บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1648 เช่นนั้นข้าไปเอง
อาศัยช่วงกลางคืน นางนั่งอยู่บนหลังของฟีนิกซ์น้อย ขึ้นไปบนภูเขา
มองไปยังเมืองหลวงของแคว้นจินที่อยู่ไกลออกไป ราวกับอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมจริงๆ
ที่จริงนาก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมแคว้นจินจึงได้สร้างเมืองหลวงเอาไว้บริเวณชายแดนระหว่างสองแคว้น ถ้าหากเป่ยถังจะรุกรานแคว้นจิน ไม่ใช่เรื่องที่แค่ก้าวเท้าข้ามไปเท่านั้นหรอกหรือ
นอกเสียจากเขารู้สึกว่าแคว้นจินกับเป่ยถังจะเป็นพันธมิตรที่ดีกันตลอดไป ไม่เช่นนี้ ก็ไร้เหตุผลจริงๆ
หวังว่าเขาจะไม่เป็นไร จากนั้นทั้งสองแคว้นสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปเรื่อยๆ
“ฟีนิกซ์น้อย เจ้าว่า เขาจะเป็นอะไรหรือไม่”เจ๋อหลานลูบไปที่ปีกของฟีนิกซ์น้อย และถามขึ้น
ฟีนิกซ์น้อยยืนอยู่ข้างกายนาง เก็บปีกให้เรียบร้อย มองไปยังเมืองหลวงแห่งแคว้นจินพร้อมกับนาง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“ข้าเองก็คิดว่าไม่เป็นไร ”ดวงตาสีดำของเจ๋อหลานมีแววแห่งความมั่นใจ จากนั้น ก็ยิ้มออกมา “ท่านแม่บอกว่า เขาเก็บหนังสือแต่งตั้งฮองเฮากลับไปแล้ว เจ้าสิ่งนั้น ตอนที่เสด็จลุงสี่ให้ข้าดู ข้ามองแค่แวบเดียว ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเขียนชื่นชมข้าไว้อย่างไรบ้าง”
นางยื่นมือไปกอดฟีนิกซ์น้อยเอาไว้ ใช้หน้าซุกซบไปกับขนของมัน “ถ้าหากเขาตายแล้ว ข้าคิดว่าข้าคงรู้สึกเสียดายมาก”
ฟีนิกซ์น้อยนิ่งเงียบ
วันรุ่งขึ้น เจ๋อหลานพาฟีนิกซ์น้อยไปยังเมืองเหลียงโจว ตรงไปยังเมืองหลวง
เจ๋อหลานแทบจะกลายเป็นแขกประจำของราชวังไปแล้ว ไม่ต้องยื่นเทียบเชิญ องครักษ์ของวังหลวงก็รู้แล้วว่าเป็นนาง หลังจากคำนับแล้ว ก็รีบพานางเข้าไปในวังหลวงทันที
จิ่งเทียนได้ยินว่านางมา ก็ดีใจมาก ได้ตั้งโต๊ะน้ำชาเอาไว้ในหอทงเทียน เชิญนางไปที่หอทงเทียน
ลมแรงมาก เขาสวมชุดผ้าไหมสีเหลืองสดใสทั้งตัว แววตาแจ่มใส ใบหน้าหล่อเหลา ต้อนรับนางด้วยรอยยิ้ม
ในแววตาของเขาไม่มีความขุ่นมัวเลยสักนิด แจ่มใสราวกับดวงอาทิตย์อันเจิดจ้า ราวกับไม่รู้เรื่องราวที่เขาถูกสาปเลยแม้แต่น้อย
แต่ท่านแม่บอกว่า ได้ให้ฉีฮั่วบอกกับเขาแล้ว
เขารีบเชิญเจ๋อหลานนั่งอย่างตื่นเต้น และสะบัดชุดยาวของตนเองนั่งลงด้วย ใบหน้าสดใสยิ้มแย้ม พูดขึ้นว่า “ข้าให้คนเตรียมชากุหลาบเอาไว้ เจ้าลองชิมดูว่าชอบหรือไม่ ยังมีของว่างอีกมากมาย ล้วนเป็นพ่อครัวที่เชิญมาจากเป่ยถังเป็นคนทำ”
เจ๋อหลานประหลาดใจมาก “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะมา”
เขายิ้มและส่ายหน้า“ข้าไม่รู้ แต่ข้าจะให้พ่อครัวทำของเหล่านี้ทุกวัน เช่นนั้นถ้าเจ้ามาก็จะได้กิน ”
แววตาของเจ๋อหลานแวววาวขึ้น “ขอบคุณที่ท่านดีกับข้าถึงเช่นนี้ ”
“ไม่ใช่ แต่เป็นเพราะข้าเองก็ชอบกิน ทุกสิ่งของเป่ยถัง ข้าล้วนชื่นชอบ ยังมีวัฒนธรรมชาของเป่ยถัง ข้าชอบที่สุด” จิ่งเทียนยิ้มพลางอธิบาย
“ชา……”เจ๋อหลานมองน้ำชาสีใสที่เพิ่งจะถูกชงออกมา “ตัวข้าเองคิดว่า ชานมอร่อยกว่านี้มาก ข้ายังไม่ถึงอายุที่จะชื่นชมชา”
“ชานม เอ่านมชงเข้าไปด้วยกันอย่างนั้นหรือ อร่อยหรือไม่” จิ่งเทียนสีหน้าจริงจัง หันหน้ากลับไปสั่งการอะเฉิน“ประเดี๋ยวเจ้าลองไปถามคนในครัว ว่าทำชานมเป็นหรือไม่ ”
เจ๋อหลานรู้สึกว่าการทำชานมนั้นไม่ยาก แต่เกรงว่าพ่อครัวของที่นี่จะไม่เคยเห็นมาก่อน ทำไม่ได้ จึงพูดว่า“บางทีเขาอาจจะทำไม่เป็น ครั้งหน้าข้าจะสอนพวกเขาเอง”
“เจ้าสอนข้าดีกว่า ข้าหัวไว เรียนรู้ได้เร็ว ” จิ่งเทียนรีบพูดขึ้น
เจ๋อหลายยิ้ม “ได้ ข้าจะสอนเจ้า”
จิ่งเทียนเอ่ยอย่างจริงจังว่า“ต้องสอนจริงๆนะ”
เจ๋อหลานเห็นบางอย่างจากสายตาของเขา รอยยิ้มค่อยๆหายไป และพูดอย่างจริงจังเช่นกันว่า “ได้”
หลังจากดื่มชาไปแล้วหนึ่งกา เจ๋อหลานก็พูดขึ้นว่า“ข้ามาจากภูเขาเหมืองแร่ เพราะอีกสองวันข้าก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว ฉะนั้นจึงมาบอกลาท่านเป็นการเฉพาะ”
จิ่งเทียนนิ่งอึ้ง “เจ้าจะกลับเมืองหลวงหรือ กลับไปนานแค่ไหน ”
เจ๋อหลานส่ายหน้า “ไม่รู้ ไม่แน่ว่าเป็นหนึ่งปี สองปี หรือไม่ก็สามปี เพราะว่าเหมืองแร่ได้เปิดทำการอย่างราบรื่นแล้ว ทุกสิ่งของเมืองโร่ตูเฉิงต่างก็เข้าที่เข้าทางแล้ว ข้าควรจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ให้มากขึ้น”
ความสดใสในแววตาของจิ่งเทียนค่อยๆหม่นหมองลงทีละน้อย แต่ยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้ “ใช่แล้ว ลูกก็ควรจะอยู่เป็นเพื่อนข้างกายพ่อแม่ เจ้าช่างกตัญญูจริงๆ ”
เจ๋อหลานพูดยิ้มๆว่า“คงไม่ถึงกับกตัญญู ข้าโตมาขนาดนี้แล้ว มีวันเวลาที่ได้อยู่ข้างกายพ่อแม่ไม่มากนัก พ่อข้าเป็นห่วงข้าอยู่เสมอ หวังให้ข้ากลับไปเมืองหลวงสักระยะ และเสด็จปู่ทวดของข้าก็หวังให้ข้ากลับไปเช่นเดียวกัน”
“ผู้อาวุโสในครอบครัวของเจ้าต่างก็เอ็นดูเจ้ามาสินะ”ดวงตาของจิ่งเทียนมีแววแห่งความอิจฉา
เขาจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองไม่ได้รับรู้ถึงความอบอุ่นของพ่อแม่มานานแค่ไหนแล้ว ส่วนผู้อาวุโสในเผ่า ทั้งหมดที่ดีกับเขา ต่างก็ตายอยู่ในน้ำมือของอ๋องเจิ่นกั๋วแล้ว
ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ ตอนนี้เขาเองนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งนี้ พวกเขาก็ได้แต่ยำเกรง
“เอ็นดูข้ามาก ข้าเคยพูดเรื่องเสด็จปู่ทวดของข้าให้เจ้าฟังหรือไม่ เขาดีกับข้ามากจริงๆ ตอนที่ข้าคลอด เขาก็ยกเหมืองทองให้ข้า บอกว่าเกรงว่าภายหน้าข้าจะพบกับสามีที่ไม่ดี จะได้ไม่ต้องลำบาก เป็นเศรษฐินีคนหนึ่ง”
เจ๋อหลานพูดแล้วก็หัวเราะขึ้นมา
จิ่งเทียนมองนาง แทบจะรักษารอยยิ้มบนใบหน้าเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “แต่เจ้าต้องได้พบกับสามีที่ดีต่อเจ้ามากๆแน่ๆ ข้าเชื่อว่าพ่อของเจ้าเองก็ต้องเลือกคนที่ดีที่สุดให้เจ้า เจ๋อหลาน ภายหน้าเจ้าต้องมีความสุขนะ”
เจ๋อหลานพยักหน้า เติมน้ำชาให้เขาด้วยตนเอง “แน่นอน ขอบคุณเจ้ามาก”
จิ่งเทียนดื่มชาทั้งที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผ่านไปชั่วครู่จึงถามขึ้นว่า“เจ้าจะกลับไปนานเช่นนั้นเชียวหรือ”
การไปครั้งนี้ บางทีอาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว
หัวใจของจิ่งเทียนทรมานเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขายังคงยิ้มอยู่ เพียงแต่ในรอยยิ้มแฝงความขมขื่นเขาไว้ด้วย แต่เขาไม่รู้ตัว
เซินกงกงยกของว่างมา ถอยไปคอยรับใช้อยู่ข้างๆ
จิ่งเทียนวางขนมพุทราจีนไว้ตรงหน้านาง พูดด้วยเสียงอ่อนโยนว่า“กินเถอะ ในขนมพุทราจีนนี้ได้เติมกลีบกุหลาบเข้าไป รสชาติดีมาก ข้าเคยชิมแล้ว”
เจ๋อหลานก็เหมือนกับเด็กๆทั่วไปที่ชื่นชอบของอร่อยที่สุด ที่เมืองโร่ตูเฉิงนับว่าไม่ได้ขาดแคลนวัตถุดิบ แต่ว่า นางไม่ยินดีจะเสพสุขในสิทธิ์ที่พิเศษกว่าคนอื่น ฉะนั้น ส่วนมากแล้วนางจะกินกับข้าวที่เหมือนกันกับพวกแม่นางโจว ของว่างนั้นค่อนข้างน้อย เพราะว่าแม่ครัวที่เมืองโร่ตูเฉิงไม่ค่อยถนัดในการทำขนมของว่างที่ประณีต ก่อนหน้านี้แม่นางโจวเคยบอกว่าจะเชิญพ่อครัวจากเจียงหนานมาให้นาง แต่ถูกนางปฏิเสธไป
ทุกครั้งที่กลับเมืองหลวง มู่หรูกงกงจะเตรียมของอร่อยต่างๆนานาไว้ให้นางอยู่เสมอ นางคิดถึงมู่หรูกงกงจริงๆเลย
อีกอย่าง ตอนนี้มู่หรูกงกงได้เรียนรู้การทำของว่างและอาหารบางอย่างที่นางชื่นชอบจนเป็นแล้ว ก็เพื่อที่จะสามารถทำให้นางได้กินทันทีที่นางอยากจะกิน
ก่อนที่จะมาหาจิ่งเทียน ก็ยังคงไม่อยากจะทิ้งเหมืองเอาไว้และจากไป แต่ตอนนี้ได้กินของอร่อยแล้ว ก็ค่อนข้างคิดถึงคนที่อยู่ในเมืองหลวง
เขาไม่กิน ได้แต่มองเจ๋อหลานกิน รอยยิ้มบนใบหน้ากลับมาอีกครั้ง เขาชอบมองเจ๋อหลานกินมาก กินได้ดูน่าอร่อย สีหน้าที่ดูพออกพอใจ ทำให้เขาเองก็รู้สึกพอใจขึ้นมาด้วย
หลังจากเจ๋อหลานกินเสร็จแล้ว ก็ดื่มชาแก้วหนึ่ง ค่อยเงยหน้าขึ้นถามเขาว่า “เจ้าจะไปเป่ยถังพร้อมกับข้าหรือไม่ ข้าจะพาเจ้ากินของอร่อยให้ทั่วเมืองเลย เมืองหลวงของเป่ยถังเจริญรุ่งเรืองมาก ตอนนี้อากาศก็ดีมากด้วย”
จิ่งเทียนนิ่งอึ้ง “ไปเป่ยถัง?”
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย
แต่เมื่อนางเอ่ยขึ้น เขาก็รู้สึกหวั่นไหวมาก
แคว้นจินกับเป่ยถังเป็นแคว้นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาก เป่ยถังนั้นคอยคุ้มครองแคว้นจินอยู่เงียบๆ ตามหลักแล้วฮ่องเต้ของแคว้นจินควรจะไปสักครั้ง เพียงแต่หลังจากเขาคุมอำนาจแล้ว ได้ควบคุมความวุ่นวายของแคว้นก่อน จากนั้นจึงรู้ว่าเจ๋อหลานเป็นองค์หญิงของเป่ยถัง สำหรับเขาแล้ว ฮ่องเต้ของเป่ยถังนั้นราวกับเทพที่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสามารถมองเขาได้ในระยะใกล้ๆ
ก่อนหน้านี้ฮองเฮามาเยือน ใจเขารู้สึกตื่นเต้นมาก ราวกับฝันไป แต่ตอนนั้นในใจของเขายังคิดจะแต่งงานกับเจ๋อหลานอยู่ พยายามแสดงให้เห็นถึงความขึงขังจริงจังออกมา
ตอนนี้ เรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว
ลังเลอยู่ชั่วครู่ เขาก็ส่ายหน้า“ข้า……”
“ข้าอยากให้เจ้ากลับไปกับข้าจริงๆ ”ใบหน้าของเจ๋อหลานเป็นประกายเล็กน้อย
เขาอึ้งไป มองแววตาคาดหวังของนาง หลุดปากพูดออกไปว่า “เช่นนั้นข้าไปด้วย”