บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1642 ฮูหยินเฒ่าก็แนะนำเช่นนี้
หยวนชิงหลิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาบ้าง แต่ว่าก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
เพราะว่า เพราะว่าไม่ว่ายาที่ปรากฏขึ้นมาในกล่องยาจะเกิดจากสาเหตุอะไร หากมองสถานการณ์ในตอนนี้ ความเสี่ยงยังคงมีสูงอยู่ จะใช้ยาเหล่านั้น แสดงว่าฮูหยินเหยาคงไม่สามารถตั้งครรภ์อย่างสุขสบายได้
อีกทั้งในชั้นที่สองของกล่องยา ยังมียาบางส่วนที่ใช้สำหรับช่วยชีวิตในตอนคลอดอีกด้วย
นั่นหมายความว่า ยังคงต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน
“บางทีทุกสิ่งอาจเป็นลิขิตสวรรค์ อย่าคิดมาก”หยู่เหวินเห้าพูด
เขายื่นมือไปนวดที่หัวคิ้วของนางเบาๆ“ดูเจ้าซิ พอกังวลใจขึ้นมาก็จะขมวดคิ้ว เจ้าจะดูแก่กว่าข้าไม่ได้นะ ไม่เช่นนั้นเจ้าก็ต้องไปดึงหน้าแล้ว”
“ท่านไม่ได้ดึงหน้าเสียหน่อย”หยวนชิงหลิงทำหน้าไม่ถูก
“อืม แต่อย่างไรเสียข้าก็ไม่รังเกียจ จะดึงหรือไม่ก็ดี ตอนนี้ดูแล้วอ่อนเยาว์กว่าเมื่อก่อนจริงๆ”หยู่เหวินเห้าจับที่ใบหน้าของตนเอง รู้สึกดีกับตัวเอง
แค่ยายหยวนชอบก็พอ
“ไม่ได้ดึงจริงๆ เป็นเพราะยาตัวนั้นของท่าน”หยวนชิงหลิงพูด
“จริงหรือ”หยู่เหวินเห้ายิ้มขึ้นมา“เช่นนั้นก็ดี ข้ายังคิดว่าเจ้ารังเกียจที่ข้าแก่เสียอีก”
หยวนชิงหลิงค่อยๆยิ้มออกมา“จะเป็นไปได้อย่างไร สามารถมองคนที่ตัวเองรักค่อยๆแก่ตัวลง ที่จริงก็เป็นเรื่องที่มีความสุขเรื่องหนึ่ง”
หยู่เหวินเห้าก็รู้สึกเช่นนั้น“ถูกต้อง”
หยวนชิงหลิงอิงแอบอยู่ในอ้อมอกของเขา พูดเสียงเบาว่า“คาดว่าคืนนี้ฮูหยินเหยากับฮุ่ยเทียน ต่างก็นอนไม่หลับ”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ
หลังจากที่พวกหยวนชิงหลิงจากไปแล้ว ฮูหยินเหยาได้แต่นั่งมองยานั้นอย่างเงียบๆแล้วก็น้ำตาไหล
ฮุ่ยเทียนนั่งอยู่ข้างกายนาง เขาไม่ถนัดที่จะปลอบใจ ได้แต่กุมมือของนางเอาไว้ตลอด นั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ
ลูกคนนี้ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริงๆ ที่ไม่สมควรมา ก็ไม่ต้องมา และคงไม่ต้องเกิดความเสียใจในครั้งนี้ขึ้น ชีวิตของพวกเขาก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ด้วยดี
แต่มาแล้ว ก็จะจากไป นี่เป็นบาดแผล ภายหน้าเมื่อนึกขึ้นมา ก็ต้องรู้สึกปวดใจอยู่เสมอ
“ข้าอยากจะไปหาฮูหยินเฒ่า”ทันใดนั้นฮูหยินเหยาก็มองเขาและพูดขึ้นมา
“ฮูหยินเฒ่า”ชั่วขณะนั้นฮุ่ยเทียนนึกไม่ออกว่าเป็นฮูหยินเฒ่าคนไหน
“ไปจวนอ๋องซู่ ท่านไปเพื่อนข้า”ฮูหยินเหยาพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ฮุ่ยเทียนจึงนึกออกว่าต้องการพบฮูหยินเฒ่าคนไหน ก็คือคนที่มีวิชาแพทย์สูงส่งคนนั้น ฮูหยินเฒ่าที่มาจากแคว้นต้าซิง
ฮูหยินเหยาพูดด้วยเสียงสะอื้น“ข้าแค่รู้สึกไม่สมัครใจ ถ้าหากฮูหยินเฒ่าก็แนะนำว่าไม่ควรเอาเด็กคนนี้เอาไว้ เช่นนั้นข้าก็ตายใจแล้ว”
ฮุ่ยเทียนพูดเสียงเบาว่า “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า เจ้าอยากจะไปหาใครข้าก็จะไปด้วย”
ทั้งสองไปถึงจวนอ๋องซู่ในช่วงค่ำ ย่อมต้องไปคำนับอู๋ซ่างหวงก่อน
อู๋ซ่างหวงยังคงให้ความสำคัญกับอดีตหลานสะใภ้ฮูหยินเหยาคนนี้มาก ผู้หญิงคนนี้หลังจากที่หยู่เหวินจุนตายไปแล้ว เลี้ยงลูกทั้งสองคนให้เติบใหญ่ และยังให้การอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี
ตอนนี้เมิ่งเยว่เข้าออกจวนอ๋องซู่อยู่เสมอ ฮองเฮาไม่มีเวลาว่าง ก็จะมีนางมาคอยดูแลทุกคน
ฮูหยินเฒ่าก็อยู่ที่จวนอ๋องซู่ กำลังทำการฝังเข็มให้กับอู๋ซ่างหวง
ช่วงนี้ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็ทำการฝังเข็มกันอยู่ โรคเก่าตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม เมื่อแก่ตัวแล้วก็ทรมานมาก
ได้ยินถึงจุดประสงค์การมาของสองสามีภรรยาฮุ่ยเทียน ผู้อาวุโสทั้งสามและฮูหยินเฒ่าต่างก็นิ่งอึ้งไป
ผู้อาวุโสทั้งสามยังส่งสายตาให้กัน นี่ใช่การได้ลูกยามแก่หรือไม่
แต่คำพูดนี้ล่วงเกินอยู่บ้าง ไม่สมควรจะพูดออกไป
สำหรับคนแก่แล้ว การตั้งครรภ์เป็นเรื่องดี แต่ว่า อายุก็มากแล้ว และร่างกายของฮูหยินเหยาแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ค่อยจะดีนัก
ฮูหยินเฒ่าจึงทำการตรวจชีพจรให้กับฮูหยินเหยา ถามอาการต่างๆ
ฮูหยินเหยาเล่าทุกอย่างให้ฟัง ไม่ได้ปกปิดแม้แต่น้อย
หลังจากฮูหยินเฒ่าตรวจชีพจรแล้ว ก็นิ่งขรึมไปชั่วครู่ จนกระทั่งอู๋ซ่างหวงเร่งนาง นางจึงค่อยๆพูดขึ้นว่า“อาการค่อนข้างแย่จริงๆ เจ้าร่างกายอ่อนแอ ลมในปอดก็ไม่เพียงพอ ลมปราณในใจก็เสียหาย ลมปราณเย็นค่อนข้างรุนแรง ลูกคนนี้สำหรับเจ้าแล้ว นับว่าเป็นด่านที่ยากลำบากมาก ถ้าหากเจ้าต้องการจะให้กำเนิดออกมา”
แม้ฮูหยินเหยาจะเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆแล้ว แต่ว่า ความหวังสุดท้ายของนางก็พังทลายลงไปด้วย ยังคงเสียใจมากอยู่ดี
ฮุ่ยเทียนถามว่า “ฮูหยินเฒ่า หลายปีมานี้นางบำรุงร่างกายมาตลอด ทำไมสุขภาพยังคงแย่เช่นนี้”
ได้ยินฮูหยินเฒ่าพูดถึงเรื่องลมปราณที่อ่อนแอ ทั้งยังมีเรื่องความเย็นและลมปราณหัวใจอีก เขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา
ฮูหยินเฒ่าพูดว่า“พื้นฐานร่างกายแย่ ใช่ว่าจะบำรุงให้กลับมาเป็นเช่นเดิมได้ง่ายๆ ก่อนหน้านี้นางใช้ทั้งแรงกายแรงใจ ทำให้ลมปราณหัวใจเสียหาย จากนั้นก็เป็นโรคปอด ทำลายลมปราณในปอด การบำรุงเป็นแค่การทำให้อาการไม่แย่ลงไปต่อเนื่องเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นมากสักเท่าไหร่ ตอนนี้นางมีอาการปรากฏขึ้นมาแล้ว ถ้าหากยังคงฝืนเก็บเด็กคนนี้เอาไว้ เช่นนั้นนางก็ต้องนอนนิ่งๆอยู่บนเตียง และยังต้องรับการรักษาด้วยการบำรุงครรภ์อย่างต่อเนื่อง การนอนนิ่งๆ เป็นไปได้ว่าต้องทำเป็นเวลาเก้าเดือน จนกระทั่งคลอด”
ดวงตาของฮูหยินเหยาเกิดประกายแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง“เช่นนั้นถ้าหากข้านอนนิ่งๆ ก็สามารถรักษาลูกคนนี้เอาไว้ได้ใช่หรือไม่”
“ข้าไม่กล้าบอกว่าได้หรือไม่ แต่ถ้าหากต้องการจะเก็บไว้ก็ต้องทำเช่นนี้เท่านั้น หลังจากทำเช่นนี้แล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถรักษาเด็กเอาไว้ได้”ฮูหยินเฒ่าพูด แล้วมองพวกเขาและถามว่า “เคยให้ฮองเฮาตรวจดูหรือยัง”
“ตรวจแล้ว วันนี้นางมาหา”ฮูหยินเหยาพูด
“นางว่าอย่างไรบ้าง”
ฮูหยินเหยาบอกว่า“ที่นางพูดกลับไม่ได้ร้ายแรงเหมือนที่ท่านพูด แต่แม้ว่านางจะบอกว่าสิทธิ์ในการตัดสินใจอยู่ที่พวกเราทั้งสองคน แต่ข้าดูออกว่านางไม่อยากให้ข้าเก็บเด็กคนนี้เอาไว้”
“ยาของนางจะดีกว่าของข้าหน่อย แต่ถ้าหากนางก็ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นก็แปลว่าเสี่ยงอันตรายมาก ที่จริงการเป็นหมอ พวกเราได้แต่ให้คำแนะนำบางอย่างเท่านั้น เด็กคนนี้ใช่ว่าจะไม่สามารถรักษาไว้ได้เลย แต่ว่าความเสี่ยงย่อมต้องมีสูงกว่าแน่นอน อย่างไรเสียพวกเจ้าก็ต้องชั่งใจดูก่อน ”
ฮุ่ยเทียนกุมมือของฮูหยินเหยา“ไม่เอา ดีหรือไม่ ข้าไม่อยากให้เจ้าเสี่ยง”
“พวกเรา……”ฮูหยินเหยารู้สึกขัดแย้งในใจเป็นอย่างยิ่ง“พวกเราจะไม่ให้โอกาสเขาสักครั้งเชียวหรือ เก็บเอาไว้ก่อนได้หรือไม่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ หรืออาการแย่ลง ข้าค่อยเอาออก อย่างนี้ได้หรือไม่ ”
“ถ้าหากเอาออก อายุครรภ์ยิ่งมาก สำหรับคนเป็นแม่จะยิ่งอันตราย แต่คาดว่าเรื่องนี้ก็คงยากจะตัดสินใจได้ในทันที เพราะว่าเจ้าก็อายุมากแล้ว สามารถตั้งครรภ์ได้ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย กลับไปทบทวนดูก่อน ถ้าหากตัดสินใจไม่เอา ก็รีบกินยาซะ ถ้าหากตัดสินใจจะเอา ก็ต้องเริ่มการบำรุงครรภ์ทันที ไม่มีวิธีการอื่นแล้ว”
“ได้ ข้ารู้แล้ว ข้าขอเวลาทบทวนหนึ่งวัน”ฮูหยินเหยาพยักหน้าเบาๆ
สองสามีภรรยาจึงขอตัวลากลับไป
รอให้พวกเขาจากไปแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็มองไปทางฮูหยินเฒ่า โสวฝู่ฉู่ถามว่า “อาการแย่ขนาดนั้นเชียวหรือ”
“อืม ไม่ดี ชีพจรแย่มาก”ฮูหยินเฒ่าพูด
เพิ่งจะตั้งครรภ์ก็อ่อนแอเช่นนี้แล้ว ภายหลังหากอายุครรภ์มากแล้ว จะยิ่งแย่ลงไปอีก
“ถ้าหากเอาออกแล้ว คาดว่านางคงจะเสียใจตลอดชีวิต จะมีชีวิตอยู่ในความเสียใจตลอดไป เป็นเรื่องที่ทรมานมากจริงๆ ”โสวฝู่ฉู่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาที่เป็นบรรพบุรุษในโลกแห่งความเสียใจ แม้ว่าตอนนี้เขาจะได้อยู่ร่วมกับแม่นมสี่แล้ว แต่ก็พลาดเวลาดีๆไปเยอะมาก
เอากลับคืนมาไม่ได้แล้ว
เซียวเหยากงพูดว่า“อย่างไรเสียชีวิตตัวเองก็สำคัญ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีลูก ก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาได้ตั้งหลายปี อีกทั้งยังมีความสุขกันมาก ลูกคนนี้ เป็นการมาเพิ่มความวุ่นวายอย่างแท้จริง”
“จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็นับว่ามีวาสนาต่อกัน”ฮูหยินเฒ่ามองเซียวเหยากงด้วยสายตานิ่งๆ“อีกอย่าง อายุมากแล้ว บางคำพูดต้องอ่อนโยนบ้าง กลมกล่อมบ้าง เฉียบคมเกินไปจะกระทบต่อความสุข”
เซียวเหยากงมีคำพูดเป็นหมื่นที่จะตอบโต้นางได้ แต่ว่าในมือนางถือเข็มเงินเอาไว้ พวกผู้หญิงที่ปกติจะอ่อนโยนมาก แต่พอร้ายขึ้นมาก็แทบจะพลิกหลังคาบ้านให้พังได้
ไม่กล้าตอบโต้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับไปว่า “ที่ท่านพูดมีเหตุผลมาก วันหลังข้าจะระวังให้มากขึ้น”
ประโยคนี้พูดออกไป โสวฝู่ฉู่กับตาเฒ่าที่เอาแต่เรียกตนเองราวกับยังเป็นฮ่องเต้นั้นหลุดเสียงหัวเราะออกมาทันที ขี้ขลาดจริงๆ