บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1654 ถูกรบเร้าเข้าให้แล้ว
แต่ว่า มีอยู่ปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือหลังจากที่นางไปจากเมืองหลวงแล้ว ถ้าหากจิ่งเทียนเกิดมีอาการเปลี่ยนไปจะเป็นเรื่องไม่ดี
ได้ปรึกษากับลูกๆแล้ว ข้าวเหนียวเสนอตัว บอกว่าจะเป็นตัวแทนของแม่เพื่อกลับไป เอาตัวอย่างเลือดมอบให้กับหยางหรูไห่
ในบรรดาลูกทั้งหกคน ข้าวเหนียวเป็นคนเดียวที่ค่อนข้างจะสนใจเรื่องการแพทย์ ลูกคนอื่นๆไม่สามารถบอกได้ว่าไม่สนใจ เพียงแต่ไม่ได้กระตือรือร้นเท่ากับข้าวเหนียวเท่านั้น
ฉะนั้น หยวนชิงหลิงได้มอบตัวอย่างให้กับเขา ให้เขารีบกลับไป
ทั้งหยวนก็บอกว่าจะกลับไปด้วย เขาไม่ได้เจอคุณตาคุณยายและคุณลุงมานานแล้ว อยากกลับไปเยี่ยมพวกเขา
เมื่อทังหยวนพูดเช่นนี้ เซเว่นอัพกับโค้กก็บอกว่าจะไปด้วย
หยวนชิงหลิงได้แต่ไล่พวกเขาไปให้หมด เหลือแค่เปาเอ๋อที่อยู่เป็นเพื่อนน้องสาวที่นี่
เดิมทีพรุ่งนี้พวกเด็กๆจะไปเยี่ยมอู๋ซ่างหวง แต่เพราะเวลาที่เร่งรีบ จึงได้แต่ไปกลับไปก่อน รอให้กลับมาแล้วค่อยไปเยี่ยมอู๋ซ่างหวง
พวกเขารีบออกเดินทางทันที ไม่ช้าก็ไปถึงทะเลสาบจิ้ง จากนั้นก็ทะลุผ่านทะเลสาบทิ้งกลับไปยังศตวรรษที่ยี่สิบสอง
ส่งตัวอย่างเลือดให้กับหยางหรูไห่อย่างเร็วที่สุด จากนั้นก็กลับไปบ้านพร้อมกัน
คนแก่ย่อมดีใจเป็นอย่างยิ่ง คอยปรนนิบัติหาของกินอร่อยให้ตลอดทั้งสองวัน
เมื่อถึงวันที่สาม เดิมทีต้องกลับไปที่สถาบันวิจัยเพื่อเอารายงาน แต่ว่าศาสตราจารย์ได้ถามพวกเขา“กลับมากันหมดแล้ว จะไปเยี่ยมผู้อาวุโสฮุยจงหรือไม่”
เด็กทั้งสี่คนครุ่นคิดชั่วครู่ “ไปก็ได้”
เพราะว่า ก็เป็นบรรพบุรุษของครอบครัวตนเอง และก่อนหน้านี้ตอนที่มาใช้ชีวิตเรียนหนังสืออยู่ บรรพบุรุษคนนี้ก็มาเยี่ยมอยู่เสมอ ซื้อของเล่น พาออกไปเล่นไปกิน มีเงินให้ใช้ไม่น้อย
และรักพวกเขาด้วยใจจริง
พวกเด็กๆจึงซื้อผลไม้นั่งรถโดยสารไปเยี่ยมฮ่องเต้ฮุยจงและองค์รัชทายาท
ฮ่องเต้ฮุยจงเห็นพวกเขา ก็ตื้นตันมาก กอดพวกเขาทุกคนจนครบ ถามแล้วจึงได้ความว่ากลับมาจากเป่ยถัง จึงเอ่ยขึ้นว่า “ยากมากที่จะได้กลับมาสักครั้ง ต้องพักอยู่กับเทียดหลายวันหน่อย”
ข้าวเหนียวส่ายหน้า“ท่านเทียด ไม่ได้ พวกเราต้องกลับไปวันนี้ ต้องเอาตัวอย่างเลือดกลับไปให้ท่านแม่ ”
“กลับไป ทำไมเร็วอย่างนี้”ฮ่องเต้ฮุยจงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง “แล้วพวกเจ้าจะกลับมาอีกเมื่อไหร่”
“ไม่ช้านี้ รอให้กลับมาแล้วค่อยมาเยี่ยมท่านอีก”ทังหยวนพูด
“ได้ ถ้าอย่างนั้นกินข้าวด้วยกันก่อนค่อยไป……”ฮ่องเต้ฮุยจงชะงักไป “ใช่แล้ว เจ้าบอกว่าจะเอาตัวอย่างเลือดกลับไปให้แม่ บางทีหยวนชิงหลิงอาจจะไม่ให้พวกเจ้ากลับมาอีกก็ได้ พวกเจ้าสี่คนกลับมากันเองหรือ ”
“ใช่แล้ว พวกเรากลับมากันเอง”เซเว่นอัพพูดอย่างได้ใจ
ฮ่องเต้ฮุยจงอุ้มเซเว่นอัพเอาไว้ ดวงตาเป็นประกายวาววับ “ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ข้าเองก็อยากจะกลับไปสักครั้ง พวกเจ้าพาข้ากลับไปด้วย”
“ได้”เซเว่นอัพตอบตกลงทันที
ทังหยวนมองมา รู้สึกไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้เหมือนจะเคยได้ยินท่านแม่เล่าว่าท่านเทียดอยากจะให้แม่พากลับไปด้วย แต่ท่านแม่ไม่พาไป ในเมื่อท่านแม่ไม่พาไปด้วย เช่นนั้นต้องมีเหตุผลแน่นอน
ฉะนั้น ทังหยวนจึงลากตัวเซเว่นอัพไปอีกฝั่ง “เจ้าไปตอบตกลงจะพาท่านเทียดกลับไปได้อย่างไร ท่านแม่ไม่พาไป ย่อมต้องไม่อนุญาตให้เขาไปแน่นอน”
เซเว่นอัพบอกว่า“ทำไมจึงไม่อนุญาตให้กลับไป ท่านเทียดก็เป็นคนเป่ยถัง กลับไปดูบ้านเกิดจะเป็นอะไรไป ให้เขาปิดบังฐานะของตนเอง จากนั้นก็ไปอยู่ที่หอจัยซิงก็ได้ ในหอจัยซิงมีคนตั้งมากมายคอยจับตาดูเขา ยังจะกลัวว่าคุมไม่ได้อีกหรือ ”
ทังหยวนรู้สึกว่ามีเหตุผล ที่จริงหลังจากกลับไปแล้ว ก็หลบซ่อนอยู่ที่หอจัยซิง เข้าออกโดยการปกปิดใบหน้า ผ่านไปหลายปีก็ไม่มีใครจำเขาได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ พากลับไปแล้วหากเขาไม่เชื่อฟัง พวกเราต้องรีบส่งเขากลับมาที่นี่ทันที”ที่สุดแล้วทังหยวนก็มีเมตตาในหัวใจ คิดว่าคนคนหนึ่งจากบ้านเกิดเมืองนอนมานานขนาดนี้แล้วย่อมอยากจะกลับไปเยี่ยมสักครั้ง ช่างน่าสงสารจริงๆ
ถ้าหากคนในหอจัยซิงคุมเขาไม่อยู่ พวกเขาจะช่วยกันดู อย่างไรเสียก็ต้องทำได้แน่
กำลังจะหันกลับไปพูดกับฮ่องเต้ฮุยจง ก็เห็นเขาเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้ว ในน้ำเสียงมีความตื่นเต้นที่เก็บไว้ไม่อยู่ “พี่ใหญ่ โพ่ตี้อวี้ ซูหลิ่ว พวกเราได้เก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวกลับเป่ยถังได้เลย”
เสียงโห่ร้อง เสียงสะอื้นไห้ เสียงสะอึกสะอื้นส่งมาเป็นระยะ
หนุ่มน้อยทั้งสี่คนอ้าปากตาค้างทันที กลับไปเยอะขนาดนี้เชียว พวกเขาบอกว่าจะพาเขากลับไปคนเดียวนะ
พี่น้องทั้งหลายต่างก็มองหน้ากัน ในสมองรีบคิดหาหนทางทันที หนี
กำลังคิดจะหนี ฮ่องเต้ฮุยจงก็หันกลับมากอดทังหยวนเอาไว้ “ยากนักที่พวกเราจะได้กลับไปสักครั้ง ต้องซื้อของขวัญให้พวกเขาสักหน่อย พวกเราไปที่ห้างสรรพสินค้า ดีหรือไม่”
“ไม่ต้องแล้ว การไปกลับจากทะเลสาบจิ้ง เอาของไม่ด้วยไม่สะดวกนัก”ทังหยวนอยากจะแกะมือของฮ่องเต้ฮุยจงออก แต่ฮ่องเต้ฮุยจงกลับยิ่งกอดแน่นขึ้น “ได้ เอาไปได้ พวกเราคนเยอะ เอาไปได้แน่”
ราวกับว่าฮ่องเต้ฮุยจงมองความคิดของพวกเขาออก จับที่ใบหน้าของทังหยวน“อย่าหลอกทวดนะ เป็นคนต้องรักษาสัญญา ข้าได้จากเป่ยถังมานานมากแล้ว ฝันถึงการกลับไปที่เป่ยถังทุกคืน ตื่นมาน้ำตาก็เปียกเต็มหมอน ”
พูดได้น่าสงสารมาก ข้าวเหนียวได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารท่านเทียดขึ้นมา ถ้าหากเขากลับไปเป่ยถังไม่ได้ตลอดชีวิต เขาก็คงทุกข์ใจมาก
เด็กทั้งสี่คนออกไปปรึกษากันข้างนอกชั่วครู่ ที่เห็นด้วยจะให้พวกเขากลับไปมีสามคน ข้าวเหนียวเซเว่นอัพกับเจ้าโค้ก
ทังหยวนเคยใจอ่อนแล้ว แต่เมื่อได้ยินฮ่องเต้ฮุยจงเรียกคนกลับไปด้วยมากเช่นนี้ เขาก็รู้สึกเสียใจในภายหลัง การใจอ่อนช่างเป็นทำร้ายคนจริงๆ
เขาไม่เห็นด้วย
แต่ว่าการไม่เห็นด้วยเพียงเสียงเดียวนั้นไร้ประโยชน์ ต้องพาฮ่องเต้ฮุยจงกลับไปอย่างแน่นอนแล้ว
ฮ่องเต้ฮุยจงได้ให้คนที่ชื่อโพ่ตี้อวี้ติดตามออกไปซื้อของด้วยกัน ของที่ซื้อได้ใช้กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่เอาไว้หลายใบ ทั้งกันน้ำทั้งพกพาสะดวก
ฮ่องเต้ฮุยจงยังบอกอีกว่า ของสิ่งนี้จะให้ใคร สิ่งนี้ซื้อให้ใคร สิ่งนั้นจะให้ใคร ชื่อที่พูดมา ส่วนมากเป็นชื่อที่พวกทังหยวนไม่รู้จัก เช่นใต้เท้าจางกับสองสามีภรรยาจวิ้นจู่หมิงเยว่บ้างล่ะ ฟางยู่เทียนบ้างล่ะ สองสามีภรรยาฝางเฟยบ้างล่ะ แทบจะไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ
ทังหยวนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พูดขึ้นมาว่า “ท่านเทียด หลังจากที่ท่านกลับไปแล้ว ไม่สามารถออกไปไหนได้ ได้แต่หลบอยู่ในหอจัยซิงเท่านั้น”
“ใช่ ไม่ได้คิดจะออกไปไหน ถึงเวลาก็ให้คนเอาไปส่ง บอกแค่ว่าเป็นของที่พวกเจ้าซื้อให้ไม่ได้หรือ”ฮ่องเต้ฮุยจงเงยหน้าขึ้นมาพูด
ทั้งสี่คนหันมามองหน้ากันชั่วครู่ เอาเถอะ ก็พอจะกลบเกลื่อนไปได้
“ถ้าเช่นั้นพวกท่านเร็วหน่อย นี่ก็เที่ยงแล้ว ยังต้องไปเอาของที่สถาบันวิจัยอีก”ทังหยวนพูด
ฮ่องเต้ฮุยจงรีบเรียกคนที่ชื่อ โพ่ตี้อวี้เข้ามาทันที“เจ้าส่งองค์ชายไปเอาของ จากนั้นก็กลับมารวมตัวกัน ถึงเวลาก็ออกเดินทางพร้อมกัน ”
อืม วางแผนไว้อย่างชัดเจนแล้ว ให้องค์ชายเพียงคนเดียวไปเอาของ ที่เหลือสามคนให้กักตัวเอาไว้ที่นี่
เดิมทีกลับไปกันสี่คน ตอนนี้กลายเป็นแปดคนแล้ว เหมือนกับการย้ายบ้านที่แต่ละคนมีกระเป๋าเดินทางคนละใบ ทังหยวนแอบทุกข์ในใจ ไม่รู้ว่ากลับไปจะถูกท่านแม่ด่าหรือไม่
ทังหยวนเป็นคนเดียวที่ไม่เห็นด้วย แต่ว่า ตอนที่ทุกคนก้าวเข้าสู่เส้นทางเดินทางกลับ ทังหยวนก็คิดขึ้นมาได้ทันที อย่างไรเสียก็กลับไปสักครั้งเถอะ
เพราะว่า ทังหยวนเห็นผู้อาวุโสทั้งสี่ต่างก็ร้องไห้ออกมาแล้ว พลางเดินพลางเช็ดน้ำตา ไม่มีเสียงร้องไห้ แต่ว่า น้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไร้สุ้มเสียงยิ่งทำให้ใจหวั่นไหว
ด่าก็ด่าไปซิ อย่างมากที่สุด พวกเขาก็มีหน้าที่จับตาดูเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาวิ่งพล่านไปทั่วก็พอ
“วัยเยาว์เราจากบ้านนานปีผ่านไปจึงหวนกลับ สำเนียงเสียงภาษาหาได้เปลี่ยนเพียงผมบาง เด็กน้อยยามสบพักตร์ไม่รู้จักคนแปลกต่าง ยิ้มทักผู้เดินทาง แขกไกลห่างแต่ใดมา”องค์รัชทายาทได้อ่านกร่อนโบราณเงียบๆ จากนั้นก็บีบน้ำตา “ดิ้นรนให้มีชีวิตรอด เพียงเพื่อจะได้กลับไปเยือนบ้านเกิดสักครั้ง แม้จะได้มองแค่แวบเดียว ก็พอใจแล้ว”
ฮ่องเต้ฮุยจงกลับนิ่งอึ้งไป เขาเพิ่งจะรู้ตัว บางที คนเก่าแก่ที่รู้จักอาจจะไม่อยู่แล้ว
พวกเขาอยู่ที่นี่ มีการแพทย์สมัยใหม่ให้พึ่งพา ฉะนั้นจึงสามารถอยู่ได้จนถึงตอนนี้ แต่ว่า ทางด้านเป่ยถังไม่มีการแพทย์เช่นนี้ให้พึ่งพา
ฉะนั้น คนมากมายอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้
นึกถึงตอนที่พวกน้องหกมาที่นี่ เดิมทีก็แค่เด็กตัวเล็กๆ ตอนนี้ต่างก็แก่กันหมดแล้ว
ส่วนพวกเขาสี่คน องค์รัชทายาทก็อายุมากกว่าหนึ่งร้อยปีแล้ว