บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1647 เจ้าห้าช่วยเขาที
อาการของฮูหยินเหยาค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ เลือดที่ส่งไปทดสอบในยุคปัจจุบันก็ส่งกลับมาแล้ว ที่มาพร้อมผลการตรวจเลือด ก็มีรายงานอย่างละเอียดของแมลงน้ำแข็งฉบับหนึ่งกลับมาด้วย ยังมียาไอบูโพรเฟนบางส่วนที่เจ้าห้าเคยใช้แล้ว
สารควบคุมการเกิดปฏิกิริยาเคมีของเจ้าห้าได้ถูกส่งไปแล้ว สามารถควบคุมน้ำได้ตามใจ ความสามารถนี้นับว่าเป็นความโชคดีสองชั้น เขาไม่ใช้มันง่ายๆ
ส่วนจะมีความสามารถอื่นอีกหรือไม่ ยังคงต้องรอให้ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆ
สารควบคุมปฏิกิริยาเคมีของหยวนชิงหลิงก็ค่อยๆลดจำนวนลงแล้ว เพราะว่านางต้องวิจัยยาที่ใช้รับมือกับแมลงน้ำแข็ง
หยุดการเต้นของหัวใจไว้ก่อนชั่วคราว หรือไม่ก็รอให้พบกับเจ้าของแล้ว ให้นางทำการวิจัยด้วยตนเอง
นางกับฉีฮั่วยังติดต่อกันเรื่อยๆ เพราะถ้าวิจัยยาออกมาแล้ว จำเป็นต้องให้ทางฉีฮั่วช่วยทำการทดสอบ
นางเองก็ได้ส่งจดหมายให้ฉีฮั่วบอกกล่าวกับจิ่งเทียน เพราะเมื่อยาถูกวิจัยออกมาแล้ว ต้องได้รับความร่วมมือจากจิ่งเทียนด้วย เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้
ฉีฮั่วไม่รู้จะบอกกับจิ่งเทียนอย่างไร แต่ผ่านไปไม่นาน หยวนชิงหลิงก็ได้รับจดหมายจากพิราบสื่อสารของฉีฮั่ว ในจดหมายเขียนมาว่า จิ่งเทียนกล่าวขอบคุณหยวนชิงหลิงที่ทำเพื่อเขา เขาจะใช้ทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อต่อต้านกับโชคชะตาที่เกิดขึ้น
และวันถัดมาก็ได้รับจดหมายอีกฉบับจากฉีฮั่ว บอกว่าจิ่งเทียนได้ส่งคนไปยังเมืองเจียงเป่ย เก็บหนังสือแต่งตั้งฮองเฮาคืนมาจากอ๋องอัน
ก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเรื่องการแต่งตั้งฮองเฮานั้นเป็นแค่การเล่นๆของเด็กๆเท่านั้น
แต่พอได้ยินฉีฮั่วบอกว่าจิ่งเทียนได้เก็บหนังสือแต่งตั้งกลับไปแล้ว นางก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาพยายามทุกอย่างเพื่อต่อต้านโชคชะตา แต่ว่า ในขณะเดียวกันเขาก็วางแผนรับมือในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ฉะนั้นจึงได้เก็บหนังสือแต่งตั้งกลับไป เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อกวาเอ๋อจากการแต่งตั้งฮองเฮาในครั้งนี้
นางได้พูดเรื่องนี้กับเจ้าห้า
เจ้าห้าฟังแล้ว ก็นิ่งขรึมลงไป เพราะว่าตอนที่ยายหยวนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ ได้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า จิ่งเทียนกับเปาเอ๋ออายุห่างกันไม่มากนัก
เขาไม่ชอบจิ่งเทียนมาตลอด เขาไม่ชอบใครก็ตามที่หวังจะได้ตัวกวาเอ๋อของเขา
แต่ว่า แม้ว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์หนึ่ง แต่ที่จริงก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งพ่อแม่ยังเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ บนบ่ายังต้องแบกรับภาระที่หนักอึ้ง
ข้างกายไม่มีผู้อาวุโสที่สามารถพึ่งพาได้ เขาเผชิญหน้ากับความตายตามลำพัง ความโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่งเช่นนี้ ได้แต่แบกรับเอาไว้เองเงียบๆ
“ไม่มีทางอื่นแล้วหรือ”หยู่เหวินเห้าถามขึ้น
“ข้ากำลังศึกษาอยู่ แต่ว่า ความคืบหน้ายังคงช้ามาก ข้าก็ไม่สามารถทิ้งที่นี่เพื่อกลับไปยังยุคปัจจุบันได้ ครรภ์ของฮูหยินเหยายังต้องดูแลปกป้องกันต่อไป อีกอย่าง แม้ว่าข้าจะกลับไปได้ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถวิจัยออกมาได้ก่อนกำหนดการของเขาจะมาถึง ตอนนี้ต้องเร่งทำเวลาบ้างแล้ว”
หยู่เหวินเห้ามองนาง“เจ้ามีวิธีเร่งเวลาได้หรือ”
นางบอกว่าจะเร่งทำเวลา เช่นนั้นในใจคงจะมีความมั่นใจหรือไม่ก็วิธีการอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงยิ้ม ที่สุดแล้วก็จิตใจสื่อถึงกันได้
“วิธีการยืดอายุขัยของเขา ก่อนอื่นต้องใช้เลือดของท่านมาควบคุมแมลงน้ำแข็งก่อน เพราะว่าท่านได้หายเป็นปกติดีแล้ว และการหายดีของท่านนั้นไม่สามารถลอกเลียนได้ เดินผิดก้าวเดียว ล้วนเป็นไปได้ว่าอาจถึงแก่ชีวิตเขา แต่ในเลือดของท่านมีประสิทธิภาพในการควบคุมแมลงน้ำแข็งอย่างน่าอัศจรรย์ อาจต้องให้ท่านถ่ายเลือดจำนวนสองร้อยซีซี เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของแมลงน้ำแข็งเป็นการชั่วคราว แต่ถ้าหากท่านตัดสินใจจะช่วยเขา ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วย บางที อาจไม่ได้ถ่ายเลือดแค่ครั้งเดียว ข้าคาดว่าอาจจะต้องใช้ประมาณสองสามครั้ง แต่ท่านวางใจได้ จะไม่เป็นผลร้ายต่อร่างกายของท่านแน่นอน”
หยู่เหวินเห้าพูดยิ้มๆว่า “ถ้ามีผลร้ายจริงๆละก็ เจ้าก็คงไม่เห็นด้วยแน่”
“นั่นก็จริง”หยวนชิงหลิงก็ยิ้มออกมา
มองเขา ตอนนี้เจ้าห้าช่างมีความเห็นอกเห็นใจจริงๆ เดิมคิดว่าเขาจะไม่ยินดีช่วยจิ่งเทียนเสียอีก
เจ้าห้ามองรอยยิ้มหยอกเย้าบนใบหน้าของนาง ก็กอดนางเอาไว้ “ทำไม คิดว่าข้าจะไม่ช่วยเขาหรือ ข้าเป็นคนเลือดเย็นเช่นนั้นเชียวหรือ”
“ไม่ใช่ เจ้าห้าของพวกเรานั้นเป็นผู้ที่มีความเห็นใจผู้อื่นที่สุดในโลกแล้ว”หยวนชิงหลิงอิงแอบในอ้อมอกของเขา พูดอย่างภูมิใจ
เจ้าห้าชะงักไป ยอมรับคำชื่นชมนี้อย่างยินดี เพราะว่า นั่นเป็นเด็กที่คิดจะแต่งงานกับกวากวา เข้ายังยินดีช่วยเหลือ เห็นได้ชัดว่าเขามีเมตตามากทีเดียว
ตอนนี้เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของการเป็นพ่อตา
ตอนนั้นที่ท่านพ่อตารู้ว่าพวกเขาอยู่ด้วยกัน และกลับไปกันทั้งครอบครัวอีกด้วย ไม่มีคำพูดใด แต่ก็ยอมรับเขาอย่างยินดี ไม่มีแม้แต่คำพูดจาที่ไม่น่าฟังด้วยซ้ำ
หลายปีมานี้ ทุกครั้งที่ไป ท่านพ่อตาดูแลเขาราวกับแขกคนพิเศษ อีกทั้ง ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อตากับลูกเขยยังรู้ใจยิ่งกว่าพ่อลูกเสียอีก เขานั่นโชคดีจริงๆ
เปลี่ยนเป็นเขา วันหน้าหากกวาเอ๋อแต่งงานไปแล้วจริงๆ ให้เขาถึงขั้นอยู่ร่วมกับคนคนนั้นอย่างสันติ กระทั่งปฏิบัติต่อกันราวกับแขกพิเศษ แทบจะเป็นไปไม่ได้
ทันใดนั้นหยู่เหวินเห้าก็คิดถึงปัญหานี้ขึ้นมา “แต่เลือดนี้ ต้องให้เจ้าส่งไปเองหรือ ข้าไม่ยอมให้เจ้าลำบากในการเดินทางหรอกนะ ให้เขามาเอาเอง”
“อืม ข้าก็คิดว่าเขาควรจะมาเอง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถจากไปได้เลยในเวลาครึ่งวันหรือหนึ่งวัน ยังต้องเฝ้าสังเกตอาการอีกสักหน่อย แต่ต้องถามความเห็นของเขาก่อน เรื่องนี้ เดิมทีข้าปิดกวาเอ๋อเอาไว้ ตอนนี้ข้าคิดว่าจะบอกนาง จากนั้นก็ให้นางไปเกลี้ยกล่อมสักหน่อย คนอย่างฉีฮั่ว มีความสามารถในการทำงานมาก แต่เรื่องฝีปากมีแค่คำว่าปากจัด ท่านคิดว่าอย่างไร”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกลังเลอยู่บ้าง บอกกวาเอ๋อหรือ
แต่ว่า เด็กหญิงนั้นง่ายมากที่จะเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้น เพราะการเห็นใจคนๆหนึ่ง อาจถูกเข้าใจผิดไปได้ว่าเป็นความรัก
โดยเฉพาะ จิ่งเทียนยังเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นจิน
ฮ่องเต้คนหนึ่งยังต้องการความช่วยเหลือจากนาง หัวใจของกวาเอ๋อจะยิ่งอ่อนโยนมีเมตตามากขึ้นไปอีกหรือไม่
“คุณหยู่เหวิน ว่าอย่างไร”หยวนชิงหลิงถามอีกครั้ง
คำว่าคุณหยู่เหวิน ทำให้เจ้าห้าได้สติขึ้นมาทันที
ใช่ เขาเป็นคนที่ได้รับการศึกษาวัฒนธรรมในศตวรรษที่ยี่สิบสองคนหนึ่ง สายตาของเขาจะมองในมุมแคบเช่นนี้ไม่ได้
ถ้าหากตัดสินใจจะช่วยคนคนหนึ่ง เช่นนั้นก็อย่าได้กลัวในเรื่องอื่นๆมากนัก พยายามช่วยเหลือให้เต็มที่ก็พอ
เรื่องอื่น มีเพียงเป็นปัญหาไม่ก้าวล้ำเกินขอบเขตเท่านั้น ทุกอย่างล้วนสามารถรับเข้ามาอยู่ในขอบเขตของการพิจารณาได้
เขาพยักหน้า “อืม ทำตามที่เจ้าบอกแล้วกัน ”
หยวนชิงหลิงยิ้มออกมา “อืม ท่านใจกว้างจริงๆ”
“ข้าเป็นเช่นนี้เสมอ”หยู่เหวินเห้าหอมนางแรงๆหนึ่งที จะให้นางมองออกว่าในใจยังรู้สึกรังเกียจอยู่บ้างไม่ได้
หยวนชิงหลิงครุ่นคิดอยู่ในอ้อมอกของเขาชั่วครู่“บอกกวาเอ๋อแล้ว จากนั้นกวาเอ๋อต้องไปที่เมืองเหลียงโจว แม้ว่าจิ่งเทียนจะออกเดินทางในวันที่สองมาอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนม้าระหว่างทาง คาดว่ามาถึงเมืองหลวงก็ต้องใช้เวลาเจ็ดแปดวัน ”
หยู่เหวินเห้าก็คิดว่าประมาณนั้น แต่ก็อดสบถไม่ได้ “ที่นี่ก็อย่างนี้ การเดินทางไม่พัฒนา ไม่เหมือนทางนั้นของพวกเรา ระยะทางไกลแค่ไหน เครื่องบินรถไฟ ไปถึงเร็วมาก”
หยวนชิงหลิงแอบหัวเราะ หัวเราะเสร็จแล้ว ก็พูดว่า “เช่นนั้นท่านรับผิดชอบติดต่อกับกวาเอ๋อ”
“มอบให้ข้าทำ”หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นทันที ดื่มน้ำไปหลายอึก เริ่มการตะโกนป่าวร้องในระยะทางไกลต่อลูกสาว
ในเมืองโร่ตูเฉิง หลังจากเจ๋อหลานติดต่อกับท่านพ่อแล้ว ก็ตกใจเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากตกใจเรื่องของจิ่งเทียนแล้ว ยังตกใจที่ท่านพ่อยังพูดคุยกับนางเกือบครึ่งชั่วยาม ท่านพ่อกลับพูดเรื่องราวไม่ชัดเจนทั้งหมด
แต่นางได้แต่บอกกับเขาว่าเข้าใจแล้ว ไม่เช่นนั้นคงต้องพัวพันกันวุ่นวายอีกครึ่งชั่วยามแน่ หลังจากคุยกันแล้ว นางได้ถามท่านแม่อีกครั้ง รอท่านแม่พูดจบแล้ว นางก็ให้คนเตรียมตัวทันที พรุ่งนี้จะออกเดินทางไปเมืองเหลียงโจว
การไปเมืองเหลียงโจวจากที่นี่ใกล้มาก นางยืนอยู่บนภูเขายังสามารถมองเห็นเมืองเหลียงโจวได้ เพราะว่านางอยู่บนเขาเหมืองแร่
ภูเขาที่ทำเหมืองแร่ได้เริ่มขุดหน้าดิน เมื่อขุดหน้าดินแล้ว ก็สามารถเริ่มงานได้อย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านี้นางคิดว่า นางกับจิ่งเทียนต่างก็สามารถเป็นประจักษ์พยานในการมองเห็นทั้งสองเมืองเจริญรุ่งเรืองขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่า ชีวิตเขาจะมีคำสาปที่ว่านั้นติดตัวมาด้วย
ไม่รู้ว่าคุณแม่จะช่วยเขาได้หรือไม่ หวังว่าจะสามารถช่วยได้ ที่จริงจิ่งเทียนเป็นคนดีมาก