ “เป็นตั้งราชครูแล้ว จะไม่มีจวนของตัวเองได้อย่างไรล่ะ?”
“ดีเลย ข้าอยากจะไปดูจวนของท่านสักหน่อย แล้วก็จะไปอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน แล้วก็จะดื่ม….. น้ำผลไม้กับอาจารย์สักหน่อยด้วย” เจ๋อหลานดีใจมากจนเกือบจะหลุดปากพูดผิดเสียแล้ว ยังดีที่หัวไวเปลี่ยนคำพูดได้ทันท่วงที
แววตาร้อนเนื้อร้อนตัวเพราะทำผิดของฉีฮั่ว ปรายมองไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิง จะให้นางรู้ไม่ได้ว่าเขาเป็นหัวโจกพาลูกศิษย์ตัวน้อยไปดื่มเหล้า
หยวนชิงหลิงแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ แม้ว่านางจะค่อนข้างกังวลที่เจ๋อหลานเพิ่งจะอายุแค่นี้ก็ดื่มเหล้าเสียแล้ว แต่ของอย่างหนึ่งย่อมมีของอย่างหนึ่งที่พิชิตได้ เรื่องแบบนี้นางไม่สะดวกที่จะพูด แต่สามารถไปขอให้หยางหรูไห่ช่วยพูดกับทางภรรยาของฉีฮั่วแทน จะดูเหมาะสมกว่า
เยว่เอ๋อภรรยาของฉีฮั่วเป็นคนค่อนข้างหัวโบราณ ไม่มีทางอนุญาตให้เจ๋อหลานดื่มเหล้าแน่
เมื่อขึ้นรถม้าแล้ว ก็ตรงไปยังจวนราชครูของฉีฮั่วทันที
จวนนี้มีขนาดใหญ่มาก ตกแต่งด้วยรูปแบบใหม่ เครื่องใช้ภายในจวนต่างก็ดูมีราคาล้ำค่ามาก เห็นได้ว่าฮ่องเต้แห่งแคว้นจินให้ความสำคัญกับเขามากจริง ๆ
ฉีฮั่วให้เจ๋อหลานไปเดินดูทั่วทั้งจวนเองตามสบาย จากนั้นค่อยเชิญหยวนชิงหลิงไปที่ห้องโถงหลัก หลังจากส่งคนรับใช้ที่ยกชามาให้ออกไปแล้ว ฉีฮั่วก็ถามว่า ” ดอกเตอร์มาเพื่อสำรวจตรวจสอบฮ่องเต้แคว้นจินสินะ?”
“ใช่ ฉันมาตรวจสอบบางเรื่อง ทำไมคุณถึงมาเป็นราชครูแห่งแคว้นจินได้ล่ะ? ก่อนหน้านี้พวกเราไม่เคยรู้มาก่อนเลย มิน่าล่ะ พอเราย้อนเวลากลับไปในยุคปัจจุบันทีไร ก็ไม่เคยเจอคุณซักที ที่แท้คุณก็มาอยู่ที่นี่ได้ซักพักแล้วนี่เอง งั้นเรื่องที่ฮ่องเต้แคว้นจินตั้งใจจะแต่งงานกับเจ๋อหลาน คุณก็รู้หมดแล้วสินะ?
“รู้สิ”
“รู้แล้ว… คุณเห็นด้วยงั้นเหรอ?” หยวนชิงหลิงตกตะลึง
ฉีฮั่วหัวเราะ ในดวงตามีแววสงสารเห็นใจแวบหนึ่ง “ถ้าเรื่องเห็นด้วยคือไม่เห็นด้วย แต่เด็กคนนี้นิสัยดื้อรั้น คิดจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้ พูดโน้มน้าวยังไงก็ไม่ฟัง”
“มีเรื่องอะไรที่คุณโน้มน้าวไม่ได้ด้วยเหรอ?” หยวนชิงหลิงรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าเขาไม่สามารถโน้มน้าวด้วยคำพูด ก็ไม่ใช่ว่ายังมีกำปั้นหรอกเหรอ? แต่ไหนแต่ไรมา ก็เห็นเขาใช้กำลังมาตลอดนี่?
นั่นคือเจ๋อหลานนะ ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนที่เขาทะนุถนอมฟูมฟักไว้บนฝ่ามืออย่างดีไง
“ เฮ้อ ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ยังไงมันก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับเจ๋อหลานอยู่แล้ว แถม …..จะว่ายังไงดีล่ะ ก็ถือซะว่าเป็นวาสนาที่ให้ได้มาพบเจอกัน เพราะถึงยังไงคุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าเขาจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
หยวนชิงหลิงดีดตัวขึ้นนั่งตัวตรง “หา? เกิดอะไรขึ้น? เขาป่วยหนักอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องนี้หรอกเหรอ?” ฉีฮั่วตกตะลึง
“ไม่ใช่นะ…. ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย ฉันมาตรวจสอบเรื่องอื่นต่างหาก คือว่าฉันตั้งใจมาเจาะเลือดเขาหลอดนึงเพื่อจะเอากลับไปทดสอบ สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ตอนนี้หยวนชิงหลิงตื่นตระหนกมากแล้วจริง ๆ ฮ่องเต้น้อยอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว เป็นเพราะหนอนน้ำแข็งเหรอ? งั้นเจ้าห้าก็……
“โอ๋ คุณไม่รู้เหรอ? ฉันยังนึกว่าเยว่เอ๋อยัยผู้หญิงปากมากนั่นจะบอกคุณแล้วซะอีก”
หยวนชิงหลิงถึงกับหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว “ฉันยังไม่ได้เจอเธอเลย รีบบอกฉันมาเถอะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่มันชักจะน่ากลัวแล้วนะ”
“โชคชะตาล้วนเป็นฟ้าลิขิต ยังมีอะไรให้น่ากลัวอีกล่ะ? คนเราทุกคนต่างก็ต้องตาย ตระกูลหวันเหยียนของพวกเขาถูกสาปไว้ ทุกหนึ่งรุ่นจะต้องมีหนึ่งคนที่ต้องตายก่อนอายุครบสิบแปด ทันทีที่เขาเกิดมา ชะตากรรมของเขาก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ดังนั้นเขาถึงได้ถูกส่งให้ไปเลี้ยงไว้ที่วัด ให้เพียรสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้พ้นเคราะห์พ้นภัย แต่ก็เห็นแล้วล่ะว่ามันไม่ได้ผล”
“นี่เป็นสิ่งที่คุณอนุมานออกมาได้งั้นเหรอ?” หยวนชิงหลิงถาม
“ไม่ใช่หรอก นี่เป็นสิ่งที่พ่อตาของเขา อ๋องชินเฟิงอันบอกฉันมาต่างหาก”
“เขาอยู่ที่นี่เหรอ?”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาไม่เคยมาที่นี่ แต่ประเทศในทวีปนี้ หรือแม้แต่ประเทศชายฝั่งในบริเวณนี้ ล้วนอยู่ในการดูแลของมังกรของพวกเขา ตอนแรกที่ฉันมาที่นี่มีแค่สาเหตุเดียว ก็เพราะเจ๋อหลานกลับไปบอกฉันว่าฮ่องเต้น้อยคิดจะแต่งนางเป็นฮองเฮา แต่ก่อนที่ฉันจะมา อ๋องชินเฟิงอันพ่อตาของเขาโล่เฉินก็บอกฉันว่า ให้ฉันไปสนับสนุนจิ่งเทียนให้ขึ้นครองบัลลังก์กษัตริย์ หลังจากแคว้นจินมีเสถียรภาพดีแล้ว ให้ฝึกฝนน้องชายของเขาต่อเพื่อรับช่วง คุณก็รู้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ ว่าพวกเขาต้องรับประกันได้ว่าทุกประเทศโดยรอบจะต้องไม่เกิดความวุ่นวายโกลาหล พวกเขาจะส่งราชครูเอย ปรมาจารย์เอย จอมเวทย์เอย นักพรตเอย หรือแม้แต่แม่ทัพผู้เกรียงไกรที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ให้ไปสนับสนุนผู้มีอำนาจ เหมือนกับในหนังสือประวัติศาสตร์ที่คุณเคยเรียนมานั่นแหล่ะ ทุกราชวงศ์มักจะมีตัวละครที่ยอดเยี่ยมมาปรากฏตัวขึ้น ส่วนใหญ่ก็คือคนที่เขาส่งออกไป ทุกประเทศล้วนมีหมด”
หยวนชิงหลิงตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง “มังกรอะไรน่ะ? พ่อตาของอ๋องชินเฟิงอันเป็นมังกรเหรอ? แถมยังดูแลตั้งหลายประเทศด้วย? คุณฉีฮั่ว นี่คุณดื่มมากเกินไปหรือเปล่าเนี่ย?”
“ฉันยังไม่ได้ดื่มเลยซักหยด!” ฉีฮั่วทั้งลูบทั้งบิดหนวดเคราตัวเองอีกครั้ง ท่วงท่าการบิดนี้ทำเอาหยวนชิงหลิงดูแล้ว รู้สึกอึดอัดไม่สบายตาอย่างยิ่ง รู้สึกทำใจเชื่อไม่ลงเป็นพิเศษ
คนเรื่อย ๆ เฉื่อย ๆ แบบนี้ ต้องมาเสแสร้งแกล้งทำเป็นราชครู ช่างเป็นอะไรที่ไม่คุ้นตาเอาซะเลยจริงๆ
“ ยังไงก็ตาม มันก็เป็นอย่างนี้แหละ จิ่งเทียนนั่นจะต้องตายก่อนอายุสิบแปด แต่ก่อนที่เขาจะตาย ต้องทำให้แคว้นจินเข้าสู่ขั้นตอนของการพัฒนาที่ราบรื่นเสียก่อน เขามีความสามารถนี้อยู่ รอหลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาก็ต้องตาย ”
หยวนชิงหลิงสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “แล้วเขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
ทำไมมันฟังดูมหัศจรรย์พันลึกขนาดนั้นล่ะ?
“ เขาไม่รู้หรอก ถ้าเขารู้ก็คงจะไม่แต่งตั้งเจ๋อหลานเป็นฮองเฮาแน่ ตอนนี้เขายังคิดว่าตัวเองคงจะมีชีวิตอยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปีเลยด้วยซ้ำมั้ง! ” ฉีฮั่วพูดพลางหลุดหัวเราะ
แต่หยวนชิงหลิงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลก ถึงขั้นรู้สึกหนักใจขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ
เธอรู้ว่าพวกฉีฮั่วมีความสามารถสูงมาก ทั้งมองเรื่องความเป็นความตายได้เรียบเฉยมากด้วย ถูกอย่างที่เขาพูด คนเราทุกคนล้วนต้องตาย ไม่มีอะไรน่าแปลก ติดอยู่แค่ว่าเธอทำอย่างพวกเขาไม่ได้
เธอไม่รู้ว่าควรจะเชื่อเขาดีหรือเปล่า กัดฟันถามด้วยความลำบากใจว่า “คำสาปที่ว่านั่น คือหนอนน้ำแข็งใช่ไหม ?”
“หนอนอะไร?”
“ มันเป็นหนอนชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเลือดของเขา เขาสามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็นน้ำแข็งได้ คุณรู้เรื่องความสามารถนี้สินะ?”
“ รู้สิ แต่ความสามารถนี้ไม่ใช่พลังที่ยิ่งใหญ่อะไรนักหรอก”
“ แล้วคำสาปของเขากับความสามารถพิเศษนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกันบ้างไหม?” หยวนชิงหลิงจับจ้องไปที่ปัญหานี้ นี่เป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก เพราะเจ้าห้ามีความสามารถนี้แล้ว มันอาจมีความหมายว่า เขาส่งต่อคำสาปนี้ไปให้เจ้าห้าอย่างนั้นหรือเปล่า?
“ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันซักหน่อย คำสาปก็คือคำสาป ความสามารถพิเศษก็คือความสามารถพิเศษสิ”
หยวนชิงหลิงรู้สึกวางใจไปได้บ้าง “แล้วคุณรู้ไหมว่า เขามีความสามารถนี้ได้ยังไง?”
“ฉันไม่เคยศึกษาค้นคว้ามันหรอก ตราบใดที่ทักษะนี้ไม่คุ้มค่าพอให้พูดถึง เจ๋อหลานของเรายังถึงขั้นจุดไฟได้เลยนะ สมองของมนุษย์บางครั้งก็สามารถควบคุมพลังงานธรรมชาติได้ สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน ก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน เสือดาววิ่งได้เร็ว นกบินได้ หนูสามารถขุดโพรงได้ กิ้งก่าเปลี่ยนสีได้ สุนัขสามารถดมกลิ่นได้ดีกว่ามนุษย์หมื่นเท่า นกฮูกมองเห็นได้ในความมืด..…”
หยวนชิงหลิงจ้องเขาตาเขม็ง “แล้วทำไมมนุษย์เรา ถึงมีความสามารถพิเศษที่เหมือนกับสายพันธุ์อื่นได้ล่ะ? ความหมายที่คุณจะสื่อคือ มนุษย์เราสามารถเกิดการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม จนเปลี่ยนไปมีความสามารถพิเศษแบบข้ามสายพันธุ์ได้อย่างนั้นเหรอ?”
ฉีฮั่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ทำไมถึงรู้สึกว่าที่ฉันพูดไปคุณฟังไม่เข้าใจ พอคุณพูดมาฉันก็ฟังไม่เข้าใจแบบนี้นะ? ฉันใช้สิ่งที่คุณสามารถเข้าใจได้พูดให้คุณฟังไปแล้ว คุณลองยืนอยู่บนมุมมองของผู้มีอารยธรรมสูง จ้องมองลงไปในโลกใบนี้ดูหน่อย คุณก็จะรู้สึกเองว่ามันไม่มีอะไรน่าแปลกใจเลยสักนิด”
หยวนชิงหลิงเริ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาแล้ว “ฉันไม่สามารถมองโลกใบนี้จากมุมมองผู้มีอารยธรรมสูงได้หรอกนะ”
ฉีฮั่วเริ่มมีท่าทีหงุดหงิดร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว “ทำไมคุณถึงไม่เข้าใจอะไรเลยล่ะเนี่ย?”
“แม้ว่าฉันจะมีสมองที่ดีอยู่นิดหน่อย แต่คำที่คุณบอกว่ามุมมองผู้มีอารยธรรมสูงนั่นน่ะ ฉันไม่สามารถสัมผัสถึง หรือเข้าไปสู่จุดนั้นได้น่ะสิ”
ฉีฮั่วถลึงตาโต “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่รู้แล้วว่าจะพูดกับคุณยังไง คุณไปขอให้หยางหรูไห่พูดให้คุณฟังน่าจะดีกว่า”