บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1646 สิ่งที่พวกเราต่างคาดหวัง
หยวนชิงหลิงจับที่ใบหน้าของตนเองอย่างเผลอตัว ยิ้มเขินๆ“พูดเหลวไหล จะยิ่งอยู่ยิ่งสวยขึ้นได้อย่างไร แก่แล้ว”
“แก่ที่ไหนกัน ไม่แก่เลยสักนิดจริงๆนะ กลับดูยิ่งสวยมากขึ้นไปอีก ที่จริงหลังจากที่ท่านไม่สบายครั้งที่แล้ว พอกลับมาก็ดูอ่อนเยาว์ขึ้นและสวยขึ้นมาก ใช่แล้ว ฮ่องเต้เองก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้เพราะไม่สบายจึงไปรักษาตัวหรือ กลับมาแล้วอ่อนเยาว์ลงไปมาก”หรงเยว่มองนางอย่างสงสัย หรือว่าการรักษาโรคจะทำให้ดูอ่อนเยาว์ลงได้
“หญิงวัยกลางคนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่ม ยังจะพูดเรื่องสวยงามอะไรกัน พูดเรื่องลูกๆไม่ดีกว่าหรือ พูดถึงจิ้งเหอดีกว่า จิ้งเหอรับเด็กมาเลี้ยงดูไม่น้อย วันหลังพวกเราไปดูพวกเด็กๆที่จวนอ๋องเว่ยกันดีกว่า”หยวนชิงหลิงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
พระชายาอันเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้กะทันหัน มองไปยังจิ้งเหอและพูดว่า “ข้ากลับมาครั้งนี้ พี่สามได้ให้เงินหลายพันตำลึงกับข้า ให้ข้ามอบให้เจ้า ประเดี๋ยวตอนกลับไป เจ้ารอข้าสักประเดี๋ยว ข้าจะเอาให้เจ้า ข้าเอาไว้ในรถม้า”
หรงเยว่รีบพูดแทรกขึ้นว่า “จิ้งเหอ เจ้าขาดเงินหรือ ไม่เคยได้ยินเจ้าพูดเลยนี่นา ถ้าต้องการเงินเจ้าก็แค่บอกข้า อย่าให้พวกเด็กๆต้องลำบาก”
จิ้งเหอส่ายหน้า พูดว่า“เงินยังพอมี ยังไม่ต้องการ”
หรงเยว่พูดว่า“ช่างเถอะ ลำพังแค่เงินกับทรัพย์สมบัติในบ้านที่พี่สามมอบไว้ให้ จะสามารถใช้ได้นานแค่ไหนกันเชียว เจ้ามีเด็กที่ต้องดูแลตั้งมากมาย แค่เสื้อผ้าปีหนึ่งก็ต้องใช้เงินไม่น้อยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดเรื่องไปโรงเรียน กินข้าว และค่าใช้จ่ายต่างๆ เอาอย่างนี้ เข้าหน้าหนาวแล้วเรื่องเสื้อผ้าของเด็กๆมอบให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าจะให้คนไปทำ”
“นี่……”จิ้งเหอลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เอ่ยขอบคุณต่อหรงเยว่“เช่นนั้นก็ขอบคุณเจ้าล่วงหน้าแล้วกัน”
นางได้เรียนรู้ที่จะไม่ปฏิเสธความหวังดีของผู้อื่นแล้ว
ไม่ทำให้ตัวเองต้องโดดเดี่ยว
ที่จริงนางไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือถึงขั้นนั้น ในจวนยังสามารถใช้จ่ายได้อย่างคล่องตัว เพียงแต่ นางยังอยากช่วยเหลืออีกหน่อย
เด็กๆเหล่านั้น ราวกับขยะที่ถูกพ่อแม่ถึงไว้ตามคันนา นางจะทำเหมือนมองไม่เห็นไม่ได้
แผ่นดินที่เจ้าห้าปกครองดูแล ประชาชนในเมืองหลวงที่จริงก็มีชีวิตที่ไม่เลวนัก ขอทานในเมืองหลวงก็พบเห็นได้น้อยมาก แต่ว่า การทิ้งลูกก็มีเกิดขึ้นบ้างเป็นบางครั้ง
เด็กที่ถูกทิ้ง ส่วนมากจะไม่แข็งแรง หรือไม่ก็เป็นเด็กผู้หญิง
หลายปีหลังมานี้เด็กที่นางช่วยเหลือไว้ มีเจ็ดแปดคนที่สุขภาพไม่แข็งแรง มีโรคตั้งแต่อยู่ในครรภ์แม่ โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากฮองเฮาและฮูหยินเฒ่า จึงทำให้เด็กแต่ละคนรอดพ้นจากอันตรายได้ สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยดี
ฮูหยินเหยานอนอยู่บนเตียงมองไปทางจิ้งเหอ “น้ำใจของเจ้าส่วนนี้ ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ น้องห้าควรจะให้เจ้าเป็นตัวอย่าง เขียนหนังสือขึ้นมาเพื่อเจ้าสักเล่มหนึ่ง เพื่อให้ทุกคนเอาเป็นแบบอย่าง ”
จิ้งเหอเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำ“ท่านอย่าพูดเช่นนี้เลย ข้าอายมาก ข้าทำเรื่องอะไรที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นกัน ก็แค่ตัวเองอดที่จะสงสารไม่ได้จึงได้รับเลี้ยงเด็กเหล่านั้นเอาไว้ ข้าใช่ว่าจะเลี้ยงดูไม่ไหว เรื่องที่ข้าสามารถทำได้ในขอบเขตของตนเอง ล้วนไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่อะไร ฮองเฮาต่างหากที่ยิ่งใหญ่จริงๆ นางช่วยเหลือคนไว้ตั้งเท่าไหร่ ”
“พวกเจ้าต่างก็ยิ่งใหญ่ พอใจหรือไม่”พระชายาซุนพูด
หยวนชิงหลิงหัวเราะ เปลี่ยนเป็นการรวมตัวเพื่อยกยอปอปั้นไปซะแล้ว
นางมองไปที่จิ้งเหอ ที่จริงนางรู้สึกชื่นชมจิ้งเหอมาก ตอนนี้แรงใจทั้งหมดของนางล้วนทุ่มเทไปที่ตัวของเด็กๆ นางเปลี่ยนบาดแผลของตนเองเป็นความเมตตา เลี้ยงดูเด็กๆคนแล้วคนเล่า
ช่วยเหลือหนึ่งชีวิตมีค่ายิ่งกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น จิ้งเหอช่วยเหลือเด็กที่ถูกทอดทิ้งไปตั้งเท่าไหร่แล้ว
หรงเยว่เอามือเท้าคาง ราวกับกำลังใช้ความคิด
เรื่องที่สามารถทำได้ในขอบเขตกำลังของตนเอง เช่นนั้นนางก็สามารถทำได้เยอะมาก แต่ทำไมนางไม่ทำเล่า มากสุดนางก็แค่บริจาคเงินเล็กน้อย และน้อยมากที่จะไปพัวพันกับเรื่องยุ่งยาก
ก่อนหน้านี้ตอนที่ฮูหยินเหยายังไม่ตั้งครรภ์ ก็จะไปช่วยจิ้งเหอดูแลเด็กๆ แต่นางกลับไม่ยินดีจะไปสักเท่าไหร่ ที่จริงนางก็ชอบเด็กๆมากนะ
คิดอยู่เสมอว่าเด็กๆพวกนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับตน บริจาคเงินเล็กน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงความยุ่งยากเหล่านี้ได้ อีกทั้งยังมีเหตุผลที่สามารถพูดให้ตัวเองสบายใจได้
“พระชายาซุน วันหน้าพวกเราก็ไปช่วยจิ้งเหอดูแลเด็กๆให้มากขึ้นเถอะ”นางใช้มือสะกิดพระชายาซุนทีหนึ่ง
พระชายาซุนอืมหนึ่งเสียง พูดว่า “ได้”
หยวนหย่งอี้ยกมือขึ้น “ข้าไปด้วย”
“ข้าไปด้วย”หมันเอ๋อกับพระชายาอันรีบพูดขึ้น
“พวกเจ้าสองคนก็แล้วไปเถอะ รอให้ฮูหยินเหยาคลอดแล้วพวกเจ้าก็ต้องกลับที่ใครที่มันแล้ว”หยวนหย่งอี้พูด
หมันเอ๋อถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง“ข้าอยากจะอยู่ที่เมืองหลวงสักหลายปีจริงๆ แม้ว่าหนานเจียงจะเป็นบ้านของข้า แต่ว่า ก็ไม่ได้มีความรู้สึกเป็นที่ของตนเองเหมือนที่นี่”
พระชายาอันก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ว่านางไม่กล้าพูดเช่นนี้ออกมา เพราะว่าเจ้าสี่จำเป็นต้องอยู่ที่เมืองเจียงเป่ย มีเพียงการอยู่ที่เมืองเจียงเป่ยเท่านั้น จิตใจของเขาจึงจะสงบลงได้
แต่ว่าสามีภรรยานั้นไม่สามารถแยกจากกันได้นานนัก ครั้งนี้เจ้าสี่สามารถปล่อยให้นางกลับมาได้ นับว่าคาดไม่ถึงแล้ว
ฮูหยินเหยาเห็นว่าบรรยากาศเศร้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร พวกเรายังมีเวลาอีกทั้งชีวิต อยากจะรวมตัวกันเมื่อไหร่ ก็ควบม้าไปกัน พวกเจ้ากลับมา หรือไม่ก็พวกเราไปหา หัวใจอยู่ด้วยกัน ระยะทางไม่ใช่ปัญหา”
“ใช่แล้ว ฮูหยินเหยาพูดถูก”หยวนชิงหลิงพูด
ทุกคนต่างก็หัวเราะออกมา หรงเยว่ทำสีหน้าจริงจังขึ้นมาเป็นคนแรก“ดี เพื่อฉลองที่พวกเราอยู่ด้วยกัน คืนนี้พวกเราจะกินมื้อใหญ่กันที่นี่”
“ดี”พระชายาซุนปรบมือทันที ตอนนี้นางชอบกินมาก
ผู้หญิงรวมตัวกัน ผู้ชายไม่สามารถเข้าร่วมได้
ฮุ่ยเทียนอับจนคำพูดจริงๆ
หลายมื้อแล้วที่เขาไม่สามารถร่วมกินข้าวกับพวกผู้หญิงได้ อีกอย่าง หลายครั้งที่แม้แต่ในห้องก็ไม่สามารถเข้าไปได้ อยากจะไปดูฮูหยิน ยังต้องเดินเข้าไปจากข้างกายของพวกนางอย่างระมัดระวัง พอนั่งลงอยากจะพูดประโยคอ่อนโยนให้กำลังใจบ้าง ก็มีหลายหูเหลือเกินที่รอฟังอยู่ ช่างน่าโมโหนัก
อีกอย่าง อยากจะแอบหอมแก้มสักหน่อยก็ไม่ได้
แต่ว่าฮูหยินมีพวกนางอยู่เป็นเพื่อน จิตใจก็เบิกบานไม่น้อย ได้ยินฮองเฮาบอกว่าอาการค่อยๆดีขึ้นแล้ว ความน้อยใจนี้อดทนได้ก็อดทนต่อไป
รวมตัวกันประมาณครึ่งเดือน ความรำคาญใจส่วนนั้นค่อยๆเบาบางลง หยวนหย่งอี้บอกว่าจะขอลาสักสองวัน เพราะว่าอ๋องฉีกับเปาเอ๋อกลับมาจากการออกไปทำงานแล้ว นางก็อยากจะอยู่เป็นเพื่อนสามีสักพัก
การไปทำงานครั้งนี้ สิ้นสุดอย่างสมบูรณ์ พวกเขาเข้าวังรายงานหยู่เหวินเห้า
แต่ที่จริงหยู่เหวินเห้ารับรู้รายละเอียดทุกอย่างตั้งนานแล้ว จะคอยพูดคุยกับเปาเปาทุกวัน
หยวนชิงหลิงก็ขอตัวลาหยุดสองวัน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเปาเอ๋อ ไปยังจวนอ๋องซู่เพื่อคำนับพวกอู๋ซ่างหวงด้วย
อู๋ซ่างหวงชื่นชอบที่จะเห็นเด็กๆมาหามาก ผู้อาวุโสทั้งสามลากตัวเปาเอ๋อไปถามต่างๆนานา รายละเอียดในการออกไปทำงานครั้งนี้ก็ถามจนครบถ้วน
โสวฝู่ฉู่พูดเบาๆกับอู๋ซ่างหวงว่า“รัชทายาททำงานรอบคอบ นิสัยนิ่งขรึม วางใจได้”
อู๋ซ่างหวงเอ่ยอย่างภูมิใจว่า “ข้าวางใจมาตลอด”
ที่ดีใจที่สุดคงไม่พ้นว่ามีผู้สืบทอด เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว
สำหรับเปาเอ๋อ เขานั้นได้ฝากความหวังอันยิ่งใหญ่เอาไว้
เขาต้องยอดเยี่ยมเหมือนกับเจ้าห้าแน่ หรือไม่ ก็ยอดเยี่ยมกว่าเจ้าห้า
แต่ว่า เจ้าห้านั้นไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ เพราะว่าเป่ยถังภายใต้การดูแลของเขาก็เริ่มมีความสำเร็จที่โดดเด่น
เปาเอ๋อไม่ต้องลำบากเหมือนพ่อของเขา ทำเรื่องเศรษฐกิจให้มั่นคง เปาเอ๋อก็สามารถทำให้เรื่องวัฒนธรรมแผ่ขยายไปทั่วแคว้นได้แล้ว ยุคสมัยที่รุ่งโรจน์ ชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร วัฒนธรรม การแพทย์ สามารถมีอนาคตที่สดใสได้ทีละก้าว
อู๋ซ่างหวงรู้สึกสบายใจยิ่งนัก
“ฉู่เสี่ยวอู่ แผ่นดินนี้ เป็นอย่างที่เจ้าและข้าคาดหวังเอาไว้ตอนหนุ่มๆหรือไม่”
โสวฝู่ฉู่ยิ้มแต่ไม่พูดจา แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความอิ่มเอมใจ แสดงให้เห็นว่าเขาเห็นด้วยกับคำพูดของอู๋ซ่างหวงเป็นอย่างยิ่ง
การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ในที่สุด ก็ทำให้ประเทศกลายเป็นสิ่งที่พวกเขาคาดหวังเอาไว้แล้ว