บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1663 ครูประจำชั้นของเซเว่นอัพจางเฮงซวย
- Home
- บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์
- บทที่ 1663 ครูประจำชั้นของเซเว่นอัพจางเฮงซวย
เมืองก่วง!
โรงเรียนมัธยมเอกชนเซิ่งเย่จางเฮงซวย
“หัวหน้าระดับชั้นฟาง ไม่ใช่ว่าผมไม่เต็มใจรับ” ครูจางส่ายหัวและถอนหายใจ “ชั้นเรียนนี้ของผมเป็นเด็กแสบที่สร้างความวุ่นวายมากมายเกินไปจริงๆ คุณจะยัดให้ผมอีกคนหนึ่ง ผมรับไม่ไหวจริงๆ คุณดูผมขาวของผมสิ ขึ้นมาเหมือนกับหญ้ารกยังไงอย่างนั้น ความดันเลือดก็พุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอด……”
ครูจางพูดพลาง ก็หยิบยาหม่องออกมาทาบนหน้าผากเล็กน้อย ท่าทางเหมือนกำลังจะตายในช่วงวัยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลัง
ตอนนี้คือเดือนเก้า ชั้นเรียนที่เขาดูแลคือดูแลตั้งแต่มัธยมปลายชั้นปีที่สองขึ้นมัธยมปลายปีที่สาม มัธยมปลายปีที่สามมีแปดห้อง ห้องหกที่เขาสอนไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นตัวถ่วง พูดได้เพียงแค่ว่าแทบจะฉุดดึงจนกางเกงหลุดลงมาอยู่แล้ว
เป็นเวรกรรมจริงๆ เขาทำงานด้านการสอนมาหลายปีแล้ว มีนักเรียนที่จัดการยากแบบไหนที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน? แต่รุ่นนี้ ดูแลไม่ไหวจริงๆ เป็นแบบอย่างการชี้แนะที่ดี เขาไม่สามารถพูดได้ว่าทั้งชั้นเรียนนี้เป็นขยะ ทำได้เพียงพูดอ้อมค้อมประโยคหนึ่ง นี่เป็นกลุ่มคนอัจฉริยะในการค้นคว้าวิจัยโดยเฉพาะอย่างแท้จริง ศึกษาค้นคว้าไปทางด้านคะแนนต่ำเท่านั้น
บนใบหน้าอันอิ่มเอิบของหัวหน้าระดับชั้นฟางแขวนไปด้วยรอยยิ้มที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กล่าวปลอบใจ“ครูจาง ฉันรู้ว่าคุณลำบาก แต่ว่า ห้องหกทั้งห้องของพวกเราก็เป็นแบบนี้ มากขึ้นมาหนึ่งก็ไม่มาก น้อยไปหนึ่งก็ไม่น้อย ใช่หรือเปล่า? ให้เขาไปที่ห้องเรียนอื่นไม่ได้ ปีนี้โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ของพวกเราก็ตั้งหน้าตั้งตาเฝ้าหวังว่าจะมีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังได้สักสองสามคนน่ะ”
เขาตบไหล่ของครูจาง “อีกทั้ง นี่เป็นความต้องการของโรงเรียน นักเรียนหยู่เหวินหวงได้ดำเนินการเข้าเรียนแล้ว พรุ่งนี้จะมารายงานตัว คุณวางใจได้ ฉันเคยเห็นเด็กคนนี้ ว่านอนสอนง่ายมาก แล้วคุณลองคิดดูสิ เขาอายุน้อยกว่าเด็กมัธยมปลายปีที่สาม ก็สามารถกระโดดข้ามมาเรียนปีสามได้แล้ว จะต้องไม่ธรรมดาแน่”
ครูจางยกใบคะแนนของเขาขึ้นมาอย่างสั่นๆ รู้สึกเพียงผมหงอกได้งอกผุดๆๆขึ้นมาอีกแล้ว “ใช่สิ ไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยก็ยังมีคะแนนน่ะ เป็นเลขตัวเดียวเช่นนี้ทั้งหมด สอบได้เลขตัวเดียวนี้ก็อยู่ได้ด้วยทักษะแล้ว”
หัวหน้าระดับชั้นฟางพูดชี้แนะด้วยความจริงใจ“พวกเรามักจะพูดเสมอว่าการสอนไม่ควรให้ความสำคัญกับคะแนนมากเกินไป ควรให้ความสำคัญกับการอบรมศีลธรรมสติปัญญาความแข็งแรง……เอ่อ สติปัญญาก็ไม่สามารถให้ความสำคัญเกินไปได้”
อย่างไรเสียสามารถสอบได้เลขตัวเดียวนี้ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับสติปัญญาคำนี้ แม้แต่ดวงก็ไม่ได้ดีมาก เดาสุ่มตอบคำถามแบบปรนัยถูกไม่กี่ข้อ ก็ไม่ถึงขั้นเป็นเลขตัวเดียวน่ะสิ
ครูจางมองดูเขา “ในเมื่อหัวหน้าระดับชั้นฟางมีความชื่นชมต่อนักเรียนหยู่เหวินหวงเป็นอย่างสูงขนาดนี้ ไม่งั้น ก็ให้เขาไปที่ห้องหนึ่งของคุณสิ?”
หัวหน้าระดับชั้นฟางหัวเราะ ดันแว่นตาที่เปล่งประกายความฉลาดและมีวิสัยทัศน์เล็กน้อย “อันที่จริงฉันก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ความหมายของครูใหญ่คือให้เขาไปที่ห้องหก”
ครูจางไหล่ตกทั้งสองข้าง ยอมรับชะตาแล้ว
“นี่ก็ถูกแล้ว คืนนี้ฉันเชิญคุณไปกินข้าว” หัวหน้าระดับชั้นฟางเห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ว่าภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แอบร้องเย้ในใจทีหนึ่ง
“หัวหน้าระดับชั้นฟาง ผมไม่เข้าใจจริงๆ คะแนนของหยู่เหวินหวงต่ำขนาดนี้ เขาเข้ามาที่มัธยมปลายของพวกเราได้ยังไง? เกณฑ์ข้อกำหนดการรับเข้าเรียนของพวกเราคือสามร้อยห้าสิบคะแนนนะครับ” หลังจากที่ครูจางยอมรับชะตาแล้วก็เอ่ยถามขึ้น
หัวหน้าระดับชั้นฟางกล่าว“มัธยมปลายชั้นปีที่หนึ่งถึงจะพูดเกณฑ์กำหนดการรับเข้าเรียน ตอนนี้ชั้นปีที่สามแล้ว เขาย้ายเข้ามาเรียน หากว่าย้ายโรงเรียนแค่จ่ายค่าเทอมได้ก็พอแล้ว”
พูดอีกอย่าง คือโรงเรียนอื่นเตะออกมา แต่เอกสารไม่ได้บอกว่าโรงเรียนไหนเตะออกมา ใช่สิ ใครก็ไม่เต็มใจยอมรับว่านักเรียนคนนี้เคยเรียนที่โรงเรียนของพวกเรา
โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่เป็นโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงที่สุดในโรงเรียนเอกชนของเมืองก่วง เพราะว่าเกณฑ์คะแนนในการรับเข้าเรียนค่อนข้างต่ำ เกณฑ์คะแนนของโรงเรียนเอกชนมัธยมปลายโดยส่วนมากล้วนมากกว่าสี่ร้อยคะแนน โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่สามร้อยห้าสิบคะแนน อวดดีเองรับผิดชอบเอง พริบตาเดียวก็กลายเป็นที่รวมตัวของนักเรียนที่ไม่เอาถ่าน
ในนั้น ชื่อเสียงของมัธยมปลายชั้นปีที่สามห้องหกของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่โด่งดังไปทั่ว โรงเรียนมัธยมปลายก็มีการดูถูกเหยียดหยามกันเป็นทอดๆ โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ถูกโรงเรียนทั้งหมดดูถูก และห้องหกก็ถูกทั้งโรงเรียนดูถูก เพราะคนทั้งห้องของพวกเขาจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครที่สามารถทำถึงเกณฑ์มาตรฐานของวิชาทั้งหมดได้สักคน
คะแนนทางด้านภาษาวัฒนธรรมเป็นแบบนี้ แย่ยิ่งกว่านักเรียนสายศิลป์เสียอีก ก่อนเข้ามัธยมปลายปีหนึ่ง คะแนนแย่ล้วนถูกโน้มน้าวให้ย้ายไปเป็นนักเรียนสายศิลป์แล้ว พวกเขาดึงดันยืนกรานเป็นสายศิลป์วิทย์ ดังนั้นโรงเรียนจึงเอาเหล่านักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เอาไหนและไม่ย้ายไปเป็นนักเรียนสายศิลป์ตั้งเป็นหนึ่งห้อง ตั้งชื่อที่น่าฟังว่าชั้นเรียนทดลอง แต่ความเป็นจริงก็คือเด็กไม่เอาไหนที่อยู่ปนเปกัน
นั้นก็คือมัธยมปลายห้องหกที่ชื่อเสียงดังกึกก้อง
ครูประจำชั้นจางเหมย ฉายาจางเฮงซวย เป็นคุณครูอาวุโสที่อยู่ในด้านนี้มาสิบแปดปี
เขาดึงดันไม่จบกับประวัติฉบับนี้ หยู่เหวินหวง ทันใดนั้นก็มีความรู้สึกเหมือนได้เผชิญกับเหตุการณ์นี้มาก่อนซึ่งเป็นหายนะยิ่งใหญ่ที่พรั่งพรูมาอย่างฉับพลัน
หมู่บ้านจี๋หยา ตึกที่สูงที่สุดของหมู่บ้านแบบสองชั้น ตระกูลหยวนเพิ่งจะย้ายมาที่นี่ ตรงข้ามก็คือโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ ระยะห่างใกล้กันมาก
เป็นศาสตราจารย์หยวนที่ยืนกรานจะย้ายมาที่นี่ หลานชายอายุน้อยกว่าเด็กนักเรียนมัธยมปลายปีที่สาม อีกทั้งได้ยินมาว่าที่นี่เป็นศูนย์รวมของนักเรียนไม่เอาไหน ในข่าวก็มีเรื่องการกลั่นแกล้งกันเกิดขึ้นในโรงเรียนไม่น้อย เขาจะต้องดูแลหลานชายอย่างใกล้ชิดถึงจะได้
“ฉันคิดว่าไม่ควรเข้าโรงเรียนนี้” แม่ของหยวนชิงหลิงถอนหายใจ ครอบครัวของพวกเขาทั้งบ้านล้วนเป็นคนเรียนเก่ง ลูกสาวหยวนชิงหลิง และลูกชายหยวนชิงโจวก็เป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของชั้นเรียน เธอไม่คุ้นชินจริงๆ
“คุณยาย ผมรู้สึกว่าโรงเรียนนี้ดีมาก อยู่ใกล้กับโรงเรียนของพี่ชายนี่ครับ” เซเว่นอัพกล่าว
นี่เป็นโรงเรียนที่เขาเลือกเอง ด้านข้างไม่ไกล ก็คือโรงเรียนเอกชนมัธยมปลายหัวเฉิง เกณฑ์คะแนนการรับเข้าคือหกร้อยคะแนน ไม่ใช่ว่ามีเงินก็สามารถเข้าได้
โรงเรียนมัธยมปลายหัวเฉิงมีชื่อเสียงในด้านวิชาวิทยาศาสตร์ อัตราการสอบเข้ามหาลัยที่มีชื่อเสียงได้สูงถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์ หากกล่าวถึงในหมู่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนแล้ว นับว่าค่อนข้างยอดเยี่ยม
โค้กต้องการพัฒนาไปทางด้านการบินในอวกาศ ก็ต้องเข้าโรงเรียนที่ดี
แต่เซเว่นอัพอยากเป็นผู้กำกับ ที่ถูกใจก็คือชั้นเรียนสายศิลป์ของโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ แต่มีเพียงชั้นเรียนทดลองที่รับเขา ก็ไม่เป็นไร ชั้นเรียนทดลองโดยทั่วไปเป็นชั้นเรียนที่ดีที่สุดในระดับชั้น จุดสำคัญคือการอบรม
“แย่แล้ว!” หยวนชิงโจวดูคอมพิวเตอร์ ขมวดคิ้วขึ้นมา “พิมพ์คะแนนของเซเว่นอัพผิดแล้ว ทั้งหมดพิมพ์เป็นเลขหลักเดียว”
“ไม่ใช่หรอกมั้ง? เลขหลักเดียวจะเข้าไปได้อย่างไร?” ศาสตราจารย์หยวนเดินเข้าไป ดูครู่หนึ่ง ล้วนเป็นเลขหลักเดียวจริงๆ ด้านหลังตามด้วยเลขจุดทศนิยม “แกดำเนินการก็พึ่งพาไม่ได้เกินไปแล้วล่ะมั้ง?”
“ไม่ใช่ผมปริ้น ผมเขียนตัวเลขแล้วให้ผู้ช่วยปริ้น” หยวนชิงโจวรื้อกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา เห็นด้านบนเขียนว่า85,75และอื่นๆตรงกลางล้วนมีสิ่งที่ดูเหมือนเป็นจุดทศนิยมอยู่ แต่นั่นไม่ใช่จุดทศนิยม นี่เป็นกระดาษภาพตรวจคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าแผ่นหนึ่ง นั่นคือภาพตรวจคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้า
“ผมกลับไปจะไล่เธอออก ทำงานไม่ตั้งใจเกินไปแล้ว”
“อธิบดีลู่ก็ชั่งยอดเยี่ยมไปแล้ว คะแนนนี้ก็สามารถทำให้เข้าไปได้เหรอ?” แม่ของหยวนชิงหลิงงงงันเป็นอย่างมาก
“ย้ายโรงเรียนนี่นา ไม่ได้เป็นเกณฑ์รับเข้าเรียนสักหน่อยครับ” หยวนชิงโจวหันกลับไปตบไหล่เซเว่นอัพเล็กน้อย “เด็กน้อย เข้าไปทำให้พวกเขาตะลึงกันสักหน่อย”
เซเว่นอัพเพิ่งจะตัดผม เขาที่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปี ก็สูงเหมือนกับคุณลุงแล้ว ขายาว สง่างาม สดใส หล่อเหลา ยังโดดเด่น กว่าดาราหนุ่มมากมายหลายคนตั้งเหล่าเท่าน่ะ
หยวนชิงโจวมองดูเขา ปลื้มอกปลื้มใจมากจริงๆเลย
วันที่สามเดือนเก้า มัธยมชั้นปีที่สามเปิดเรียนมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว เซเว่นอัพหยู่เหวินหวงเข้าประตูใหญ่โรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่ โรงเรียนเป็นโรงเรียนประจำทั้งหมด เมื่อวานคุณลุงช่วยขนของเข้ามาที่หอพักแล้ว วันนี้เข้าก็มารายงานตัวอย่างเป็นทางการ
เขาไปที่ห้องทำงานของคุณครูผู้สอนก่อน เคาะประตูเล็กน้อย “สวัสดีครับคุณครูจาง!”
จางเหมยเงยหน้าขึ้น เห็นชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ที่ประตูคนหนึ่ง หน้าตาแบบนี้ช่างงดงามจริงๆ สดใสหล่อเหลาทำให้คนเคลื่อนสายตาไปไม่ได้ อดไม่ได้ที่จะตะลึง “เธอคือ?”
“คุณครู ผมชื่อหยู่เหวินหวง วันนี้มารายงานตัววันแรกครับ” หยู่เหวินหวงโค้งตัวเคารพคุณครูจาง
ปากของคุณครูจางขยับครึ่งหนึ่ง เขาก็คือคนนั้นที่เลขตัวเดียวและบวกกับเลขจุดทศนิยม?
ทำไมไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการไว้ล่ะ? นี่ดูไปแล้วเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายอีกทั้งยังหล่อเหลาเพียงใดกัน
แต่ที่ได้สอนมาหลายปี เขามีความเชี่ยวชาญหลักการที่ว่าคนไม่สามารถดูจากภายนอกได้อย่างลึกซึ้ง เบื้องหลังที่ดูเหมือนอ่อนโยน ใครจะรู้ว่าจะซ่อนพลังทำลายล้างไว้มากแค่ไหนกันล่ะ?