บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 165 ก่นด่าอ๋องฉี
ล้างแผลให้กับขอทานน้อย เห็นเขาพูดไม่หยุดอย่างกีดขวางตนเอง จึงพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “หากเป็นห่วงนางมาก ก็รีบพาเข้าวังไปหาหมอหลวง”
“เจ้าดูให้นางก่อน ข้ากลัวส่งผลกระทบต่อครรภ์ของนาง”อ๋องฉีพูดพร้อมกับหันไปมองสายตานิ่งอึ้งของฉู่หมิงชุ่ย
นางไม่เคยเจอกับสถานการณ์ขวัญหนีดีฝ่อแบบนี้มาก่อน
ไม่รู้แล้วด้วยว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหน
หยวนชิงหลิงหันมามองดูฉู่หมิงชุ่ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ใช่สูตินรีเวชวิทยา ไม่รู้เรื่องพวกนี้ อย่ามากีดขวางข้า”
วิญญาณฉู่หมิงชุ่ยเหมือนเพิ่งกลับคืนร่าง มองดูอ๋องฉีด้วยสีหน้าเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่เป็นไร ท่านอ๋องอย่าพูดไปเรื่อย”
แต่ในหัวสมองของนาง กลับเป็นประกายสว่างขึ้นมาทันใด
ครั้งนี้เสด็จพ่อจะต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่ แต่ถ้านางบอกว่านางตั้งครรภ์ล่ะ?
ประจำเดือนของเดือนนี้ล่าช้ามาแล้วหลายวัน สองวันก่อนตั้งใจเข้าวังไปเยี่ยมท่านป้า และได้ตามหมอมาตรวจชีพจร
หมอหลวงบอกว่าเหมือนตั้งครรภ์ แต่ก็ยังไม่ใช่ อาจเป็นเพราะว่าเวลายังไม่นาน จึงยังไม่ปรากฏ รออีกหลายวันค่อยไปตรวจชีพจรอีก
ลมหายใจของนางก็เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
หากตั้งครรภ์แล้วจริงๆ เสด็จพ่อก็จะลงโทษนางไม่ลงแล้ว
หยวนชิงหลิงไม่สนใจพวกเขา รักษาบาดแผลให้กับขอทานน้อยต่อ
เด็กขอทานอยู่บนพื้น ถึงแม้บนใบหน้าจะแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด แต่เขาก็พอใจ
เขาเก็บซาลาเปามาได้สองอัน หนึ่งลูกหนึ่งคำ ล้วนลงไปอยู่ในท้องแล้ว
เขาไม่เคยรู้สึกอิ่มเช่นนี้มาก่อน
“เจ็บไหม?”หยวนชิงหลิงคีบหนามไม้ออกมาจากบาดแผล ด้านข้างยังมีบาดแผลจากน้ำยาโจ๊กร้อนๆ แดงเป็นแผลกว้าง ดึงกางเกงที่สกปรกและทรุดโทรมขึ้น ต้นขาถึงเข่า ก็เป็นแผลน้ำร้อนจากโจ๊กลวก
แผลจากน้ำร้อนลวกเจ็บปวดอย่างมาก
ขอทานน้อยส่ายหัว เขามองดูหยวนชิงหลิง อย่างค่อนข้างแปลกใจ และก็ค่อนข้างหวาดกลัว
หยวนชิงหลิงจัดการบาดแผลเสร็จ เริ่มทาครีมรักษาแผลน้ำร้อนลวกให้เขา
อ๋องฉีมองเห็นภาพนี้ อดไม่ได้ที่พ่นลมหายใจออกมาอย่างโกรธเคือง
ฉู่หมิงชุ่ยดึงเขาไป เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันไปถามหยวนชิงหลิงว่า “พี่สะใภ้ห้า เจ้าไม่กลัวหรือ?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นยืน ยืนตรงหน้าอ๋องฉี พูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “อ๋องฉี พี่ห้าของเจ้าล่ะ?”
อ๋องฉีตกใจกับความตื่นเต้นอย่างกะทันหันของนาง หันไปมอง แล้วก็เห็นพี่ห้ากำลังช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ จึงพูดขึ้นว่า “พี่ห้ากำลังช่วยคนอยู่”
“แล้วเจ้ายืนทำอะไรอยู่ที่นี่?” หยวนชิงหลิงโกรธจนพูดคำหยาบออกมาว่า “ข้ายุ่งจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เจ้าไม่เห็นหรือ? รอบๆมีผู้บาดเจ็บมากมายขนาดนั้น ไปช่วยทำแผลห้ามเลือดให้พวกเขาไม่ได้หรือ? ในใจเจ้าไม่มีความเมตตาเลยสักนิดหรือ สนใจแต่ว่าเมียของเจ้าจะเป็นอะไรล่ะก็ งั้นเจ้าก็อุ้มเมียของเจ้าไสหัวไป อยากกีดขวางคนอื่นที่กำลังช่วยคน”
อ๋องฉีเหมือนถูกฟ้าผ่า
หยวนชิงหลิงพูดพ่นเหมือนปืนกลแล้วสักพัก อ๋องฉีค่อยได้สติกลับมา ตนเองถูกพี่สะใภ้ห้าก่นด่าต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้
ความโกรธ ความอับอาย พุ่งขึ้นมาถึงสมอง ในฐานะที่เป็นถึงองค์ชาย และยังเป็นองค์ชายโดยสายเลือด เคยต้องอับอายขนาดนี้เสียที่ไหน?
จึงพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “หยวนชิงหลิง เจ้ากล้าพูดกับข้าเช่นนี้หรือ? เรื่องครั้งก่อนที่เจ้าผลักชุ่ยเอ๋อตกน้ำ ข้าเห็นแก่หน้าพี่ห้าจึงไม่เอาเรื่องเจ้า ถึงตอนนี้เจ้ายิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้นแล้วหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองดูฉู่หมิงชุ่ย แล้วพูดว่า “ข้าผลักเจ้าตกน้ำหรือ? เจ้าบอกกับเขาเช่นนี้หรือ? จะสาบานต่อฟ้าไหม เอาลูกในท้องของเจ้ามาสาบาน เอาชีวิตของเจ้ามาสาบาน ขอเพียงเจ้ากล้าสาบาน ข้าก็จะขอโทษเจ้า ว่าข้าผิดไปแล้ว”
ฉู่หมิงชุ่ยมองดูนาง สีหน้าไม่มีเลือดฝาดเลยสักนิด พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาอ๋องฉู่ เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ข้าไม่อยากรื้อฟื้นกับเจ้า”
พูดเสร็จ นางหันไปพูดกับอ๋องฉีว่า “เรากลับกันก่อนเถอะ”
อ๋องฉียังไม่ประสา จึงพูดขึ้นว่า “สาบาน เจ้าสาบาน ดูซิว่านางยังจะพูดอย่างไร”
หางตาฉู่หมิงชุ่ยค่อนข้างหงุดหงิด พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าปวดท้อง ไม่อยากมีเรื่องกับคนพวกนี้”
อ๋องฉีได้ยินว่านางปวดท้อง ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “เราไม่สนใจนาง เราไปกันเถอะ”
ผู้คนรอบด้านมากมาย ต่างก็หันมามองเมื่อกี้ตอนที่หยวนชิงหลิงโมโห
เด็กขอทานก็เพิ่งรู้ว่านางเป็นถึงพระชายาอ๋องฉู่ ตกใจจนสั้นไปทั้งตัว แม้แต่หยวนชิงหลิงจะทำแผลให้เขา เขาก็ไม่กล้า หดตัวหนีอย่างเดียว
หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ห้ามขยับ”
ขอทานน้อยไม่กล้าขยับอีก นิ่งเหมือนก้อนหิน แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรง
เขาก็ไม่กล้ามองหยวนชิงหลิงอีก หลบสายตาอย่างตื่นตกใจ และก็ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“เสร็จแล้ว พรุ่งนี้ไปหาข้าที่จวนอ๋องฉู่ ข้าค่อยใส่ยาให้เจ้าอีก”หยวนชิงหลิงดึงขากางเกงของเขาลงมา ที่จริงก็ปิดบังอะไรไม่ได้ กางเกงขาดหมดแล้ว
ขอทานน้อยพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นว่า “ขอรับ ขอบ…ขอบพระทัยพระชายา”
หยวนชิงหลิงรู้ว่าเขาจะไม่มา จึงเอายาให้กับเขา พร้อมพูดว่า “ยานี้ ทานวันละครั้ง สำหรับห้าวัน ส่วนสองเม็ดนี้ เป็นยาลดไข้ หากเจ้ารู้สึกว่าตนเองเป็นไข้ ก็ให้รีบกินหนึ่งเม็ด รู้ไหม?”
ขอทานน้อยค่อยๆยื่นมือมา มือนั่นทั้งดำทั้งผอม เหมือนกับกิ่งไม้แห้ง
หยวนชิงหลิงเอายาให้เขาเสร็จ แล้วก็หันตัวไปรักษาผู้บาดเจ็บคนอื่นอีก
คนที่มาช่วยเหลือค่อยๆเพิ่มมากขึ้น คนจวนเจ้าพระยาเซียวเหยาก็มา อ๋องชินลุ่ยก็มารับพระชายากับจวิ้นจู่หงเติงด้วยตนเอง
พระชายาอ๋องชินลุ่ยไม่ได้เดินมาทักทายหยวนชิงหลิง แต่ก็หันมาพยักหัวให้กับนาง ถือว่าขอบคุณที่นางช่วยชีวิตหงเติง
ที่เกิดเหตุค่อยๆอยู่ในสภาวะที่สามารถควบคุมได้แล้ว
หยู่เหวินเห้ามีคำสั่ง คนที่ไม่เกี่ยวข้อง ให้ออกไปจากพื้นที่โดยเร็ว
คนที่ไม่เกี่ยวข้องนี้ รวมถึงหยวนชิงหลิง
“ข้า….”หยวนชิงหลิงอยากที่จะต่อรอง
หยู่เหวินเห้าอุ้มนางขึ้นมาแล้วโยนขึ้นไปบนรถม้า พูดสั่งหยวนชิงผิงกับลู่หยาว่า “พานางกลับจวน เฝ้าดูให้นางดื่มน้ำ ทานข้าว”
“ไม่ ข้ายัง….”หยวนชิงหลิงเปิดม่าน ในกล่องยายังมียา ที่สำคัญคืออันนี้
“เงียบ”หยู่เหวินเห้าดึงม่านลง
“เพคะ พี่เขยสุดยอดที่สุด”หยวนชิงผิงกลัวแล้วจริงๆ พี่ใหญ่บ้านไปแล้ว ที่ยังคิดที่จะเข้าไปข้างในอยู่ตลอด ที่นั่นล้วนเป็นงานของพวกผู้ชาย
แต่เมื่อกี้ พี่ใหญ่ก็กล้าหาญมาก
นางรู้สึกว่าตนเองเริ่มนับถือในตัวพี่ใหญ่แล้ว
“คุณหนูหยวน พวกเจ้าก็อยู่ที่นี่หรือ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยวนชิงผิงกำลังจะก้าวขึ้นรถม้า แล้วก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้น
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นชายหนุ่มหล่อคนหนึ่งสวมชุดสีฟ้า ตรงเอวมีป้ายหยกห้อยไว้ กำลังยิ้มมองดูนาง
คนคนนี้คุ้นหน้ามาก
“ท่านคือ?”หยวนชิงผิงจำไม่ได้แล้วจริงๆ ถึงถามขึ้น
กู้ซือขยับร่างกายเล็กน้อย ได้ยินเหมือนเสียงอะไรแตกดังขึ้น
เขาคิดมาตลอดว่า ครั้งนั้นที่พวกเขาเจอหน้ากัน ถึงจะเป็นเพียงแค่แวบเดียว ก็น่าจะตราตรึงใจ
เขาจะนึกถึงช่วงเวลาที่นางหันมามองผ่านด้วยสายตาสดใส แววตานั้นคงมีความหมายอย่างลึกซึ้ง
เขากำลังรอคอยที่จะได้เจอนางอีก
เชื่อว่านางก็เช่นคิด เชื่ออย่างไม่สงสัย
เขาแอบคิดถึงนางมาตั้งนานหลายคืน
คิดว่านางก็เช่นกัน อาจจะยิ่งกว่าเขา เพราะยังไงผู้หญิงจะควบคุมตนเองไม่ค่อยได้
แต่เมื่อกี้ นางพูดว่าอะไรนะ? ถามว่าเขาเป็นใคร?
กู้ซือหันตัวเดินไป ไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่โหดร้าย
เขายอมรับไม่ได้ เขาคิดเองมาตลอดฝ่ายเดียว