บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์ - บทที่ 1668 สอบแล้ว
กลับมาถึงโรงเรียนในวันที่สอง เขาพิมพ์จดหมายลาออกก่อน รออีกสองวันหลังจากเสร็จสิ้นการสอบวัดความรู้ที่เรียนมาครั้งแรก ก็จะยื่นจดหมายลาออกให้ครูใหญ่
การสอบวัดความรู้ที่เรียนมาครั้งแรกของมัธยมปลายชั้นปีที่สาม โรงเรียนก็ยังให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับห้องหนึ่ง เพราะว่าห้องหนึ่งถึงจะเป็นชั้นเรียนทดลองชั้นเรียนพิเศษที่แท้จริง
ห้องหนึ่งมีคะแนนของนักเรียนสองคน สามารถจัดอยู่ในอันดับหนึ่งพันกว่าๆของเมืองก่วงได้ นี่เป็นคะแนนที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับโรงเรียนมัธยมเซิ่งเย่
โรงเรียนเน้นอบรมสั่งสอนพวกเขาเป็นพิเศษ ดังนั้น แม้ว่าการสอบวัดความรู้ที่เรียนมาในครั้งนี้จะไม่อยู่ในการจัดลำดับของเมืองก่วง แต่ครูใหญ่ก็ยังคงปลุกระดมนักเรียนห้องหนึ่งเป็นพิเศษ ก่อนจะสอบก็ไปให้กำลังใจพวกเขาด้วยตัวเองรอบหนึ่ง
การดำเนินการสอบแบ่งเป็นสองวัน คุณครูคุมสอบเป็นพวกเขาทั้งหกห้องสับเปลี่ยนกันคุมสอบ
จางเฮงซวยโชคดีได้ไปคุมสอบวิชาคณิตศาสตร์ห้องหนึ่ง เห็นท่าทางของเด็กห้องหนึ่งตอบคำถามอย่างตั้งใจ เขาอิจฉาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะนักเรียนสองคนนั้นที่โดดเด่นที่สุด เขาเหลือบลงไปดูเล็กน้อย เห็นคนอื่นเขาตอบคำถามด้วยความบรรจง เขาก็อิจฉาจนน้ำลายแทบจะย้อยลงมาแล้ว
หลังจากการสอบทั้งสองวันเสร็จสิ้น พวกคุณครูออกไปทานอาหารมื้อหนึ่ง เหล่าคุณครูคุมสอบก็ปรึกษากันเกี่ยวกับสถานการณ์การสอบของแต่ละห้อง ครูประจำชั้นห้องสองหัวเราะแล้วกล่าว“นักเรียนหยู่เหวินหวงคนนั้น ฉันเห็นเขาเขียนอยู่ครึ่งชั่วโมง ก็วางปากกาไม่ทำแล้ว ดูท่าการออกข้อสอบครั้งนี้ยังคงค่อนข้างยากไปหน่อย”
“ใช่หรือ? ฉันก็เห็นว่าเขาเขียนประมาณสามสิบนาทีแล้วก็ไม่ได้เขียนแล้ว แต่หัวข้อของวิชาภาษาและวรรณคดีครั้งนี้ก็ค่อนข้างง่าย เพียงแค่ยากหน่อยตรงเรียงความ” ครูสอนวิชาคณิตศาสตร์กล่าว
หัวหน้าระดับชั้นฟางหัวเราะแล้วกล่าว“เอาล่ะ อย่าพูดถึงเขาเลย เขามาใหม่ ต้องให้เวลาเขาปรับตัวนี่นา”
เขาตบไหล่ของจางเฮงซวย กล่าวว่า“การสอบครั้งนี้ก็ไม่สำคัญนัก ยังไงก็เป็นชั้นปีที่สามนี่ มีการสอบอีกมากมาย ยังสามารถมุ่งมั่นตามให้ทันได้ สู้ๆ!”
จดหมายลาออกของจางเฮงซวยก็ถูกขยี้อยู่ในกระเป๋า เขารู้สึกว่าบางทีควรพูดเรื่องนี้กับหัวหน้าระดับชั้นก่อน
เขายืดเอวขึ้น ขณะที่กำลังจะพูด ครูประจำชั้นห้องสามก็กล่าวว่า“ห้องหกก็มีเพียงแค่ครูจางเท่านั้นที่สามารถขับเคลื่อนได้แล้ว เปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็คงลาออกไปนานแล้ว ชีวิตคงต้องสั้นลงไปสองสามปี”
ทุกคนล้วนหัวเราะขึ้นมาแล้ว
จางเฮงซวยที่อยู่ท่ามกลางเสียวหัวเราะของเพื่อนร่วมงานที่ไม่รู้เป็นการหัวเราะเยาะเย้ยหรือว่าเห็นใจ แสดงความเก้ๆกังๆออกมาอย่างผิดปกติ คำพูดลาออกก็พูดไม่ออกในชั่วขณะ
อาหารมื้อนี้ เขาเหมือนนั่งอยู่บนพรมที่เต็มไปด้วยเข็ม กลืนกินไม่ลง
ห้องหกที่สอบเสร็จแล้ว เหมือนได้ปลดปล่อยเช่นนั้น เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น พวกเด็กผู้ชายคุยเรื่องจะไปเล่นเกมกันวันอาทิตย์ พวกเด็กผู้หญิงพูดคุยเรื่องการแต่งหน้ารักสวยรักงาม อย่างไรเสียก็ไม่มีคนเอ่ยถึงเรื่องสอบสักคำ ไม่มีคนกังวลเกี่ยวกับคะแนน
หลังจากที่หยู่เหวินหวงจัดการหลี่เจี้ยนฮุยตั้งแต่นั้น อยู่ในห้องก็กลายเป็นคนไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีคนกล้ายั่วยุเขาและไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขา อีกทั้งเขามักมีท่าทางเย่อหยิ่งและเย็นชาเสมอ เหล่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนหญิงก็ไม่มาคุยกับเขาแล้ว ไม่น่าสนใจ
มีเพียงหลี่จื่อเยว่ที่นั่งอยู่ข้างๆเขา บางครั้งบางคราวก็ยังถามเขาสองประโยค
ขณะที่สอบ หลี่จื่อเยว่นั่งค่อนข้างใกล้กับเขา เห็นเขาเขียนฉึบๆๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยุดปากกาแล้ว หลี่จื่อเยว่คิดว่าเขาทำไม่ได้ แต่กวาดตามองแวบหนึ่งก็เห็นเขาตอบคำถามทั้งหมดแล้ว ก็คิดว่ามิน่าล่ะที่สอบได้คะแนนเลขตัวเดียว สะเพร่าในการเดามากเกินไปแล้ว ควรจะเดาให้ละเอียดอีกนิดสิ
“นี่ สุดสัปดาห์ไปเล่นเกมด้วยกันสิ” หลี่จื่อเยว่เชื้อเชิญเขา “วีแชทของนายคืออะไร?”
หยู่เหวินหวงส่ายหน้า “ช่วงนี้ฉันไม่มีเวลาเล่นเกม”
“คนน่าเบื่อ!” หลี่จื่อเยว่ก็ไม่อยากจะสนใจเขาแล้ว
มัธยมปลายชั้นปีสามไม่ได้หยุดเรียนวันเสาร์ หยุดวันอาทิตย์หนึ่งวัน
ดังนั้น หลังจากที่หยุดเรียน พวกคุณครูก็ตรวจข้อสอบกันอย่างขมีขมัน รอจนวันจันทร์กลับมาประกาศคะแนน
เพราะว่าตรวจข้อสอบต้องสับเปลี่ยนกันตรวจ ดังนั้น ข้อสอบของห้องหกถูกแบ่งไปไว้ในมือของคุณครูประจำชั้นของห้องอื่นสองสามคน
คืนวันอาทิตย์ คุณครูหลายท่านโทรศัพท์มาหาหัวหน้าระดับชั้นฟางทางนี้